ในช่วงต้นยุค 2000 ที่ผ่านมา Steve Jobs ได้นำเสนอเทคโนโลยีการจัดการเพลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงใช้ในการจัดการเพลงในอุปกรณ์ฟังเพลง และการ rip แผ่น CD ขึ้นมา ซึ่งเทคโนโลยีที่ว่านั้นก็คือโปรแกรม iTunes นั่นเอง ซึ่งเข้ามาช่วยให้การจัดการเพลงทำได้ง่ายขึ้น (ถึงแม้บางอย่างอาจจะดูยากจริงๆ ก็ตาม) ซึ่งในเวลาต่อมาก็กลายเป็นซอฟต์แวร์ที่คอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องจำเป็นต้องมีติดเครื่องไว้ เพราะมันมีหน้าที่ในการซิงค์ไฟล์จากเครื่องลงสู่ iPod ต่อมาก็เป็น iPhone และ iPad อย่างในปัจจุบัน ซึ่งถึงแม้ในปัจจุบันจะมีซอฟต์แวร์อื่นๆ ที่สามารถจัดการเพลงในเครื่องได้ใกล้เคียงกับ iTunes ก็ตาม แต่สำหรับผู้ที่ใช้งาน iDevice เชื่อได้ว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องมี iTunes ไว้สำรองด้วย เพราะมันมีหน้าที่จัดการส่วนอื่นๆ ในเครื่อง เช่นการ restore เครื่อง เป็นต้น
แต่พอมาในปัจจุบัน หลังจาก Apple เปิดตัว iOS 5 ที่มาพร้อมกับการรวม iCloud เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในระบบปฏิบัติการ ทำให้อุปกรณ์ iDevice สามารถซิงค์ข้อมูลตรงกับเซิฟเวอร์ iCloud ได้ทันที ไม่ว่าจะทั้งเพลง(ที่ซื้อจาก iTunes Store), ภาพยนตร์, แอพพลิเคชัน, อีเมล หรือจะเป็นบรรดารายชื่อและเบอร์ติดต่อใน contact ล้วนแต่ถูกนำขึ้นไปเก็บบน iCloud แทบทั้งนั้น ทำให้ผู้ใช้มีความจำเป็นในการใช้งาน iTunes น้อยลง
หรือถ้าพูดถึงแพลตฟอร์มที่พอใช้งานทดแทนกันได้ ถ้าในแง่ของเพลง ในต่างประเทศก็จะมีตัวของ Spotify ที่สามารถใช้งานเป็น music streaming ได้ ทำให้เราซื้อเพลงครั้งเดียว ก็สามารถนำไปฟังในหลายๆ อุปกรณ์ได้ ซึ่งปัจจุบันตัว Spotify ก็รองรับการทำงานได้ในหลายๆ แพลตฟอร์ม ทั้ง iOS, Android หรือจะเป็นในเครื่อง PC ก็สามารถใช้งานได้เช่นเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้นในการฟังเพลง (เสียดายที่ยังไม่เปิดให้บริการในประเทศไทย)
ซึ่งแนวโน้มต่างๆ เหล่านี้ ทั้งจากตัว Apple เองที่หันไปเน้นการใช้งาน iCloud มากขึ้น หรือเป็นตัวแพลตฟอร์มทางเลือกอื่นๆ ล้วนแต่ดูจะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน นั่นคือลดบทบาทการใช้งาน iTunes ลงไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่แน่ต่อไปเราอาจจะไม่มี iTunes ให้ใช้งานอีกแล้วก็เป็นได้
ที่มา : Todays iPhone