Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Other cat»Special Report»มัดรวมของใหม่จากงาน WWDC 2022 ที่คนใช้ Apple ควรทราบ
    Special Report

    มัดรวมของใหม่จากงาน WWDC 2022 ที่คนใช้ Apple ควรทราบ

    EDDYBy EDDY8 มิถุนายน 2022
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    WWDC 2022
    WWDC 2022
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    WWDC 2022 งานเปิดตัวเทคโนโลยีของทาง Apple ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยในครั้งนี้นั้นมีการเผยถึงระบบปฏิบัติการณ์รุ่นใหม่อย่าง iOS 16, iPadOS 16 และ watchOS 9 จะน่าสนใจมากแค่ไหนและใครจะได้ไปต่อบ้างนั้นไปติดตามกัน

    WWDC 2022
    WWDC 2022

    จัดขึ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับงานเปิดตัวทางด้านเทคโนโลยีงานใหญ่ของทาง Apple เองอย่าง WWDC ประจำปี 2022 ที่ในปีนี้นั้นสำหรับฝั่งผู้ใช้สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ตและ Apple Watch ได้เหกันไปเต็มๆ เพราะทาง Apple ได้ทำการเปิดตัวระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่มาให้ครบทุกแพลตฟอร์มอย่าง iOS 16, iPadOS 16 และ watchOS 9 แต่ละระบบปฏิบัติการณ์จะมีอะไรเพิ่มเข้ามาใหม่ให้ผู้ใช้ได้ใช้งานและเครื่องรุ่นไหนที่จะได้ไปต่อกับระบบปฏิบัติการณ์ใหม่นี้บ้างนั้น ไปติดตามกันได้เลย


    • iOS 16 ระบบปฏิบัติการณ์เวอร์ชันใหม่สำหรับผู้ใช้ iPhone
    • iPadOS 16 ระบบปฏิบัติการณ์เวอร์ชันใหม่สำหรับผู้ใช้ iPad
    • watchOS 9 ระบบปฏิบัติการณ์เวอร์ชันใหม่สำหรับผู้ใช้ Apple Watch

    iOS 16 ระบบปฏิบัติการณ์เวอร์ชันใหม่สำหรับผู้ใช้ iPhone

    Lock screen ที่ปรับแต่งได้ตามใจผู้ใช้

    เริ่มต้นเอาใจผู้ใช้ iPhone กันก่อนกับ iOS 16 ที่ในครั้งนี้นั้นนอกเหนือไปจากเรื่องของการอัปเดทเสถียรภาพและความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการณ์แล้ว ทาง Apple ได้เอาใจผู้ใช้ด้วยการตอบสนองต่อสิ่งที่ผู้ใช้เรียกร้องกันมาหลายยุคหลายสมัยด้วยการเปิดให้ผู้ใช้สามารถทำการปรับแต่งหน้าจอ Lock screen ได้มากขึ้นกว่าเดิมแบบยกเครื่องมาเลยทีเดียว

    จุดเด่นใหญ่ที่สุดก็คือบน iOS 16 นั้นผู้ใช้สามารถที่จะทำการปรับแต่งพื้นหลังของหน้าจอ Lock screen ได้เองแล้วตามใจชอบโดยสามารถที่จะตั้งให้เป็นภาพนิ่งต่างๆ จากคลังรูปภาพที่เก็บไว้ หรือจะใช้งานเป็นภาพเคลื่อนไหว(Live wallpaper) ก็ได้อีกเช่นเดียวกัน งานนี้ก็ไม่ต้องเบื่อกับหน้าจอ Lock screen เดิมๆ กันอีกต่อไป

    หมายเหตุ – ผู้ใช้ยังสามารถที่จะนำเอาภาพนิ่งในคลังภาพของตัวเองมาทำเป็นรูปภาพบนหน้าจอล๊อคแบบที่ให้เปลี่ยนรูปภาพไปเรื่อยๆ ได้ด้วยอีกต่างหากผ่านทางฟีเจอร์ Photo Shuffle ซึ่งจุดนี้เรียกได้ว่าเยี่ยมเอามากๆ เพราะไม่จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชันนอกมาเพิ่มเติมอีกต่อไป(แต่ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันอาจจะไม่ชอบใจเท่าไรเพราะ Apple เล่นทำมาให้ผู้ใช้ได้ใช้งานกันเองเลย)

