เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับกับงาน Apple Event พร้อมกับการเปิดตัว iPhone 12 รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Apple เปิดตัว iPhone พร้อมกันถึง 4 รุ่น แถมยังใช้หน้าจอ OLED ครบทั้ง 4 รุ่นเลย นอกจากนี้ยังรองรับ 5G อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการอัพเกรดครั้งใหญ่ของ iPhone เลยทีเดียว ซึ่งรายละเอียดของทั้ง 4 รุ่นจะเป็นอย่างไรนั้นไปชมกันได้เลย
สิ่งแรกที่ถูกพูดถึงเลยแถมยังเน้นย้ำบ่อยด้วยก็คือ 5G เพราะ iPhone 12 นั้นรองรับ 5G ที่เป็น 5G Ultra Wideband ของ Verizon ที่ดาวน์โหลดได้สูงสุด 4Gbps นั่นเอง (5G mmWave ใช้ได้แค่ในอเมริกาเท่านั้น)
iPhone 12 / 12 mini
อย่างแรกที่ถูกพูดถึงเลยก็คือสีครับ โดยจะมีให้เลือกถึง 5 สีคือน้ำเงิน, แดง, เขียว, ขาว และดำ ซึ่งดีไซน์ตัวเครื่องเป็นทรง iPad Pro ตามข่าวหลุดต่าง ๆ กรอบตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมที่ได้รับการออกแบบมาให้รับสัญญาณ 5G ได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังมี Smart Data Mode ที่สามารถสลับไปใช้ 4G ตอนไม่มี 5G เพื่อประหยัดพลังงานได้
(ไอโฟน 12) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR ที่รองรับ HDR10 มีขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล 460 ppi ซึ่งได้ทำการเคลือบหน้าจอด้วย Ceramic shield ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 สามารถทำความสว่างได้สูงสุด 625 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุดที่ 1,200 นิต (HDR)
(ไอโฟน mini) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR ที่รองรับ HDR10 มีขนาด 5.4 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล 476 ppi ซึ่งได้ทำการเคลือบหน้าจอด้วย Ceramic shield ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 สามารถทำความสว่างได้สูงสุด 625 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุดที่ 1,200 นิต (HDR)
ชิปที่ใช้คือ Apple A14 Bionic ที่มี CPU 6-core และ GPU 4-core ทำให้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 50% นอกจากนี้ Neural Engine ตัวใหม่ยังมีความเร็วมากกว่าเดิมถึง 80% ช่วยให้การประมวลผลมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
ในส่วนของกล้องนั้นมีกล้องหลัง 2 ตัวเป็นกล้อง Wide 12MP f/1.6 และ Ultrawide 12MP f/2.4 ที่ได้รับการอัพเกรดให้สามารถถ่ายภาพ/ถ่ายวีดีโอในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น (ใช้ Night Mode ได้ทั้ง 2 เลนส์)
นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จแบบ MagSafe อีกด้วย นอกจากนี้ในงานยังแสดงให้เห็นถึงกล่อง iPhone แบบใหม่และของที่อยู่ข้างในด้วย ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นไปตามข่าวลือคือไม่มีหัวชาร์จและหูฟังมาให้ ในกล่องมีแค่ iPhone และสาย USB-C to Lightning เท่านั้น
iPhone 12 Pro / 12 Pro Max
มันคือ iPhone ที่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ระดับ Pro มากมาย มีตัวเครื่องเป็นสแตนเลส มีสีให้เลือกทั้งหมด 4 สีคือ เทา, กราไฟต์, ทอง และน้ำเงิน ซึ่งเรียกได้ว่าสวยระดับพรี่เมี่ยม มีความหรูหราอย่างโดดเด่น แน่นอนว่าเหมือนรุ่นเล็กคือนอกจากตัวเครื่องแล้วที่แถมมาในกล่องจะมีแค่สาย USB-C to Lightning เท่านั้น
(ไอโฟน 12 Pro) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR มีขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล 460 ppi ซึ่งได้ทำการเคลือบหน้าจอด้วย Ceramic shield ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 สามารถทำความสว่างได้สูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุดที่ 1,200 นิต (HDR)
(ไอโฟน Pro Max) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR มีขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล 458 ppi ซึ่งได้ทำการเคลือบหน้าจอด้วย Ceramic shield ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 สามารถทำความสว่างได้สูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุดที่ 1,200 นิต (HDR)
ชิปที่ใช้คือ Apple A14 Bionic ที่มี CPU 6-core และ GPU 4-core ทำให้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 50% นอกจากนี้ Neural Engine ตัวใหม่ยังมีความเร็วมากกว่าเดิมถึง 80% ช่วยให้การประมวลผลมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม (มีการทดลอบเล่นเกม League of Legends: Wild Rift! ให้ได้เห็นกันชัด ๆ ด้วย)
