ช่วงปลายปีแบบนี้ ก็เป็นช่วงที่หลายท่านต้องหาของขวัญปีใหม่ไปให้กับบุคคลสำคัญใกล้ตัว ซึ่งการที่จะหาของที่ผู้รับสามารถนำไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริง ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะผู้รับก็จะได้ประโยชน์แบบเต็ม ๆ ไม่ได้เป็นแค่ของวางโชว์สวยงาม หรือเก็บไว้ในกล่องเพียงอย่างเดียว ยิ่งปัจจุบันเป็นยุคของสมาร์ตโฟนที่ก็มีอุปกรณ์เสริมให้เลือกใช้งานร่วมด้วยมากมาย ในบทความนี้เราเลยจะมาแนะนำสิ่งของ 5 ชิ้นที่เหมาะจะเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้รับที่ใช้งาน iPhone หรืออาจจะรวมถึง iPad และอุปกรณ์จาก Apple อยู่ด้วย
1) AirTag
นับเป็นหนึ่งในสินค้ายอดฮิตที่จะมอบให้กับผู้อื่น ด้วยราคาเริ่มต้น 1,090 บาท รูปแบบการนำไปใช้งานก็ค่อนข้างหลากหลาย และมีประโยชน์มากในปัจจุบันที่เราก็มักจะมีสิ่งของที่ถ้ามีตัวช่วยติดตามตำแหน่งก็จะเพิ่มความสะดวกในชีวิตประจำวันขึ้นอีกมาก ตัวอย่างของการนำ AirTag ไปใช้งานก็เช่น
- ใส่ในกระเป๋า เป้ กระเป๋าเดินทาง
- ใส่ไว้ในรถของตนเอง
- ติดไว้กับพวงกุญแจ กระเป๋าสตางค์ หรือของอื่นที่มีขนาดเล็กและสามารถลืมได้ง่าย ๆ ว่าวางไว้ที่ไหน
- ติดไว้กับสัตว์เลี้ยง เช่น แมว สุนัข หรือแม้กระทั่งให้ผู้สูงอายุหรือเด็กพกติดตัวไว้
โดย AirTag จะอาศัยการทำงาน การติดตามตำแหน่งของเทคโนโลยีร่วมกัน 3 แบบ ได้แก่ การเชื่อมต่อกับโครงข่าย Bluetooth ระหว่าง iPhone ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับตัวแท็ก เพื่อระบุพิกัดล่าสุดแบบคร่าว ๆ เมื่อเริ่มตามเข้ามาจนอยู่ในระยะ Bluetooth ก็จะบอกระยะห่างได้แม่นขึ้น และท้ายสุดคือเมื่ออยู่ในระยะของคลื่น Ultrawide band (UWB) ก็จะสามารถบอกระยะห่าง และทิศทางได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้สามารถตามหาแท็กและสิ่งของที่ต้องการได้ ซึ่งตัวของ UWB จะมีอยู่ใน iPhone มาตั้งแต่ iPhone 11 เป็นต้นมา (ยกเว้นกลุ่มของ iPhone SE) ทำให้ถ้าหากผู้รับนั้นใช้ iPhone 11 หรือใหม่กว่า ก็จะสามารถใช้ประโยชน์จาก AirTag ได้อย่างเต็มที่ (รีวิว AirTag) ด้านของแบตเตอรี่ก็สามารถใช้ได้ประมาณ 1 ปี หากแบตหมดก็สามารถหมุนฝาเพื่อเปลี่ยนถ่านเองได้เลย เพราะใช้ถ่านกระดุมเม็ดแบนเบอร์ CR2032 ที่มีขายทั่วไปนี่เอง
หากต้องการซื้อ AirTag เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ราคาจากหน้าเว็บไซต์ Apple จะอยู่ที่ 1,090 บาทต่อ 1 ชิ้น ส่วนแพ็ค 4 ชิ้นจะอยู่ที่ 3,490 บาท ซึ่งหากสั่งซื้อตรงกับ Apple ก็จะสามารถสั่งให้มีการสลักอีโมจิ ตัวอักษร ตัวเลขลงไปบนหน้าของตัวแท็กได้ฟรีอีกด้วย แต่ถ้าต้องการราคาย่อมเยาลงมา ก็อาจจะลองหาตามแพลตฟอร์มออนไลน์ครับ น่าจะได้ส่วนลดลงมาอยู่ที่ราคาเกือบ ๆ พันต่อ 1 ชิ้น ที่จริง ๆ ถือว่าไม่แพงมากนัก เมื่อมองว่าได้แท็กที่มั่นใจว่าจะทำงานร่วมกับ ecosystem ของ Apple ได้แบบ 100% โดยเฉพาะในเวลาที่เราต้องการตามหาคน สิ่งของสำคัญ หรือสัตว์เลี้ยงที่หายไป ที่ความแน่นอนในการทำงานคือปัจจัยที่สำคัญมากจริง ๆ
