ไม่รอดแน่นอนกับสินค้าจาก Apple ที่โดนแกะ ขำแหละ แงะ แยกส่วนเสมอ ไม่ว่าจะเป็น Macbook / iPhone / iPad และในวันนี้กับ iPad 2 และ Smart Cover ซึ่งทางทีมงานของเว็บไซต์ www.ifixit.com?ขาประจำที่ได้ทำหน้าที่แยกส่วน เอาล่ะมาดูกันซิว่าข้างในมันจะประกอบด้วยอะไรบ้าง
เมื่อทีมงานของ iFixit ได้ iPad 2 มาก็ได้จัดการชำแหละแยกส่วนกันในวันแรกของการวางจำหน่ายแบบไม่ต้องแคร์ Apple กันทีเดียว โดยสิ่งแรกที่เจอก็คือ แผงกระจกด้านหน้าของ iPad 2 ได้ถูกยึดติดกับด้านหลังด้วยกาวอย่างเดียว เรียกได้ว่าไม่มีส่วนที่เป็นตัวล็อค หรือแม้กระทั้งน็อตสกรูแต่อย่างใด ซึ่งการที่จะเปิดมันออกมาได้ต้องใช้ Heat Gun เพื่อละลายกาวเท่านั้น?รวมไปถึงเครื่องมือที่ใช้งัดที่ทำด้วยพลาสติก ประมาณว่าผูัใช้อย่างเราๆ แทบจะไม่มีสามารถทำด้วยตนเองได้เลย เพราะถ้าพลาดท่าอาจจะทำให้ iPad 2 จากไปก่อนวัยอันควรได้ง่ายๆ
ถัดจากนั้นที่เปิดออกมาก็เห็นว่า หน้าจอ LCD จะมีน๊อตยึดไว้หลายตัวทีเดียว โดยด้านหลังจอพบว่า มีแบตเตอรี่ Li-ion polymer?เรียงกันอยู่?3 ก้อนเช่นเดียวกับ iPad รุ่นแรก?แต่มีกำลังไฟมากกว่าเดิมนิดหน่อยคือ 25 วัตต์ต่อชั่วโมง จากเดิมที่มีกำลังไฟที่ 24.8 วัตต์ต่อชั่วโมงในรุ่นแรก ซึ่งนั้นทำให้อัตราการใช้พลังงานก็ทำได้ใกล้เคียงกันคือ 10 ชั่วโมง
มาดูกันต่อที่จอ LCD พาเนล IPS คุณภาพสูงที่เป็น LED Blacklit และแผงวงจรทั้งหมดที่มีความยาวเพียง 6 นิ้วด้วยกัน แต่มีความหนาแน่นของวงจรที่สูง ส่วนที่เหลือก็จะเป็นสายแพร และสายสัญญาณต่างๆ 2 – 3 เส้น และน๊อตอีกไม่กี่ตัว สำหรับแผงวงจรหลักที่เล็กขนาดนี้ได้ประกอบไปด้วย
- หน่วยความจำสำรอง Toshiba TH58NVG7D2FLA89 16GB NAND Flash
- Apple 343S0542-A2
- ชิปจัดการพลังงาน?S6T2MLC N33C50V
- โพรเซสเซอร์ A5 APL0498
- โพรเซสเซอร์กราฟิก Apple 338S0940 A0BZ1101
- ชิปการเชื่อมต่อไร้สาย?Broadcom BCM5973KFBGH
- หน่วยจำหลัก LPDDR2 RAM ขนาด 512 MB
- ชิปควบคุมการทำงานของจอสัมผัส?BCM5974 CKFBGH (ตัวเดียวกับ iPad รุ่นแรก)
- แบตเตอรี่ Li-ion polymer?ขนาดใหญ่จำนวน 3 ก้อน
นอกจากนี้ยังมีแผงวงจรขนาดเล็กสำหรับรองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi / Bluetooth ที่ใช้ชิป?BCM43291HKUBC?ตัวเดียวกันกับที่พบใน iPad / iPhone 4 / iPod Touch?และยังพบชิปเซ็นเซอร์ไจโร STM Electronics AGD8 2103??และชิปตรวจจับความเร่งใน 3 แกน?ซึ่งทำให้ iPad?2 สามารถรับรู้ทิศทางการเคลื่อนไหวของตัวเครื่องได้?ส่วนกล้องทั้งสองตัวจะมีสายเคเบิ้ลของมันเอง และถอดออกง่ายมาก ไม่ยุ่งยาก
ส่วนทางด้าน Smart Cover เมื่อแกะออกมาแล้ว เราก็จะพบกับแผ่นเหล็ก และแม่เหล็กจำนวนมาก ซึ่งบนตัว Smart Cover ได้มีแม่เหล็กชิ้นเล็กๆ จำนวน 21 ชิ้นด้วยกัน สำหรับการดูดติดกับตัวเครื่อง และบน iPad 2 ก็มีแม่เหล็กถึง 10 ชิ้นเพื่อใช้สำหรับจัดตำแหน่งของ Smart Cover เวลานำมาติดลงไปบนเครื่อง
รวมไปถึงบนตัวของ iPad 2 เอง ยังได้มีเซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับ (สี่เหลี่ยมสีแดง)?ให้อยู่ในสถานะ Sleep เมื่อมีแม่เหล็กจาก Smart Cover เข้ามาใกล้ๆ ?แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่ของใหม่อะไรนัก เพราะก่อนหน้านี้ทาง BlackBerry ก็ได้มีการใช้วิธีนี้มาแล้วครับ
ที่มา : www.ifixit.com