รวมข้อมูลข่าว iPhone 13 เท่าที่รู้ในตอนนี้ มีอะไรใหม่ที่น่าสนใจบ้าง?
สิ่งที่แฟนๆ ของทาง Apple ตั้งหน้าตั้งตารอเป็นประจำทุกปี ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ที่จะต้องมีการเปิดตัวกันทุกปี และถึงแม้ว่าจะเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ก็ตาม ในปีที่แล้วทาง Apple ก็ยังคงมีการเปิดตัว iPhone 12 ที่กลับมาเขย่าวงการอีกครั้ง ด้วยการดีไซน์ให้กลับมาเหลี่ยมคมเหมือนเดิม แถมยังมีชิปประมวลผลและกล้องระดับเทพในรุ่น Pro กับน้องเล็กอย่าง iPhone 12 mini ที่ถูกใจคนชอบมือถือเครื่องเล็กๆ กันเยอะมาก และก็เป็นที่แน่นอนว่าในปีนี้ ที่หลายๆ ประเทศก็เริ่มที่จะมีการฟื้นฟูกลับมาอยู่ในภาวะปกติอีก รวมไปถึงข่าวข้อมูลของ iPhone 13 ที่มีข่าวหลุดข่าวลือออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งรูปแบบการดีไซน์ตัวเครื่อง ชื่อรุ่น iPhone กล้องหลัง หน้าจอที่ไหลลื่นมากขึ้นกับชิปตัวใหม่ และข่าวคราวของวันเวลาที่จะเปิดตัวกันในปี 2021 นี้ ซึ่งทาง Specphone ก็ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้ ว่าในรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวออกมาจะมีหน้าตา และสเปคภายในเครื่องมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย
- การดีไซน์ จะเป็นอย่างไรบ้างในรุ่นใหม่นี้?
- อาจมี iPhone 13 สีชมพู สี Sunset Gold สีดำด้าน และสีอื่นๆ ให้เลือกอีก
- กล้องหลังที่ปรับใหม่ให้ดีขึ้น พร้อม Sensor-Shift ทุกรุ่น
- หน้าจอที่เปลี่ยนเป็น 120Hz กับ Always On พร้อม Touch ID จะกลับมาอีกครั้ง?
- Notch (รอยบาก, ติ่งหน้าจอ) ที่เล็กลงกว่าเดิม!
- ชิปตัวใหม่กับแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น และอาจได้เห็นความจุ 1TB!
- ยังคงใช้สาย Lightning เหมือนเดิม แต่อาจมี Reverse Wireless Charging
- iPhone 13 เปิดตัวตอนไหน?
- iPhone 13 ราคาเท่าไหร่?
iPhone 13 จะมีรุ่นอะไรบ้าง?
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในบทความนี้ ยังไม่ใช่ข้อมูลอย่างเป็นทางการจาก Apple โดยตรง แต่เป็นแค่ข่าวที่หลุดออกมา ทั้งจากคนที่ทำงานภายในและจากแหล่งข่าวในที่อื่นๆ ทั่วโลก ข้อมูลอย่างเป็นทางการก็ต้องรอวันที่จะเปิดตัวกันอีกที ส่วนรุ่นที่จะมีการเปิดตัวออกมาใหม่นั้น หลายๆ ข่าวให้ความสนใจไปที่ชื่อของรุ่นใหม่กันไม่น้อยเลย ถ้าเรียงจาก Time Line ในแต่ละปีที่มี iPhone เปิดตัวออกมาได้แก่
ปี | รุ่นที่เปิดตัว |
2007 | iPhone (รุ่นแรก) |
2008 | iPhone 3G |
2009 | iPhone 3GS |
2010 | iPhone 4 |
2011 | iPhone 4s |
2012 | iPhone 5 |
2013 | iPhone 5s และ iPhone 5c |
2014 | iPhone 6 และ iPhone 6 Plus |
2015 | iPhone 6s และ iPhone 6s Plus |
2016 | iPhone 7 และ iPhone 7 Plus |
2017 | iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X |