2) หูฟัง AirPods หรือ EarPods
หูฟังก็เป็นอีกหนึ่งแก็ดเจ็ตที่แทบจะขาดไม่ได้แล้วในตอนนี้ ซึ่งถ้าผู้รับนั้นใช้ iPhone, iPad หรือ Mac อยู่แล้ว การมอบ AirPods เป็นของขวัญปีใหม่ก็น่าจะสร้างความประทับใจได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งในปัจจุบันไลน์อัปของหูฟังไร้สายในตระกูล AirPods ที่ทำตลาดอยู่ ก็จะมีผลิตภัณฑ์หลัก ๆ ด้วยกัน 3 กลุ่ม ได้แก่
- AirPods 4 แบ่งเป็นรุ่นธรรมดา (4,990.-) กับรุ่นมี ANC ตัดเสียงรบกวน (6,490.-)
- AirPods Pro 2 (8,990.-)
- AirPods Max (19,900.-)
ในการเลือกซื้อ โดยทั่วไปก็จะคำนึงถึงงบประมาณเป็นหลัก ซึ่งสำหรับการเป็นของขวัญปีใหม่ ก็เป็นไปได้ว่า AirPods 4 รุ่นปกติน่าจะได้รับความนิยมสูงสุดกับงบราว 5,000 บาท แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ลองส่องโปรโมชัน โค้ดส่วนลดในออนไลน์ดี ๆ ครับ เพราะอาจจะได้เป็นรุ่นมี ANC ในราคาห้าพันกลาง ๆ ซึ่งจากที่รีวิวมา ส่วนตัวผมมองว่าระบบตัดเสียง ANC นั้นใช้งานได้ดีเกินคาด ทั้งตัวเคสยังรองรับการชาร์จไร้สาย และใช้หาตำแหน่งผ่าน Find My ได้ด้วย ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่คุ้มกับการจ่ายเพิ่มอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้รับมีไลฟ์สไตล์ที่ต้องอยู่ในบริเวณที่มีเสียงรบกวนเยอะ ต้องเดินทางด้วยพาหนะสาธารณะบ่อย ๆ
หรือถ้ามีงบราว ๆ 7,000 บาท ก็แนะนำว่ารอส่อง AirPods Pro 2 ก็ได้ครับ เพราะมีส่วนลดน่าสนใจอยู่เรื่อย ๆ เลย แต่กรณีของรุ่นโปร ส่วนตัวว่าลองดูก่อนว่าผู้รับนั้นถนัดหรือสามารถใช้หูฟังแบบ in-ear ได้หรือไม่ เพราะบางคนคือใส่แล้วเวียนหัว ใช้งานไม่ได้ไปเลยก็มี
หรือถ้ามีงบไม่เกิน 1,000 บาท แล้วอยากได้หูฟังเป็นของขวัญ ก็จะมี EarPods ที่เป็นหูฟังแบบมีสายให้เลือกซื้อ โดยมีทั้งแบบสาย 3.5 มม. สาย Lightning และสาย USB-C ที่วางขายในราคา 790 บาทเท่ากันทั้งสามแบบ อันนี้ก็จะเหมาะกับผู้รับที่ชอบหูฟังแบบมีสาย หรือต้องการนำไปใช้งานที่ต้องใช้ไมโครโฟนในหูฟังบ่อย ๆ เพราะปกติแล้วไมค์ติดหูฟังแบบนี้มักจะให้คุณภาพเสียงที่ดี และมีความเสถียรกว่าไมค์ของหูฟัง TWS โดยทั่วไป จะไปใส่แคสต์เกมก็เหมาะ เพราะจะได้เป็นหูฟังที่เบา ใส่ง่าย ไม่ปวดหู เสียงไมค์ชัด ส่วนคุณภาพเสียงในการฟังก็จัดว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน เน้นโทนกลาง ฟังเรื่อย ๆ สบาย ๆ
3) แท่น MagSafe และแท่นวางสวย ๆ