    ไม่เพียงแค่จะปรับพื้นหลังได้ตามใจชอบเพราะบน iOS 16 นั้นยังปล่อยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มลด Widget ไว้บนหน้าจอ Lock screen ได้ด้วยตัวเองอีกด้วยต่างหาก โดยการเพิ่มเติม Widget ขึ้นไปบนหน้าจอ Lock screen นั้นก็สามารถที่จะทำได้อย่างง่ายดายเหมือนกับการเพิ่ม Widget บนหน้าจอการใช้งานหลักอีกด้วย

    ยังไม่หมดแค่เพียงเท่านั้นเพราะ Apple ได้ใส่ใจกับการใช้งานจริงด้วยการเพิ่ม Live Activities API เข้ามาโดยเจ้า Live Activities API นี้นั้นจะเข้ามาช่วยทำให้ผู้ใช้สามารถที่จะนำเอา Widget และ notifications ที่แสดงผลแบบ real-time มาขึ้นโชว์ไว้บนหน้าจอ Lock screen ได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่นท่านสามารถที่จะนำเอา Widget แสดงผลฟุตบอลมาโชว์ไว้ที่หน้าจอ Lock screen ได้เลย งานนี้ก็สามารถดูผลบอลได้โดยไม่จำเป็นต้องปลดล๊อคหน้าจออีกต่อไป

    อีกจุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั้นก็คือทาง Apple ได้ให้อิสระกับผู้ใช้ในการจัดวางตำแหน่ง Widget บนหน้าจอ Lock screen ได้ด้วยตัวเองอีกต่างหาก งานนี้จะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอ Lock screen ของคุณได้หลายรูปแบบโดยไม่ต้องห่วงว่าตำแหน่งการจัดวางของ Widget ต่างๆ นั้นจะมาตัดกับภาพพื้นหลังที่แสดงผลบนหน้าจอ Lock screen อยู่จนทำให้คุณไม่สามารถอ่านข้อมูลบน Widget ได้ เรียกได้ว่า Apple ใส่ใจผู้ใช้งานจริงๆ

    Focus

    อัปเดทต่อมานั้นจะเป็นในส่วนของฟีเจอร์ Focus หรือการเลือกโปรไฟล์การแจ้งเตือนต่างๆ ของระบบของ iOS ให้เข้ากันกับระบบ Lock screen แบบใหม่ที่คุณสามารถทำการเลือก Focus นั้นๆ ได้บนหน้าจอ Lock screen ได้โดยตรงไม่จำเป็นต้องปลดล๊อคหน้าจอก่อน นอกไปจากนั้นแล้วหลังจากที่คุณเลือกโปรไฟล์แล้วนั้น หากคุณปลดล๊อคหน้าจอโปรไฟล์ที่คุณเลือกไว้ก็จะทำงานต่อในหน้าจอการทำงานปกติของตัวระบบปฏิบัติการณ์ด้วย งานนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะแอบดูแชทตอนช่วงประชุมแล้วลืมตัวไปว่าเปิดเสียงเอาไว้อยู่อีกต่อไป(แต่ทางที่ดีตอนประชุมก็วางสมาร์ทโฟนของคุณไว้ก่อนจะดีกว่านะ)

    Messages

    ฟีเจอร์ต่อมาที่ได้รับการอัปเดทด้วยบน iOS 16 ก็คือแอปพิลเคชัน Messages ซึ่งได้รับการอัปเกรดใหญ่ๆ 4 อย่างด้วยกันดังต่อไปนี้

