รีวิว HUAWEI Mate50 Pro สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดจากทาง HUAWEI เป็นอีกรุ่นที่ผมยอมรับเลยว่าเป็นแฟนคลับของสมาร์ตโฟน Mate Series และหลังจากที่ได้ทดลองใช้งานมาระยะหนึ่ง ผมว่ารุ่นนี้เป็น Mate Series ที่ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวังอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเทคโนโลยีเรื่องกล้องที่คราวนี้เป็น XMAGE เทคโนโลยีที่ HUAWEI พัฒนาขึ้นมาเอง และไฮไลต์อย่างเลนส์กล้องที่สามารถปรับรูรับแสงได้ตั้งแต่ f/1.4 – f/4.0
สเปค HUAWEI Mate50 Pro
- จอแสดงผล OLED 1.07 พันล้านสี ขนาด 6.74นิ้ว
- กล้องหลัง 50MP Ultra Aperture Camera
- กล้องหน้า 13MP Ultra-Wide Angle Camera + 3D Depth Sensing Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1 4G
- RAM 8GB
- ROM 256GB รองรับ NM SD Card สูงสุด 256GB
- ระบบปฏิบัติการ EMUI 13
- การเชื่อมต่อ 4G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, USB Type-C
- มาตรฐานป้องกันน้ำและฝุ่น IP68
- แบตเตอรี่ 4700mAh
- ระบบชาร์จเร็ว 66W HUAWEI SuperCharge และ 50W Wireless HUAWEI SuperCharge
- ขนาดตัวเครื่อง 162.1 x 75.5 x 8.5 มิลลิเมตร
- น้ำหนักประมาณ 209 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ และ สีเงิน
- ราคา 43,900 บาท
Design – การออกแบบตัวเครื่อง
HUAWEI Mate50 Pro มาพร้อมกับดีไซน์แบบพรีเมียม แต่ส่วนตัวผมกลับรู้สึกว่านี่เป็น Mate Series ที่เพรียวบางมากกว่าปกติ ทำให้นึกถึงตอนที่ HUAWEI เปิดตัว HUAWEI Mate20 Series เรือธงยุคสร้างชื่อของสมาร์ตโฟน HUAWEI ในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ และนอกจากดีไซน์ที่บางแล้ว HUAWEI Mate50 Pro ยังเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่ผมมองว่ามันจับถือสะดวก การกระจายน้ำหนักทำได้ดี ถือเครื่องนาน ๆ ไม่เกิดอาการล้า
จุดเด่นในด้านการดีไซน์ของ HUAWEI Mate50 Pro จะอยู่ที่บริเวณโมดูลกล้องหลัง ที่จัดวางอยู่บนโมดูลวงกลมเมื่อซูมเข้าไปที่ส่วนขอบของโมดูล จะมองเห็นลวดลาย Clous de Paris แบบเดียวกับที่พบในขอบหน้าปัดนาฬิการะดับไฮเอนด์ ถือเป็นลวดลายที่บ่งบอกถึงความหรูหราคลาสสิค ผมว่ามันเป็น Texture ที่เสริมให้ตัวเครื่องมีความพรีเมียม ความ Luxury มากขึ้นทีเดียว
สำหรับหน้าจอแสดงผลของ HUAWEI Mate 50 Pro รุ่นนี้มาพร้อมขอบจอโค้ง 3D เทคโนโลยีจอภาพแบบ OLED ที่ให้สีสันสวยงามคมชัด ขนาด 6.74 นิ้ว ขอบเขตการแสดงสีกว่า 1.07 พันล้านสี ความละเอียดหน้าจอ 2616 x 1212 พิกเซล และสามารถปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ได้ที่ความถี่สูง 1440Hz เพื่อให้การใช้งานมีความสบายตามากที่สุด
นอกจากนี้ หน้าจอของ HUAWEI Mate50 Pro ยังมีอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz และอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate สูงสุดที่ 300Hz ทำให้หน้าจอตอบสนองการสัมผัสได้อย่างลื่นไหล ตั้งแต่การใช้งานทั่วไป จนถึงการเล่นเกมที่ให้การตอบสนองที่รวดเร็ว แม่นยำ
บริเวณด้านบนหน้าจอของ HUAWEI Mate 50 Pro จะมี Notch ขนาดค่อนข้างใหญ่ เนื่องจากรองรับวิธียืนยันตัวตนทาง Biometrics ที่มีประสิทธิภาพสูง อย่างวิธีการสแกนใบหน้าแบบ 3D Face Recognition โดยใช้ 3D Depth Sensing Camera ที่ติดตั้งคู่กับกล้องหน้า เพื่อช่วยในการจดจำใบหน้าเจ้าของสมาร์ตโฟนแบบ 3 มิติ ทำให้มีความแม่นยำกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไป และยังรองรับการสแกนลายนิ้วมือ โดยติดตั้งเซ็นเซอร์อ่านลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล ซึ่งเป็นวิธีการมาตรฐานของสมาร์ตโฟนระดับไฮเอนด์
