หลายคนเตรียมรอดูงานเปิดตัว Apple iPhone 12 กันแล้วอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งแน่นอนว่ามีข่าวข้อมูลหลุด ๆ ออกมาให้ดูกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่จากข้อมูลล่าสุดจากนักลงทุนนามว่า Morgan Stanley เผยว่าเครื่องรุ่นใหม่นี้จะเป็นมือถือที่ว้าวที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว และคาดว่าจะดันยอดขายเพิ่มขึ้นไปอีกถึง 22 เปอร์เซ็นต์ หรือตีเป็นจำนวนเครื่องกว่า 220 ล้านเครื่องในปีหน้า
ข้อมูลที่น่าสนใจที่สุดที่จะช่วยประกอบการคาดการณ์ดังกล่าวก็คือเรื่องของราคา ที่คาดว่ารุ่นเริ่มต้น mini จะเริ่มที่ $649 สหรัฐฯ (ประมาณ 20,xxx บาท) ซึ่งถูกกว่ารุ่นเริ่มต้นของ iPhone 11 ปีที่แล้ว $50 สหรัฐฯ (ประมาณ 1,5xx บาท) ส่วนรุ่นท้อปสุดคือ 12 Pro Max ที่มาพร้อมกับความจุระดับ 512GB คาดว่าจะตั้งราคามาที่ $1,399 สหรัฐฯ (ประมาณ 43,xxx บาท) ซึ่งก็ถูกกว่า iPhone 11 Pro Max 512GB อีก $50 สหรัฐฯ เช่นกัน
iPhone 12 ใหม่ถูกลงกว่าเดิม
- 12 mini (5.4 นิ้ว) – 64GB ($649), 128GB ($699), 256GB ($799)
- 12 (6.1 นิ้ว) – 64GB ($749), 128GB ($799), 256GB ($899)
- 12 Pro (6.1 นิ้ว) – 128GB ($999), 256GB ($1099), 512GB ($1299)
- 12 Pro Max (6.7 นิ้ว) – 128GB ($1099), 256GB ($1199), 512GB ($1399)
หัวใจหลักสำคัญของวงการมือถือสมาร์ทโฟนในตอนนี้ แน่นอนว่าหนีไม่พ้นเรื่องของราคาที่ตั้งออกมาวางจำหน่าย เพราะด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลก ส่งผลกระทบโดยตรงกับกำลังซื้อ และการตัดสินใจของผู้บริโภคแบบเต็ม ๆ และยังมีคู่แข่งเจ้าอื่น ๆ อย่าง Samsung ที่ถือเป็นคู่แข่งสำคัญในเวลานี้ ก็มีตัวเรือธงอย่าง Galaxy S20 Ultra ที่ราคาก็พอฟัดพอเหวี่ยงกันมาเลย รวมถึงเรื่องระบบ 5G ที่จะส่งผลให้ iPhone ตัวใหม่นี้ เป็นที่จับตา
แต่ที่น่าจะเป็นคำถามตามมาอีกอย่างก็คือ สาเหตุที่ Apple สามารถหั่นราคาจำหน่ายเครื่องรุ่นใหม่นี้ลงไปได้ยังไง มีการตัดทอนสเปกของชิ้นส่วนภายในที่ใช้หรือเปล่า ที่เป็นที่พูดถึงกันมากที่สุดก็คือเรื่องของแบตเตอรี่ เพราะถ้าหากว่าลดความจุลงไป จะส่งผลกระทบต่อหน้าจอ ProMotion 120Hz ที่กินพลังงานจากแบตเตอรี่เป็นอย่างมากแน่นอน และยังอาจมีการไม่แถมหูฟัง รวมถึงหัวเสียบชาร์จมาให้ในกล่องอีกต่อไป
ที่มา: Forbes