    1. คุณสามารถที่จะแก้ไขข้อความได้แล้ว โดยการแก้ไขข้อความนี้นั้นนอกเหนือไปจากแก้ไขข้อความที่ส่งไปแล้วคุณยังสามารถที่จะทำการยกเลิกการส่งข้อความ(Undo Send) และตั้งค่าให้ข้อความนั้นยังคงไม่ถูกอ่านได้อีกด้วย(เหมือนกับการตั้งค่าอีเมลว่ายังคงไม่ถูกเปิดอ่านทั้งๆ ที่ได้มีการเปิดอ่านไปแล้ว)
    2. ระบบเขียนตามคำบอก(Dictation) ได้รับการอัปเดทใหญ่ด้วยการใส่ระบบการเขียนตามคำบอกมาไว้ในเครื่องเลยไม่ต้องต่อเน็ทให้เปลืองการใช้ข้อมูลเครือข่ายอีกต่อไป(แต่ว่าข้อมูลการติดตั้งระบบปฏิบัติการณ์จะกินพื้นที่แหล่งเก็บข้อมูลมากขึ้น) ที่สำคัญคุณยังสามารถเปลี่ยนไปมาระหว่างระบบเขียนตามคำบอกกับการพิมพ์ได้อย่างไหลลื่นด้วยอีกต่างหาก
    3. ระบบช่วยเหลือการพิมพ์ได้รับการอัปเกรดเพิ่มเติมเช่นตัวช่วยจำ emoji ที่สามารถเลือก emoji ที่คุณต้องการได้อย่างชาญฉลาด, ระบบการใส่เครื่องหมายวรรคตอนต่างๆ และที่สำคัญที่สุดเลยก็คือรองรับการใช้งานกับ Siri อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย
    4. ฟีเจอร์ SharePlay สามารถใช้งานได้โดยตรงผ่านทาง Messages ได้แล้ว

    Live Text

    ใน iOS 16 นี้นั้นทาง Apple ได้ใส่ฟีเจอร์การคัดลอกข้อความที่ปรากฎอยู่บนรูปภาพหรือคลิปวีดีโอในชื่อว่า Live Text ออกมาด้วย(คล้ายๆ ฟีเจอร์ Lens ของทาง Google) งานนี้ผู้ใช้งานสายออฟฟิศต้องชื่นชอบมากๆ อย่างแน่นอน

    Apple Wallet

    Apple Wallet ได้รับการอัปเกรดใหญ่ๆ เช่นเดียวกันโดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม ตัวอย่างเช่นบน iOS 16 นี้นั้น Apple Wallet จะทำการแสดงผลเฉพาะอายุของคุณไม่แสดงผล วัน/เดือน/ปี เกิด ซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นส่วนตัวมากกว่าของคุณให้กับคู่ค้าอีกต่อไป นอกไปจากนั้นแล้วคุณยังสามารถแชร์คีย์เสมือนผ่าน Wallet ไปยัง Messages หรือแอปพลิเคชันอื่นๆ เพื่อให้ทำการตัดเงินผ่านทาง Apple Wallet ได้อีกด้วย

    มาถึงฟีเจอร์ที่สายผ่อนต้คงต้องปลื้มกันแบบสุดๆ (แต่คนไทยเรานั้นคงได้แต่รอกันต่อไปก่อนเพราะ Apple Wallet ยังใช้งานในบ้านเราไม่ได้) ก็คือฟีเจอร์ Apple Pay Later ที่จะช่วยให้คุณใช้เงินก่อนแล้วจ่ายทีหลัง(คล้ายๆ สิ้นเชื่อดิจิทัล) โดยสามารถที่จะเลือกระยะเวลาชำระได้สูงสุดถึง 6 เดือนด้วยกัน

    iCloud Shared Photo Library

    อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ Apple สามารถที่จะทำมาได้ดีโดยตลอดกับการแชร์รูปภาพขึ้นบน iCloud ที่ในครั้งนี้นั้นผู้ใช้สามารถที่จะสร้าง iCloud library แยกได้เองต่างหากตามความต้องการโดยใน iCloud library หนึ่งๆ นั้นสามารถที่จะเลือกผู้ร่วมแชร์ภาพให้เข้ามาใช้รูปภาพในนั้นได้สูงสุดถึง 6 คนอีกด้วย