กล้องถ่ายรูป ยังคงเป็นตัวตึง No.1 ใน DxOMark
HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมกับระบบกล้องหลัง 3 ตัว มีไฮไลต์ที่กล้องตัวหลัก สามารถปรับขนาดรูรับแสงได้ถึง 10 ระดับ และมีขนาดรูรับแสงใหญ่สุด f/1.4 ที่หาได้ยากในกล้องของสมาร์ตโฟน อีกทั้งยังมีกล้อง Ultra-Wide ที่ให้มุมมองภาพ 120 องศา สำหรับเก็บภาพวิวทิวทัศน์ หรือ จะถ่ายภาพ Macro ก็สามารถจับโฟกัสในระยะใกล้ถึง 2.5 เซนติเมตร และยังมีกล้อง Telephoto ที่สามารถซูมได้สูงถึง 100 เท่า
- กล้องหลัก Ultra Aperture ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงปรับได้ f/1.4 – f/4.0 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS
- กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ให้มุมมองภาพ 120 องศา
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/3.5 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS
โดย XMAGE ที่ HUAWEI ซุ่มพัฒนาเกี่ยวกับเรื่องกล้องสมาร์ตโฟน มุ่งเน้นไปที่ 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ประสบการณ์การถ่ายภาพ และ วัฒนธรรมการถ่ายภาพ โดย 2 อย่างแรก มุ่งเน้นไปที่ระบบออปติคัล เทคโนโลยีการถ่ายภาพ และ การประมวลผลภาพ
ระบบออปติคัลของ HUAWEI Mate50 Pro ครอบคลุมระบบกล้องหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น เลนส์ Telephoto แบบ Periscopic, เลนส์ Free-form ขณะที่เทคโนโลยีการถ่ายภาพ ให้ความสำคัญกับเซ็นเซอร์ความไวสูง RYYB, ระบบโฟกัส 8 Core แบบเต็มพิกเซล, เซ็นเซอร์หลายสเปกตรัม 10 ช่องสัญญาณ และ ภาพไฮเปอร์สเปกตรัม นอกจากนี้ การประมวลผลภาพ ยังเข้ามาดูแลในด้านอัลกอริทึม, การถ่ายภาพ AI, HDR Fusion แบบเรียลไทม์, XD Fusion Pro, XD Optics รวมถึงซอฟต์แวร์ต่าง ๆ
สำหรับกล้องหลัก ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Ultra Aperture XMAGE Camera สามารถปรับขนาดรูรับแสงได้ถึง 10 ระดับ พร้อมด้วยอัลกอริทึมอัจฉริยะที่สามารถสร้างมุมมองภาพได้แบบกล้อง SLR ช่วยให้กล้องตัวหลักของ HUAWEI Mate50 Pro สามารถปรับรูรับแสง หรือ ค่า f-stop ได้ถึง 10 ระดับ ตั้งแต่ f/1.4 ไปจนถึง f/4.0 สามารถถ่ายภาพแบบปรับรูรับแสงได้ที่โหมด Aperture (เลือก Physical Aperture)
โหมดอย่าง XMAGE Style ที่ออกแบบมาสำหรับถ่ายภาพบุคคลให้สวยงาม มีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Original (ให้สีสันและรายละเอียดที่แม่นยำเหมือนกับตาเห็น), Vivid (ให้รายละเอียดที่ชัดเจนทั้งส่วนมืดและสว่าง) และ Bright (เพิ่มความสว่างให้กับภาพอย่างสมดุล) นอกจากนี้ ยังมี Filter ให้เลือกอีกหลายแบบ เช่น Classic, Dawn, Pure, Moody เป็นต้น
ด้านการถ่ายภาพกลางคืน HUAWEI Mate50 Pro ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ RYYB, กล้องหลักความละเอียดสูง 50MP Ultra Aperture Camera และ เทคโนโลยี XD Fusion Pro Image Engine ช่วยยกระดับการเก็บรายละเอียด สี และ ขอบเขตรายละเอียดของภาพ ทำให้ภาพถ่ายในโหมด Super Night ของ HUAWEI Mate 50 Pro มีความคมชัด เก็บรายละเอียดได้ครบ และไม่ได้สว่างจนเวอร์เกินจริง
การถ่ายวิดีโอ HUAWEI Mate50 Pro รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที รองรับการซูมตั้งแต่ 0.5 – 10 เท่า มี XMAGE Style ให้เลือกใช้งานเหมือนโหมด Photo และด้วยคววามที่กล้องหลักมีรูรับแสงกว้าง จึงส่งผลให้การถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืน (Ultra HD Low-light Video) มีคุณภาพที่ดี รวมถึง Depth จากตัวเลนส์เองมีความสมจริง
