สหรัฐอเมริกา จัดเป็นประเทศหนึ่งที่กฎหมายค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะด้านของการคุ้มครองผู้บริโภคที่บังคับใช้ได้จริง อย่างที่หลายๆ ท่านอาจจะเคยเห็นกรณีการฟ้องร้องเอาผิดบริษัทใหญ่ต่างๆ ซึ่ง Apple เองก็หนีไม่พ้นการฟ้องร้องด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดมีรายงานว่า Scott Weiselberg ทนายความจากฟลอริดาได้ยื่นฟ้องร้อง Apple ต่อศาลในซานฟรานซิสโกในกรณีการจำหน่ายและให้เช่าภาพยนตร์ผ่าน iTunes Store ที่ Apple เปิดให้บริการมานานหลายปีแล้ว
โดย Weiselberg ฟ้องร้องว่า Apple เอาเปรียบผู้บริโภค เนื่องจากในหน้าต่างการซื้อ/เช่าภาพยนตร์นั้น ถูกตั้งค่าเริ่มต้นมาให้เป็นที่ความละเอียดระดับ HD ซึ่งสำหรับ iPhone, iPod Touch หรือผลิตภัณฑ์ Apple รุ่นเก่าๆ ที่ยังไม่รองรับความละเอียดระดับ HD ก็จะส่งผลให้ผู้ซื้อ/เช่าภาพยนตร์ดังกล่าว ได้รับ content ที่ไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไป เนื่องจากตัวผู้ซื้อได้รับ content ที่ความละเอียดระดับธรรมดา (SD) เท่านั้น เพราะจอของอุปกรณ์ไม่สามารถแสดงภาพที่มีความคมชัดระดับ HD ได้ รวมไปถึงส่วนต่างระหว่างภาพยนตร์ไฟล์ความละเอียดสูงระดับ HD กับความละเอียดระดับธรรมดา (SD) นั้น อยู่ที่ $1 ต่อเรื่อง
ซึ่ง Weiselberg ได้ยกตัวอย่างกรณีของเขาเอง นั่นคือเขาเช่าภาพยนตร์เรื่อง Big Daddy จาก iTunes โดยค่าเริ่มต้นนั้นถูกกำหนดมาให้เป็นความละเอียดระดับ HD ทั้งๆ ที่ iPhone ของเขาเป็นรุ่นเก่า ซึ่งไม่สามารถแสดงผลในความละเอียดระดับ HD ได้ ทำให้ไฟล์ที่เขาได้ดูบน iPhone เป็นเพียงแค่ความละเอียดระดับ SD เท่านั้น กลายเป็นว่า Apple ได้เงินเขาไปฟรีๆ $1 ด้วยกัน ซึ่ง Weiselberg ยกตัวอย่างในภาพรวมให้เห็นได้ชัดคือ Apple ได้วางจำหน่าย iPhone ในรุ่นเก่าๆ ที่ไม่รองรับความละเอียดระดับ HD ถึงกว่า 49 ล้านเครื่อง ซึ่งยอดรวมของค่าส่วนต่างการซื้อ/เช่าภาพยนตร์ในกรณีแบบเขาน่าจะเป็นจำนวนเงินไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
ส่วนด้านล่างนี้เป็นสำเนาเอกสารสำนวนการฟ้องครับ
ที่มา : PhoneArena, GigaOM