2018 | iPhone XR, iPhone XS และ iPhone XS Max |
2019 | iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max |
2020 | iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max |
จากข้อมูลด้านบนจะเห็นได้ว่า Apple มักจะมีรุ่นที่ตามด้วย S ในปีถัดมาของการเปิดตัวอยู่ด้วย ถ้าไม่ได้เปลี่ยนการดีไซน์ใหม่ทั้งหมด แต่ในเดือนนี้ทาง Economic Daily News ก็ได้เผยออกมาแล้วว่า ในตัวไอโฟนรุ่นใหม่นั้นจะใช้ชื่อว่า iPhone 13 เหมือนจะเป็นที่แน่นอนไปแล้ว ไม่ได้ใช้ iPhone 12s ส่วนในรุ่นที่จะออกมาวางขาย ถึงแม้ว่าในตัว iPhone 12 mini ที่ทำออกมาเหมือนจะไม่ค่อยเด่น และไม่ได้ฮิตตามที่คิดไว้เท่าไหร่ แต่ในรุ่นใหม่นี้เราก็อาจจะยังได้เห็นรุ่นตัวเล็กนี้อยู่เหมือนเดิม รวมไปถึงรุ่นอื่นๆ ที่จะทำออกมาเหมือนเดิมด้วยก็คือ
- iPhone 13
- iPhone 13 mini
- iPhone 13 Pro
- iPhone 13 Pro Max
การดีไซน์ จะเป็นอย่างไรบ้างในรุ่นใหม่นี้?
อย่างที่บอกตามด้านบนว่าในซีรีส์ใหม่ที่จะออกมามี 4 ตัวก็คือ รุ่นขนาดหน้าจอ 5.4 นิ้วในตัว iPhone mini, รุ่น 6.1 นิ้วในรุ่นเริ่มต้นของ iPhone, รุ่น 6.1 นิ้วในรุ่น Pro และรุ่นหน้าจอ 6.7 นิ้วในรุ่น iPhone 13 Pro Max ซึ่งรูปแบบการดีไซน์ภายนอกนั้นจะยังคงเป็นเหมือนเดิม ก็คือเป็นเครื่องเหลี่ยมๆ รูปแบบเดิมทั้งหมด แต่จะเปลี่ยนสเปคภายในทั้งหมดแทน ทำให้ Bloomberg วิศวกรของ Apple มองว่าอาจจะเป็นรุ่นที่เป็น iPhone 12s แทนชื่อ 13 มากกว่า และจากข่าวของทาง Mac Otakara ก็ได้เผยออกมาว่าถึงแม้จะมีขนาดพอๆ กับ iPhone 12 ก็ตาม แต่ในรุ่น Pro ก็อาจจะมีความหนามากขึ้นถึง 0.26 มม. รวมไปถึงโมดูลกล้องหลังที่ใหญ่ขึ้นกว่าตัว iPhone 12 เยอะอยู่พอสมควร ส่วนกล้องหลังของตัวปกติ จะเปลี่ยนรูปแบบการวางตำแหน่งกล้องเป็นแบบแนวเฉียงแทน
อาจมี iPhone 13 สีชมพู สี Sunset Gold สีดำด้านและสีอื่นๆ ให้เลือกอีก
เรื่องของสีตัวเครื่องก็ถือว่าเป็นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย สำหรับไอโฟนที่จะเปิดตัวกันมาในปีนี้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่เป็นที่แน่นอน ว่าจะออกมามีสีอะไรบ้าง แต่ก็มีข่าวลือกันว่าสีสันที่ทำออกมานั้น น่าจะอิงมาจากรุ่นเดิมอย่าง iPhone 12 ที่มีหลายสีให้เลือกกันเหมือนเดิม นั่นก็คือ Purple, Orange, Product Red, White, black , Yellow, Minty Green, Graphite, Blue และ Gold/Silver แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ มีข่าวออกมาจาก Max Weinbach ว่าจะมีสีเพิ่มเติมนอกเหนือออกไปจากเดิมด้วย นั่นก็คือในรุ่น Pro หรือ Pro Max กับสีดำด้าน (Matte Black) ที่ช่วยให้ไม่เกิดลายนิ้วมือติดเครื่องเวลาใช้งาน ส่วนทางด้านของ @RendersbyIan ก็ได้ออกมาบอกว่าอาจจะได้เห็นสี Black, Silver, Rose Gold และสี Sunset Gold ที่จะออกแนวคล้ายๆ กับสี bronze ที่ดูสบายๆ ตาและมีความสวยงามมาก