    และที่เหนือไปกว่านั้นก็คือ iCloud library ที่คุณแชร์นั้นตัวระบบยังสามารถที่จะแยกแยะการแชร์รูปภาพไปยังคนที่ปรากฎอยู่บนรูปภาพบน iCloud library ได้ด้วยอีกต่างหากแบบอัตโนมัติ งานนี้เรียกได้ว่าทำให้ผู้ใช้งานสายแชร์สะดวกสบายมากขึ้นจริงๆ

    Apple Maps

    สำหรับผู้ที่ใช้งาน iPhone ช่วยในการนำทางนั้น งานนี้ Apple Maps เองก็ได้รับการอัปเกรดด้วยเช่นเดียวกันโดยในครั้งนี้นั้นจะมีอีก 11 ประเทศเพิ่มเติมที่สามารถใช้งาน Apple Maps ได้อย่างเต็มรูปแบบ มีการเพิ่มฟีเจอร์การกำหนดเส้นทางแบบหลายจุด(ได้สูงสุดถึง 15 จุดแวะพัก) นอกไปจากนั้นยังมีอีก 5 หัวเมืองใหญ่ที่ผู้ใช้จะสามารถใช้ฟีเจอร์การแสดงผลภาพแบบ 3D เต็มรูปแบบได้อีกด้วย

    CarPlay

    ฟีเจอร์สุดท้ายสำหรับ iOS 16 ที่ยังคงไม่มีการเผยข้อมูลออกมามากนักก็คือการใช้งาน iOS ร่วมกับ CarPlay ที่ได้รับการออกแบบหน้าจอบน CarPlay แบบยกเครื่อง ทว่ามีการคาดการณ์เอาไว้ว่าผู้ใช้งาน iOS 16 จะสามารถทำการปรับแต่งหน้าจอ CarPlay ได้ตามใจชอบด้วย

    สำหรับผู้ใช้ที่ iPhone ที่จะสามารถอัปเกรดมาใช้งาน iOS 16 ได้นั้นจะต้องเป็นผู้ใช้งาน iPhone 8 เป็นต้นไป ดังนั้นแล้ว iPhone 7 ก็ถือว่าตกรุ่นแล้วอย่างเป็นทางการในปี 2022 ด้วยประการฉะนี้เอง


    iPadOS 16 ระบบปฏิบัติการณ์เวอร์ชันใหม่สำหรับผู้ใช้ iPad

    มาที่ฝั่งผู้ใช้งาน iPad กันบ้างกับ iPadOS 16 ที่ฟีเจอร์ใหญ่ๆ นั้นยังคงได้รับผลพวงมาจาก iOS 16 ทว่าแน่นอนว่าเมื่อเป็น iPadOS แล้วนั้นก็ต้องมีการอัปเดทฟีเจอร์ของตัวเองเฉพาะออกมาด้วยต่างหาก สำหรับฟีเจอร์แรกที่เพิ่มขึ้นมานั้นก็คือฟีเจอร์ Stage Manager ที่ได้ถูกเพิ่มขึ้นมาเพื่อให้การใช้งานแอปพลิเคชันหลายๆ แอปในเวลาเดียวกันทำได้สะดวกมากขึ้นโดยการนำเอาแอปพลิเคชันที่เราใช้งานในปัจจุบันมาไว้กลางหน้าจอและแอปพลิเคชันที่เปิดเป็นพื้นหลังวางไว้อยู่ตรงด้านข้างซ้ายซึ่งจะช่วยให้การสลับแอปพลิเคชันนั้นทำได้ง่ายขึ้น(ซึ่งเป็นการรองรับการใช้งานร่วมกับหน้าจอที่ 2)