ของขวัญปีใหม่อีกชิ้นที่น่าจะถูกใจผู้รับที่ใช้ iPhone อยู่ โดยเฉพาะกับรุ่นใหม่ขึ้นมาที่รองรับการชาร์จไร้สายผ่าน MagSafe คือตั้งแต่ iPhone 12 เป็นต้นมา นั่นก็คือแท่นชาร์จไร้สาย MagSafe ของ Apple เอง ที่เพิ่งมีการเปิดตัวและวางจำหน่ายรุ่นปรับปรุงใหม่ออกมาพร้อม ๆ กับการเปิดตัว iPhone 16 ซึ่งจุดที่เพิ่มเข้ามาก็น่าสนใจทีเดียว เพราะเป็นการรองรับการชาร์จไร้สายผ่านโปรโตคอล Qi2 ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับมือถือและอุปกรณ์ได้หลากหลายมาก ๆ ทั้งฝั่งของ Apple เอง และจากผู้ผลิตรายอื่น แม้กระทั่งมือถือ Android ส่วนใหญ่ก็ยังสามารถใช้งานร่วมกันได้ด้วย โดยจะสามารถชาร์จไร้สายได้สูงสุด 25W กับ iPhone 16 ส่วนถ้าเป็นรุ่นก่อนหน้าก็จะได้สูงสุด 15W
แต่สิ่งที่แท่น MagSafe ทำได้ดีก็คือแม่เหล็กสำหรับดูดติดกับฝาหลังเครื่องที่ทำได้แน่นหนา แต่ก็ดึงออกไม่ยากนัก จึงทำให้แท่น MagSafe คือหนึ่งในอุปกรณ์แต่งโต๊ะคอม แต่งบ้านที่ได้รับความนิยมพอสมควรในกลุ่มผู้ใช้ iPhone โดยจะมีราคาหน้าเว็บอยู่ที่ 1,590 บาท สำหรับรุ่นสาย USB-C ยาว 1 เมตร และรุ่นสาย 2 เมตรจะอยู่ที่ 1,990 บาท
ส่วนถ้าหากต้องการเพิ่มความสวยงาม ความสะดวกในการใช้งานขึ้นไปอีก แนะนำให้ลองหาซื้อแท่นสำหรับติดตั้งแท่น MagSafe อีกที ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นแท่นที่เมื่อติดตั้งครบถ้วนแล้ว ตัวของ MagSafe จะเอียงสูงขึ้นมา ทำให้สามารถใช้เป็นแท่นวาง iPhone ในองศาที่กำลังดีสำหรับความสวยงาม และความสะดวกในการมองหน้าจอ ไปพร้อม ๆ กับใช้ชาร์จแบตไปด้วยเลย
ซึ่งตัวแท่นก็จะมีให้เลือกหลากหลายมากครับ ตั้งแต่แบรนด์จีนราคาหลักร้อย ทำจากเหล็ก จากไม้ จากพลาสติก จากซิลิโคน ไปจนถึงจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในด้าน gadget ที่จะออกแบบมาสวยงาม และอาจรองรับการติดตั้งแท่นชาร์จ Apple Watch เพิ่มเข้ามาด้วย อันนี้ก็คงต้องแล้วแต่งบประมาณ แล้วแต่ความชอบกันเลย
แต่จะมีหนึ่งจุดที่ส่วนตัวผมมองว่าสำคัญคือการถ่วงน้ำหนักของแท่น แนะนำว่าควรเลือกแท่นที่มีน้ำหนัก หรือมีการถ่วงน้ำหนักได้ดี เช่นมีฐานเป็นเหล็กตันที่มีน้ำหนักสูง หรือเป็นแท่งไม้ตัน เพื่อที่เวลาแปะ iPhone จะได้มีการถ่วงน้ำหนักพอดี เครื่องไม่ล้มคว่ำลงมา รวมถึงตอนจะดึงเครื่องออกก็จะได้ดึงออกง่ายด้วยมือเดียว
4) Power bank / แบตสำรอง
แม้ว่าแบต iPhone รุ่นหลัง ๆ จะมีความจุที่สูงขึ้นจนสามารถใช้งานทั้งวันได้สบายแล้วก็ตาม แต่ถ้าหากระหว่างวันมีการใช้งานที่ค่อนข้างหนัก เช่น เล่นเกม ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ เปิดแผนที่นำทาง การมี power bank เพื่อเป็นแบตสำรองไว้เติมพลังก็อาจจะยังจำเป็นอยู่ รวมถึงยังสามารถนำไปใช้ชาร์จหรือจ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่น ๆ ก็ได้ด้วย ทำให้ power bank ถือว่าเป็นหนึ่งในของขวัญปีใหม่ที่ผู้รับก็น่าจะนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงไม่แพ้ข้ออื่น ๆ เลย