กับอีกหนึ่งสีที่หลายๆ คนให้ความสนใจมากเลยก็คือ ไอโฟน 13 สีชมพู (Rose Pink) ที่ทางทวิตเตอร์ชื่อว่า @PengPhones ได้ทำรูปภาพเรนเดอร์ออกมา สีสวยงดงามมาก ซึ่งเรื่องนี้ต้องบอกก่อนว่า ยังไม่มีข่าวอย่างเป็นทางการออกมา และก็เหมือนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเชื่อด้วยว่าจะมีสีชมพูนี้ แต่ก็ไม่ถึงกับขั้นที่จะเป็นไปไม่ได้เลยเสียทีเดียว เพราะว่าทาง Apple ก็เคยทำสีชมพูออกมาแล้วเหมือนกัน ในตัวรุ่น iPhone 5s, iPhone XR และ iPhone 6S ในสี Rose Gold กันมาแล้ว ดังนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ว่าสีที่ทำออกมา อาจจะมีสีชมพูแบบ Rose Gold หรือ Rose Pink ออกมาก็เป็นได้ ต้องรออัพเดทกันอีกทีว่าจะมีออกมาหรือไม่
กล้องหลังที่ปรับใหม่ให้ดีขึ้น พร้อม Sensor-Shift ทุกรุ่น
ที่บอกว่าตัวเครื่องจะมีความหนามากขึ้น ก็เนื่องจากจะมีการปรับความจุแบตให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น พร้อมทั้งมีการปรับปรุงเรื่องกล้องหลังให้ใหญ่กว่าเดิมอีก เพื่อรองรับการใช้งานเซ็นเซอร์กันสั่นที่อาจใส่มาให้ทุกรุ่นเลย แต่จะมี LiDAR แค่ในรุ่น Pro เท่านั้น ส่วนในรุ่น iPhone ปกติหรือตัว mini เราอาจได้เห็นการวางตำแหน่งกล้องใหม่เป็นแนวทแยงแทน แต่ยังคงมีสองกล้องกับเลนส์ไวลด์ และเลนส์อัลตร้าไวลด์เหมือนเดิม เพื่อรองรับการใช้งานที่จะเพิ่มมากขึ้น ต้องรอดูการอัพเดทอีกที กดดูวิดีโอที่นี่
ส่วนในรุ่น ไอโฟน 13 Pro กับ ไอโฟน 13 Pro Max นั้น ก็ได้มีข่าวลือออกมาว่าตัวกล้องจะยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิม มีสามกล้องเหมือนเดิม และมี Wide lens กับ the Ultra Wide lens แต่จะมีการปรับเปลี่ยนเลนส์ไวลด์ให้รูปรับแสงให้กว้างขึ้นถึง f/1.8 และอัพเกรดจากเลนส์ 5 ชิ้นเป็น 6 ชิ้น ซึ่ง Ming-Chi Kuo ได้บอกอีกว่าเลนส์ไวลด์ก็อาจปรับรูปรับแสงเป็น f/1.5 พร้อมกับขนาดให้ใหญ่มากขึ้น ทำให้ตัวเครื่องนั้นหนา และมีโมดูลกล้องหลังที่หนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แถมทาง Weinbach ก็ยังคาดว่าจะมีโหมดพิเศษที่ทำให้สามารถถ่ายท้องฟ้าทั้งพระจันทร์ และดาวได้ดีมากยิ่งขึ้น และถ่ายวิดีโอแนวตั้งได้อีกด้วย ดูวิดีโอคอนเซปต์ที่นี่
นอกจากนี้ Mark Gurman จาก Bloomberg ก็ออกมาเผยว่าอาจสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Portrait Mode ที่สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้เนียนมากยิ่งขึ้นที่ Apple เรียกว่า “Cinematic Video” และก็จะมีการรองรับการถ่ายแบบ ProRes ที่ทำให้วิดีโอที่ถ่ายออกมามีความคมชัด และได้รายละเอียดในการถ่ายสูงขึ้นมากๆ พร้อมกับสามารถนำมาตัดต่อ หรือแต่งด้วยรายละเอียดสูงๆ ได้เหมือนกับไฟล์ ProRaw เลย แต่ทั้งหมดนี้จะมีอยู่แค่ในรุ่น Pro และ Pro Max เท่านั้น
หน้าจอที่เปลี่ยนเป็น 120Hz กับ Always On พร้อม Touch ID จะกลับมาอีกครั้ง?
เหมือนจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่า Samsung กับ LG นั้นได้เริ่มทำการผลิตหน้าจอให้กับ iPhone รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2021 นี้แล้ว โดยในรุ่น iPhone 13 และ 13 mini จะใช้หน้าจอเป็นแบบ OLED ที่ผลิตโดย LG Display เหมือนเดิม แต่ในรุ่นไอโฟน 13 Pro และไอโฟน 13 Pro Max จะใช้เป็นหน้าจอ LTPO ที่ผลิตโดย Samsung Display ซึ่งหน้าจอตัวนี้เองที่มีอัตราการรีเฟรชหรือ Refresh Rate ถึง 120Hz แบบ ProMotion ได้เลยทีเดียว และยังอาจมีการใช้เทคโนโลยี Y-OCTA ที่ทำให้หน้าจอบางลงอีก
พร้อมกับมีข่าวแว่วๆ มาว่าจะมีฟีเจอร์ Always-On เหมือนกับ Apple Watch ที่จะมีเวลาขึ้นมาบนหน้าจอตลอดเวลาอีกต่างหาก แต่จะเป็นแบบลดแสงลงและโชว์ขึ้นมาเพื่อประหยัดแบต น่าสนใจมากๆ ถ้าทำขึ้นมาจริงๆ ซึ่งในตอนนี้ซัพพลายเออร์ของ Samsung และ LG Display ก็เชื่อว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนเล็กน้อย เพื่อทำให้ LTPO OLED นั้นใช้พลังงานต่ำสำหรับไอโฟน 13 และเปลี่ยนจาก LTPS เป็น LTPO น่าจะเสร็จในช่วงครึ่งปีแรกนี้
ส่วนในเรื่องของ Touch ID นั้นทาง Mark Gurman จาก Bloomberg ได้เผยออกมาว่า Apple ได้มีการทดสอบระบบการสแกนลายนิ้วมืออยู่ และอาจใช้เทคโนโลยีแบบ Ultrasonic จากทาง Qualcomm ที่จะใช้คลื่นเสียงในการทำลายนิ้วมือ ทำให้มีความปลอดภัยสูงกว่าแบบออปติคอล เพื่อรองรับกับคนที่เจอปัญหาใช้ Face ID ผ่านหน้ากากไม่ได้ ซึ่งข่าวล่าสุด Bloomberg ก็ได้ออกมาบอกแล้วว่า จะยังไม่มีการใช้ Touch ID ในตัวใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้แน่ๆ แต่อาจจะไปเพิ่มในรุ่น iPhone 14 แทน และในอนาคตก็อาจจะมีรุ่นที่ให้เลือกด้วยทั้งแบบ Touch ID และ Face ID โดยแบ่งเป็นรุ่นราคาที่ถูกกว่าจะเป็น Touch ID และในรุ่นไฮเอนด์จะเป็นตัว Face ID นั่นเอง ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้างสำหรับ iPhone 13 ที่จะเปิดตัวมาใหม่ในปีนี้
Notch (รอยบาก, ติ่งหน้าจอ) ที่เล็กลงกว่าเดิม!
สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันของไอโฟน 13 ก็คือตัวรอยบาก หรือจะเรียกว่าติ่งของหน้าจอที่ยื่นออกมาตั้งแต่รุ่น iPhone X จะมีขนาดที่เล็กลงแล้ว โดย Mac Otakara ของญี่ปุ่นก็ได้ออกมาบอกอีกว่ากล้อง TrueDepth จะตื้นขึ้นไปอีก และได้ลดขนาดความกว้างลง ซึ่งมีผลทำให้การใช้งาน Face ID นั้นดียิ่งขึ้น พร้อมกับช่องลำโพงที่อาจจะย้ายขึ้นไปติดขอบบนเลย ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องรอดูการอัพเดทกันต่อไป ว่าจะทำออกมาในรูปแบบไหนและประกอบไปด้วยอะไรบ้างบนแถบรอยบาก (Notch)
ชิปตัวใหม่กับแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น และอาจได้เห็นความจุ 1TB!