    นอกไปจากนั้นแล้วผู้ใช้ที่ iPad ที่มีหน่วยประมวลผลรุ่น Apple M1 ยังสามารถที่จะต่อหน้าจอแยกได้ที่ความละเอียดสูงสุดมากถึงระดับ 6K ด้วยอีกต่างหาก ทั้งนี้ในการใช้งานแอปพลิเคชันร่วมกันมากสุดในหนึ่งหน้าจอนั้นจะอยู่ที่ 4 แอปพลิเคชัน(โดยหากเครื่องที่ใช้หน่วยประมวลผล Apple M1 เมื่อต่อหน้าจอที่ 2 จะสามารถใช้งานแอปพลิเคชันพร้อมๆ กันได้มากสุดถึง 8 แอปพลิเคชัน)

    มาต่อกันที่ฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Freeform ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถที่จะปรับย่อขยายขนาดแอปพลิเคชันที่เปิดใช้งานอยู่รวมทั้งยังสามารถที่จะเลื่อนหน้าจอแอปพลิเคชันนั้นๆ ไปมาได้ตามความต้องการได้อีกด้วยต่างหาก(คล้ายๆ การใช้งานโปรแกรมหลายๆ โปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Windows) งานนี้คุณก็สามารถที่จะ Facetime ไปดูแอปพลิเคชันอื่นๆ ไปด้วยในเวลาเดียวกันได้

    แอปพลิเคชัน Mail บน iPadOS 16 เองนั้นก็ได้รับการอัปเกรดในส่วนของฟีเจอร์การค้นหาที่จะช่วยให้คุณสามารถค้นหาเมลที่ต้องการได้รวดเร็วมากขึ้น จุดที่น่าสนใจก็คือคุณสามารถที่จะค้นหารายชื่อผู้ส่งเมลแล้วดูสิ่งที่คุณร่วมแชร์กับผู้ส่งเมลนั้นๆ ได้อีก นอกไปจากนั้นเองแล้วผู้ใช้ยังสามารถที่จะทำการ unsent เมลได้อีกต่างหากโดยหากทำได้ภายในช่วงเวลาที่กำหนดเมลที่เผลอกดส่งไปนั้นก็จะไม่ไปปรากฎที่ผู้รับอีกด้วย 

    ในส่วนของแอปพลิเคชันท่องเว็บอย่าง Safari เองนั้นบน iPadOS 16 ก็ได้รับการอัปเกรดแบบยกใหญ่ด้วยเช่นกัน โดยจุดใหญ่ๆ เลยนั้นก็คือเรื่องของการแชร์ Tab groups ของเราไปยังผู้ใช้คนอื่นแบบทันทีทันใด(รวมถึง Bookmarks ก็สามารถที่จะแชร์ได้ด้วย) นอกไปจากนั้นแล้วหน้าจอเริ่มต้นของ Tab groups ที่คุณแชร์ไปนั้นยังสามารถทำการปรับเปลี่ยนแก้ไขพื้นหลัง, รูปภาพและข้อมูลบางส่วนได้ด้วยตัวเองอีกต่างหาก

    สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั้นก็คือการอัปเกรดระบบรหัสการเข้าถึงเว็บไซต์(passkeys) ใน Safari บน iPadOS 16 ที่ได้อัปเกรดการเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆ (ที่รองรับ) โดยไม่ต้องมานั่งจำรหัสให้เปลืองพื้นที่ในสมองอีกต่อไปเพราะคุณสามารถใช้ Touch ID หรือ Face ID เข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆ เหล่านั้นได้โดยตรง แน่นอนว่าเมื่อเปลี่ยนมาใช้ระบบนี้แล้วนั้นข้อมูลส่วนตัวของคุณก็ปลอดภัยมากขึ้นเพราะไม่จำเป็นต้องไปเก็บข้อมูลชื่อผู้ใช้และรหัสบนเครื่อง Server ของเว็บไซต์ต่างๆ เหล่านั้นนั่นเอง(แต่เว็บไซต์ต่างๆ เหล่านั้นต้องรองรับฟีเจอร์ดังกล่าวนี้เท่านั้น)

    สุุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุดก็คือบน iPadOS 16 นั้นได้มีการเพิ่มแอปพลิเคชัน Weather เข้ามาให้คุณได้ใใช้งานแล้ว นอกไปจากนั้นแล้ว Siri ยังสามารถที่จะรัน shortcuts ของแอปพลิเคชันต่างๆ ได้แบบอัตโนมัติได้อีกต่างหาก แล้วแอปพลิเคชัน Notes ก็ยังสามารถที่จะปรับการเขียนบนหน้าจอของคุณให้เป็นตัวอักษรแบบตรงๆ อ่านง่ายได้โดยอัตโนมัติด้วย(งานนี้ใครรายมือไม่สวยก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป)

    สุดท้ายท้ายสุดกับฟีเจอร์ Reference Mode ในส่วนของความแม่นยำของสี(color accuracy) สำหรับผู้ใช้งานทางด้านกราฟิกที่จะมีให้ใช้สำหรับผู้ใช้งาน 12.9″ iPad Pro เท่านั้น งานนี้เรื่องงานสีๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แถมสำหรับผู้ใช้งาน 12.9″ iPad Pro ยังสามารถใช้ฟีเจอร์ Virtual Memory Swap หรือเพิ่มหน่วยความจำเสมือนโดยใช้แปล่งเก็บข้อมูลมาแปลงเป็นหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 16GB อีกต่างหาก

    ทั้งนี้ iPadOS 16 นั้นจะใช้งานได้กับเครื่องดังต่อไปนี้เท่านั้น

    • iPad Pro ทุกรุ่น
    • iPad ตั้งแต่ Gen 5 ขึ้นไป
    • iPad mini ตั้งแต่ Gen 5 ขึ้นไป
    • iPad Air ตั้งแต่ Gen 3 ขึ้นไป

    watchOS 9 ระบบปฏิบัติการณ์เวอร์ชันใหม่สำหรับผู้ใช้ Apple Watch

    ปิดท้ายกันด้วยระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทวอทช์ของทาง Apple อย่าง watchOS 9 กับเริ่มต้นอัปเดทหน้าปัดนาฬิกาแบบใหม่ 4 แบบซึ่งประกอบไปด้วย Lunar, Playtime, Metropolitan และ Astronomy ช่วยให้การใช้งานของคุณจำเจน้อยลง นอกไปจากนั้นแล้วการแสดงผลบนหน้าปัดนาฬิกาหลักยังมาพร้อมกับ depth effect หรือเอฟเฟคแสดงความลำสำหรับหน้าปัดนาฬิกาที่เป็นสิ่งมีชีวิตและสถานที่

    ต่อเนื่องด้วยแอปพลิเคชัน Workout ที่ได้รับการอัปเกรดให้สามารถแสดงผลข้อมูลต่างๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งผู้ใช้ยังคงสามารถที่จะเพิ่มการวัดค่าต่างๆ แล้วนำมาแสดงผลบนหน้าจอได้มากขึ้นอีกด้วยต่างหาก นอกไปจากนั้นแล้วคุณยังสามารถที่จะทำการสร้างการออกกำลังกายที่มีโครงสร้างพร้อมการทำงานและช่วงเวลาพักที่กำหนดเองได้ อีกทั้งยังสามารถทำการเพิ่มการเตือนใหม่ ทั้งเพซ, พลัง, อัตราการเต้นของหัวใจและจังหวะได้อีกด้วย

    สำหรับนักไตรกีฬานั้นแอปพลิเคชัน watchOS 9 ก็ได้เพิ่มความสามารถในการสนับสนุนรูปแบบของการการออกกำลังกายแบบมัลติสปอร์ตที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบกีฬาได้เองโดยอัตโนมัติอีกด้วยต่างหาก ซึ่งคุณสามารถตั้งลำดับของกีฬาไว้ได้ด้วยตัวเองจาก 3 กีฬาอย่างว่ายน้ำ, ปั่นจักรยานและวิ่ง ในส่วนของนักวิ่งนั้นบนแอปพลิเคชัน Workout ก็ได้มีการเพิ่มการวัดค่าระยะก้าว, เวลาสัมผัสพื้นและการแกว่งในแนวดิ่ง เพิ่มเข้ามาให้คุณได้ใช้งานอีกด้วย