ด้านกล้องเป็นจุดที่ Apple เน้นเป็นพิเศษมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวคือ Wide 12MP f/1.6 Ultrawide 12MP f/2.4 และ Telephoto 12MP f/2.0 (12 Pro), f/2.2(12 Pro Max) ซึ่งสามารถซูมแบบ Optical ได้ 4 เท่า, Digital 10 เท่าในไอโฟน 12 Pro และ 5 เท่า, Digital 12 เท่าในไอโฟน 12 Pro Max โดยทุกเลนส์จะมี OIS กันสั่นได้ทั้งหมดซึ่งช่วยให้ถือเครื่องนิ่ง ๆ เพียง 2 วินาที ก็ถ่ายกลางคืนได้ดีขึ้นถึง 87%
Apple ProRAW ฟีเจอร์เด่นที่ช่วยแสดงความสามารถของชิป Apple A14 ออกมาได้อย่างดีด้วยการที่สามารถเก็บภาพแบบ RAW พร้อมทั้งสามารถแก้ไขภาพได้เลย โดยสามารถทำงานร่วมกับแอปของ Apple หรือแอปภายนอกได้ นอกจากนี้ยังรองรับการบันทึกวีดีโอ HDR, 10-bit HDR (เก็บสี, แสง, เงาได้ดีกว่า) และ Dolby Vision HDR (เสียงดีขึ้น) แถมแอป Photo ยังสามารถปรับแสงวิดีโอ HDR ได้ทันทีเลย
LiDAR อีกหนึ่งจุดเด่นของไอโฟน 12 Pro / 12 Pro Max เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องการจับระยะภาพแบบ 3D แล้วยังช่วยให้ Autofocus ทำงานได้เร็วขึ้นถึง 6 เท่าแม้ในที่แสงน้อย อีกทั้งเซ็นเซอร์ LiDAR ยังสามารถใช้งานร่วมกับ 5G ได้อีกด้วย
ราคา
iPhone 12 mini
- 64GB : $729 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 26,500 บาท
- 128GB : $779 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 28,500 บาท
- 256GB : $879 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 32,000 บาท
iPhone 12
- 64GB : $829 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 30,500 บาท
- 128GB : $879 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 32,500 บาท
- 256GB : $979 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 35,500 บาท
iPhone 12 Pro
- 128GB : $999 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 35,900 บาท
- 256GB : $1099 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 40,900 บาท
- 512GB : $1299 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 47,900 บาท
iPhone 12 Pro Max
- 128GB : $1099 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 39,900 บาท
- 256GB : $1199 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 44,900 บาท
- 512GB : $1399 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 51,900 บาท
วันเปิดจองและวันจำหน่าย
วันเปิดจอง
- ไอโฟน 12 เริ่มพรีออเดอร์วันที่ 16 ตุลาคม 2563
- ไอโฟน 12 mini เริ่มพรีออเดอร์วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563
- ไอโฟน 12 Pro เริ่มพรีออเดอร์วันที่ 16 ตุลาคม 2563
- ไอโฟน 12 Pro Max เริ่มพรีออเดอร์วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563
วันวางจำหน่าย
- ไอโฟน 12 วางจำหน่ายวันที่ 23 ตุลาคม 2563
- ไอโฟน 12 mini วางจำหน่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563
- ไอโฟน 12 Pro วางจำหน่ายวันที่ 23 ตุลาคม 2563
- ไอโฟน 12 Pro Max วางจำหน่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563
สรุปสเปค iPhone 12
iPhone 12 mini | iPhone 12 | iPhone 12 Pro | iPhone 12 Pro Max | |
---|---|---|---|---|
หน้าจอ | Super Retina XDR ขนาด 5.4 นิ้ว 2340 x 1080 พิกเซล 476ppi การแสดงผลแบบ True Tone ขอบเขตสีกว้าง (P3) | Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว 2532 x 1170 พิกเซล 460ppi การแสดงผลแบบ True Tone ขอบเขตสีกว้าง (P3) | Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว 2532 x 1170 พิกเซล 460ppi การแสดงผลแบบ True Tone ขอบเขตสีกว้าง (P3) | Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว 2778 x 1284 พิกเซล 458ppi การแสดงผลแบบ True Tone ขอบเขตสีกว้าง (P3) |
ชิปประมวลผล | A14 Bionic | A14 Bionic | A14 Bionic | A14 Bionic |
แรม | 4GB | 4GB | 6GB | 6GB |
หน่วยความจำ | 64/128/256GB | 64/128/256GB | 128/256/512GB | 128/256/512GB |
กล้องหลัง | Wide 12MP Ultrawide 12MP | Wide 12MP Ultrawide 12MP | Wide 12MP Ultrawide 12MP Telephoto 12MP LiDAR Scanner | Wide 12MP Ultrawide 12MP Telephoto 12MP LiDAR Scanner |
กล้องหน้า | 12 MP | 12 MP | 12 MP | 12 MP |
กันน้ำ | IP68 (ไม่เกิน 6 เมตร ภายใน 30 นาที) | IP68 (ไม่เกิน 6 เมตร ภายใน 30 นาที) | IP68 (ไม่เกิน 6 เมตร ภายใน 30 นาที) | IP68 (ไม่เกิน 6 เมตร ภายใน 30 นาที) |
5G | Sub 6GHz | Sub 6GHz | Sub 6GHz | Sub 6GHz |
ราคา (เริ่มต้น) | 20,320 บาท | 23,450 บาท | 31,300 บาท | 35,880 บาท |