แม้จะยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการที่แน่ชัด แต่ก็ดูเหมือนว่าในรุ่นใหม่อย่าง iPhone 13 ก็อาจจะใช้ชิปประมวลผลเป็น Apple A15 แบบ 5nm+ ที่ผลิตโดย TSMC ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม และจะใช้โอเดมตัวใหม่จากของ Qualcomm Snapdragon X60 ที่รองรับการใช้งาน 5G และ WiFi 6E (iPhone 12 ใช้ Snapdragon X55) รวมไปถึง 5G แบบ mmWave ที่จะทำให้การเชื่อมต่อต่างๆ ลื่นไหลและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และสุดท้ายคือความจุของเครื่องที่มีข่าวลือ (ยังไม่ได้รับการยืนยัน) ว่าไอโฟน 13 อาจมีความจุมาให้มากถึง 1TB เลยทีเดียว ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะมีข่าวอะไรออกมาอัพเดทอีก รวมไปถึงแบตเตอรี่ ที่จะอัพไซส์ขึ้นมาให้ใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น ซึ่งจะไปสอดคล้องกับเรื่องของตัวเครื่องที่มีความหนามากขึ้นกว่าตัวเดิมด้วย โดยคาดกันว่าความจุของแบตจะมีดังนี้
- iPhone 13 Pro Max จะมีความจุ 4,352mAh > iPhone 12 Pro Max ที่มี 3,687mAh
- iPhone 13 และ 13 Pro จะมีความจุ 3,095mAh > iPhone 12/12Pro ที่มี 2,815mAh
- iPhone 13 mini จะมีความจุ 2,406 mAh > iPhone 12 mini ที่มี 2,227mAh
นอกจากนี้ยังอาจจะมีการเสริมตัวอแดปเตอร์ชาร์จไฟ ที่สามารถรองรับ Fast Charging เป็น 25W จากเดิมในตัว iPhone 12 ที่มี 20W เพิ่มเข้ามาด้วยก็ได้ เพื่อให้สามมารถชาร์จไฟได้เร็วมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการเปิดวางขายพร้อมกับการเปิดตัวรุ่นใหม่เลย
ยังคงใช้สาย Lightning เหมือนเดิม แต่อาจมี Reverse Wireless Charging
จากข่าวหลายๆ ที่ที่ออกมาพูดถึงเรื่องการชาร์จแบต ที่อาจจะปิดช่องชาร์จไปเลย และใช้เป็น MagSafe หรือชาร์จไร้สายแทน ซึ่งเรื่องนี้ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ของ Apple ได้ออกมาบอกว่ายังไม่คิดว่า MagSafe จะรองรับได้ดีมากเท่าไหร่ ดังนั้นในรุ่นใหม่ ก็ยังคงใช้งานเป็นสาย Lightning เหมือนเดิม รวมไปถึงข่าวที่บอกว่าจะเปลี่ยนเป็น USB-C ก็ยังคงไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะว่าช่องเสียบแบบ USB-C นั้นกันน้ำได้น้อยว่าแบบ Lightning แต่ก็ไม่แน่ว่าถ้าหาก MagSafe เป็นที่แพร่หลายมากขึ้น ในอนาคตเราก็อาจจะเห็น iPhone ที่ไม่มีพอร์ตเชื่อมต่อเลยก็ได้
และยังมีข่าวใหม่ออกมาอีกจากทาง EverythingApplePro and Max Weinbach ที่ออกมาเผยว่า iPhone 13 นั้นจะมีขดลวดตรงด้านหลังของเครื่อง ที่ใหญ่กว่าเดิมอีก เพื่อช่วยในการจัดการความร้อนของตัวเครื่อง ช่วยให้ชาร์จได้ไวกว่าเดิม และอาจจะมีการรองรับการใช้งานแบบ Reverse Charging ด้วย โดยคุณสมบัติของมันก็คือ เราจะสามารถชาร์จแบบไร้สายผ่านตัว iPhone ได้เลยอย่างเช่น AirPods นั่นเอง แต่เหมือนว่าข่าวนี้จะมีมาตั้งแต่ iPhone 11 และ iPhone 12 ที่จะทำออกมา แต่ก็ยังไม่มีสักที ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะมีออกมาจริงหรือไม่
iPhone 13 เปิดตัวตอนไหน?