    มาต่อกันที่การติดตามการนอนหลับของผู้ใช้งานที่ในครั้งนี้นั้นผู้ใช้ Apple Watch สามารถดูรูปแบบการนอนหลับ(REM, Core และ Deep sleep) ได้ด้วยแล้วผ่านทางหน้าจอ Apple Watch เลย

    watchOS 9 ยังได้มีการเพิ่มฟีเจอร์อย่าง AFib history สำหรับการตรวจสอบภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วเข้ามาให้ผู้ใช้ได้ดูเพิ่มด้วยผ่านทางการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งหากตัว Apple Watch ตรวจพบว่าคุณมีภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นแล้วล่ะก็คุณจะได้รับการแจ้งเตือนขึ้นมาที่บนหน้าจอของ Apple Watch ทำให้คุณสามารถเข้าตัดสินใจไปเข้าทำการรักษาอย่างถูกต้องได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย(และที่สำคัญก็คือคุณยังสามารถโหลดไฟล์ข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจที่ Apple Watch ตรวจจับออกมาในรูปแบบ pdf เพื่อที่จะเอาไปให้คุณหมอได้ดูได้เลยด้วยอีกต่างหาก)

    ท้ายสุดกับฟีเจอร์ Medications หรือฟีเจอร์ทำการแจ้งเตือนการทานยาสำหรับผู้ที่เป็นโรคที่ต้องการรับประทานยาต่อเนื่อง โดยนอกเหนือไปจากที่จะเตือนให้คุณทานยาได้ด้วยแล้วนั้นยังสามารถเตือนคุณได้อีกด้วยต่างหากว่ายาที่คุณมีเหลืออยู่นั้นเหลืออยู่กี่เม็ก อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นผู้ใช้จะต้องเข้าไปกรอกข้อมูลในส่วนของการแจ้งเตือนการรับประทานยานี้ผ่านทางแอปพลิเคชัน Health บนสมาร์ทโฟนก่อน

    นอกเหนือไปจากฟีเจอร์ที่ได้มีการพูดถึงไปแล้วนั้น watchOS 9 ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาอีกในหลายๆ ส่วนไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม kickboard detection และ SWOLF score สำหรับกีฬาว่ายน้ำ, Home apps ที่สนับสนุนการตั้งค่าครอบครัว(ให้คุณผู้ปกครองได้ตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ให้ลูกหลานได้สะดวกมากขึ้น), Quick Actions รูปแบบใหม่, Apple Watch Mirroring สำหรับการควบคุม Apple Watch ผ่านทางอุปกรณ์ที่รองรับ, ดีไซน์การแจ้งเตือนแบบใหม่และคุณสมบัติอำนวยความสะดวกที่นำมาจาก iPhone

    อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นเป็นที่น่าเสียดายว่า watchOS 9 นั้นจะไม่รองรับกับ Apple Watch รุ่นที่มีวางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด หากคุณต้องการใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ บน watchOS 9 แล้วล่ะก็จะต้องทำการรอซื้อ Apple Watch รุ่นใหม่ที่จะออกวางจำหน่ายในปีนี้เป็นต้นไปเท่านั้น


    จริงๆ แล้วในงาน WWDC 2022 ทาง Apple ยังคงมีการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ อื่นๆ อีก แต่สำหรับผู้ใช้ iPhone, iPad และ Apple Watch นั้นก็จะมีส่วนที่เกี่ยวข้ออยู่เท่านั้น อย่างไรก็ตามแล้วหากมีข่าวคืบหน้าอย่างไรทาง specphone จะรีบนำรายงานที่ถึงลูกถึงคนมานำเสนอให้ทุกท่านได้รับทราบกันต่อไปอย่าลืมติดตามกันด้วยนะ

    ที่มา : gsmarena 1, gsmarena 2, gsmarena 3, gsmarena 4, cnet

    Apple Watch iOS 16 iPad iPadOS 16 iPhone smartphone Smartwatch tablet watchOS 9 WWDC 2022
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    EDDY

    Related Posts

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X