ซึ่งปัจจุบันก็จะมีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งแบบที่เป็นก้อนปกติ แบบที่มีสายชาร์จติดมาในตัว ไปจนถึงแบบที่เป็นอันเล็ก ๆ แล้วมีหัว USB-C หรือ Lightning ติดมา เวลาจะใช้ก็เสียบเข้าไปที่พอร์ตชาร์จของ iPhone ได้เลย ซึ่งถ้ามองเฉพาะกลุ่มของ power bank ที่มี มอก. กลุ่มของรุ่นที่มีจากแบรนด์ใหญ่ แบรนด์ดังที่มีชื่อเสียงและมีตัวแทนจำหน่ายในไทย ช่วงราคาก็จะแบ่งไปตามความจุแบต ความเร็วในการชาร์จที่บ่งบอกด้วยกำลังไฟ (วัตต์) ที่จ่ายได้สูงสุด จำนวนพอร์ตชาร์จในตัว ไปจนถึงดีไซน์ ซึ่งราคาแนะนำก็จะเริ่มต้นที่ประมาณ 500 บาทขึ้นไป
สำหรับ iPhone ก็เลือกเป็น power bank ที่จ่ายไฟได้สูงสุดไม่ต่ำกว่า 30W ไว้ได้ก็จะดี เพราะเป็นกำลังไฟที่กำลังชาร์จ iPhone ได้ความเร็วสูงสุดเท่าที่ตัวเครื่องจะรองรับแล้ว แต่ถ้ามีงบสูงขึ้นไปซัก 2,000 บาทหรือมากกว่านั้น ก็จะมีรุ่นที่จ่ายไฟได้แรง ๆ หลัก 100W+ ให้เลือก ซึ่งแรงพอสำหรับชาร์จโน้ตบุ๊ก หรือชาร์จมือถือหลายเครื่องพร้อมกันได้เลย โดยความจุแบตก็มักจะอยู่ที่ 20000 mAh ขึ้นไป แต่ในกรณีที่ผู้รับเป็นคนที่เดินทางโดยเครื่องบินบ่อย ก็อาจจะเลือกเป็นรุ่นที่มีความจุไม่เกิน 32000 mAh (160 Wh) เพื่อให้สามารถถือขึ้นเครื่องได้ตามกฎ
ทั้งนี้ก็แนะนำว่าควรเลือกซื้อรุ่นที่มีการรับรองมาตรฐาน เช่น มอก. มีการประกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานเอาไว้ซักหน่อยก็จะดี เพื่อที่จะให้สบายใจทั้งผู้ให้และผู้รับ
5) ซื้อ HomePod mini ให้เป็นของขวัญปีใหม่
ชิ้นสุดท้ายที่จะแนะนำสำหรับการซื้อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ผู้ใช้ iPhone ก็คือลำโพงสมาร์ตโฮมรุ่นเล็กอย่าง HomePod mini ที่ราคาศูนย์ไทยจัดว่าน่ารักพอตัวเลย คืออยู่ที่ 3,890 บาท มีให้เลือก 5 สีคือขาว น้ำเงิน ส้ม เหลืองและดำมิดไนท์ คุณสมบัติและฟีเจอร์คร่าว ๆ มีดังนี้
- เป็นลำโพงสำหรับเล่นเพลง เล่นเสียงจากคอนเทนต์ต่าง ๆ ทำงานร่วมกับ iPhone ได้ดี ผ่านระบบ AirPlay
- สามารถจับคู่กับ HomePod เครื่องอื่น เพื่อเพิ่มมิติเสียง เล่นเสียงในห้องต่าง ๆ ได้
- รองรับ Siri แบบเต็มตัว
- ใช้เป็นฮับสำหรับทำระบบสมาร์ตโฮมที่ใช้แพลตฟอร์ม HomeKit ของ Apple เอง
- มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้นในตัว
สำหรับคุณภาพเสียงก็จัดว่าเป็นลำโพงขนาดเล็กที่พลังเสียงดีเกินตัว เมื่อเทียบกับกลุ่มลำโพงสมาร์ตโฮมที่เป็นคู่แข่งกันโดยตรง และน่าจะเป็นอุปกรณ์เริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ที่ใช้ iPhone อยู่ แล้วอยากเริ่มลงมือสร้างระบบสมาร์ตโฮมในบ้านของตนเอง (ตัวลำโพงรองรับ Thread ด้วย) หรืออยากลองใช้ลำโพงกลุ่มนี้ดู โดยเฉพาะกับผู้ที่ชอบฟังเพลง ชอบเปิดคอนเทนต์ต่าง ๆ เพื่อชมหรือฟังในระหว่างอยู่บ้าน นอกจากนี้เมื่อซื้อไปแล้ว ยังได้รับสิทธิ์ใช้งาน Apple Music ฟรี 3 เดือนด้วย