วันที่จะเปิดตัวนั้นถ้าอ้างอิงมาจากเดือนที่ iPhone เกือบทุกรุ่นเปิดตัวออกมา ทาง Apple มักจะเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ ออกมาในเดือนกันยายน – ตุลาคม แต่เมื่อปีที่แล้วในปี 2020 ได้เกิดการล่าช้าในการผลิตเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้ iPhone 12 เลื่อนออกเปิดตัวในเดือนตุลาคม – พฤษจิกายนแทน แต่ในปี 2021 นี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นมากแล้ว จึงทำให้รุ่นใหม่อย่าง iPhone 13 นั้นอาจเปิดตัวมาให้เห็นกันในช่วงปลายเดือนกันยายน ช่วงสัปดาห์ที่ 3 หรือในช่วงไตรมาส 3 และขายอย่างเป็นทางการในไตรมาส 4 เหมือนเดิม
iPhone 13 ราคาเท่าไหร่?
สุดท้ายคือเรื่องของราคาไอโฟน 13 ที่มีการคาดการณ์ราคาเอาไว้ ว่าราคาของไอโฟน 13 นั้นอาจจะยังคงมีราคาเท่าเดิมเท่ากับตัว iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น เว้นแต่ว่าถ้ารุ่นใหม่อย่างไอโฟน 13 นั้นจะมีความจุ 1TB เพิ่มขึ้นมา ก็อาจจะมีราคาที่สูงกว่ารุ่นตัวท็อปก็เป็นได้ ส่วนราคาเปิดตัวของ iPhone 12 ที่รุ่นใหม่อาจมีราคาเท่ากันคือ
ราคา iPhone 12 mini
- iPhone 12 mini รุ่นความจุ 64GB ราคา 25,900 บาท
- iPhone 12 mini รุ่นความจุ 128GB ราคา 27,900 บาท
- iPhone 12 mini รุ่นความจุ 256GB ราคา 31,900 บาท
ราคา iPhone 12
- iPhone 12 รุ่นความจุ 64GB ราคา 29,900 บาท
- iPhone 12 รุ่นความจุ 128GB ราคา 31,900 บาท
- iPhone 12 รุ่นความจุ 256GB ราคา 35,900 บาท
ราคา iPhone 12 Pro
- iPhone 12 Pro รุ่นความจุ 128GB ราคา 36,900 บาท
- iPhone 12 Pro รุ่นความจุ 256GB ราคา 40,900 บาท
- iPhone 12 Pro รุ่นความจุ 512GB ราคา 48,900 บาท
ราคา iPhone 12 Pro Max
- iPhone 12 Pro Max รุ่นความจุ 128GB ราคา 39,900 บาท
- iPhone 12 Pro Max รุ่นความจุ 256GB ราคา 43,900 บาท
- iPhone 12 Pro Max รุ่นความจุ 512GB ราคา 51,900 บาท
แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นข่าวคราว และข้อมูลของ ไอโฟน 13 ทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้ ซึ่งก็ต้องขอบอกอีกครั้งว่าข้อมูลทั้งหมด ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Apple จะเป็นเพียงข่าวหลุด ข่าวลือ หรือข่าวจากผู้ที่เกี่ยวข้องภายใน Apple ที่ได้ออกมาคาดเดากันเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่ข่าวออกมาจริงๆ ตัวไอโฟน 13 ก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งการดีไซน์ที่อาจะเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่าง และฟีเจอร์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงกล้องที่ดีขึ้น และแบตที่ใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิมอีกด้วย รวมไปถึงข่าวลือถึงเรื่องสที่อาจมีไอโฟน 13 สีชมพู และสีดำด้านออกมาให้เราได้เห็นกันด้วย แล้วถ้ามีข่าวอัพเดทอีก เราก็จะมาอัพเดทกันเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันเปิดตัวเลยนะครับ (ขอบคุณข้อมูลจาก macrumors.com)