
International Data Corporation (IDC) ได้เปิดเผยยอดการส่งออกสมาร์ตโฟนทั่วโลกในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา พบยอดส่งออกรวมอยู่ 295.2 ล้านเครื่อง สูงขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 292.2 ล้านเครื่อง เท่ากับโตขึ้นประมาณ 1% ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับผู้ผลิต เนื่องจากในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายมากมาย อาทิเรื่องกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ภาวะเงินเฟ้อ ผสมรวมกับตลาดใหญ่อย่างประเทศจีนที่ก็มีกำลังในการจับจ่ายลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนถ้าแยกเป็นรายแบรนด์ พบว่า Top 5 จะประกอบด้วยดังนี้
- Samsung ทำได้ 58 ล้านเครื่อง สูงขึ้นกว่าปีก่อน 7.9% ส่วนแบ่งตลาด 19.7%
- Apple ทำได้ 46.4 ล้านเครื่อง สูงขึ้นกว่าปีก่อน 1.5% ส่วนแบ่งตลาด 15.7%
- Xiaomi ทำได้ 42.5 ล้านเครื่อง สูงขึ้นกว่าปีก่อน 0.6% ส่วนแบ่งตลาด 14.4%
- vivo ทำได้ 27.1 ล้านเครื่อง สูงขึ้นกว่าปีก่อน 4.8% ส่วนแบ่งตลาด 9.2%
- เครือแบรนด์ภายใต้ Transsion (Infinix, TECNO, iTel) ทำได้ 25.1 ล้านเครื่อง ลดลงจากปีก่อน 1.7% ส่วนแบ่งตลาด 8.5%
สำหรับแบรนด์อื่น ๆ รวมกันจะมียอดอยู่ที่ 96.1 ล้านเครื่อง ลดลงจากปีก่อน 3.1% และมีส่วนแบ่งตลาดเป็น 32.6% ของทั้งหมด
ซึ่งในฝั่งของ Samsung เองก็ถือว่ายังคงยึดตำแหน่งเบอร์หนึ่งไว้ได้อย่างต่อเนื่อง โดย IDC วิเคราะห์ว่ายอดที่ได้น่าจะมาจากการเปิดตัวและวางจำหน่ายมือถือรุ่นกลางอย่าง Samsung Galaxy A36 และ A56 เป็นหลัก เนื่องจากเป็นรุ่นราคาไม่สูง แต่มี AI ให้ใช้งาน ซึ่งหน้าร้านสามารถใช้เป็นจุดขายได้ดี เนื่องจากผู้ใช้งานทั่วไปก็เริ่มมองหามือถือที่มี AI มาช่วยในการทำงานมากขึ้นแล้ว
ส่วน Apple เองก็มีการบ้านด้วยเช่นกัน เพราะถึงแม้ยอดการเติบโตในตลาดกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะสูงขึ้นถึงระดับเลขสองหลัก แต่ก็สวนทางกับตลาดประเทศจีนที่มียอดขายลงลง 1% แม้ว่าจะยังคงติดอันดับแบรนด์ยอดนิยมในช่วงเทศกาลช้อปปิ้ง 618 ก็ตาม แต่ด้วยความที่ประเทศจีนเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก จึงส่งผลกระทบไปพอสมควร