กล้องหน้าของ HUAWEI Mate 50 Pro มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ให้มุมมองกว้างพิเศษ รองรับการถ่ายเซลฟี่ทั้งแบบคนเดียว และการเซลฟี่แบบกลุ่ม โดยสามารถปรับมุมมองกว้างได้ 3 ระยะ Wide, 0.8x และ 1.0x ทั้งในโหมด Portrait, Photo และ Video ที่สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที
Performance
HUAWEI Mate50 Pro มาพร้อมกับชิปเซ็ตระดับเรือธงตัวท็อปสุดอย่าง Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1 เวอร์ชั่น 4G ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานให้ดีขึ้น 30% เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 8 Gen 1 และมาพร้อม AI Engine รุ่นที่ 7 ที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น 20% นอกจากจะใช้ชิปประมวลผลระดับเรือธงแล้ว HUAWEI ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น ได้แก่ SuperHold, SuperRender และ SuperStorage
SuperHold
SuperHold เป็นเทคโนโลยีเร่งความเร็วหน่วยความจำให้แรงยิ่งขึ้น จึงตอบสนองการใช้งานในด้านต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะมี RAM 8GB แต่ด้วยฟีเจอร์ SuperHold ทำให้สามารถแสดงภาพกราฟิกเกมได้ลื่นไหลกว่าเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนที่มี RAM 12GB
SuperRender
SuperRender จะเข้ามาช่วยลดอุณหภูมิตัวเครื่อง และลดการใช้พลังงาน เพื่อทำให้การเล่นเกมบน HUAWEI Mate50 Pro ยังคงรักษาเฟรมเรทได้ในระดับสูง แม้จะเล่นเกมติดต่อกันเป็นเวลานาน
SuperStorage
เทคโนโลยี SuperStorage จะช่วยให้สมาร์ตโฟนมีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น 10% โดยการบีบอัดแอปที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน รวมไฟล์ที่ซ้ำซ้อน กำจัดการดาวน์โหลดซ้ำ และช่วยล้างพื้นที่เก็บข้อมูลได้มากถึง 20GB สำหรับรุ่น 256GB ทำให้ HUAWEI Mate 50 Pro มีความจุมากพอสำหรับบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง, ติดตั้งเกมขนาดใหญ่ได้หลายเกม รวมไปถึงจัดเก็บไฟล์มีเดียและไฟล์เอกสารได้หลายร้อยไฟล์
แบตเตอรี่ การจัดการพลังงาน และการชาร์จไฟ
HUAWEI Mate50 Pro มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ 4700mAh เพียงพอสำหรับการใช้งานได้ตลอดทั้งวัน และจากที่ได้ทดลองใช้งานมาสักระยะหนึ่ง ผมวว่ารุ่นนี้แบตเตอรี่อึดใช้ได้เลยล่ะครับ นอกจากนี้ถ้าแบตเตอรี่เหลือน้อยเพียง 1% ก็ยังมีฟีเจอร์อย่าง Emergency Mode ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถโทรได้นาน 15 นาที หรือ ส่งข้อความ SMS ได้สูงสุด 12 ข้อความ
ด้านการชาร์จไฟ HUAWEI Mate 50 Pro รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 66W HUAWEI SuperCharge ซึ่งแถมสายชาร์จและที่ชาร์จ 66W ให้ในกล่อง ส่วนการชาร์จไร้สาย รุ่นนี้รองรับ 50W Wireless HUAWEI SuperCharge (ต้องซื้อแท่นชาร์จแยกต่างหาก)
HUAWEI Mate50 Pro ราคาและการวางจำหน่าย
HUAWEI Mate 50 Pro (8+256GB) มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ และ สีเงินราคา 43,990 บาท ส่วน HUAWEI Mate 50 (8+256GB) วางจำหน่ายในราคา 36,990 บาท พรีออเดอร์ได้ตั้งแต่ 23 พฤศจิกายน 2565 ถึง 2 ธันวาคม 2565 ที่ร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Shopee, Lazada และแอปพลิเคชัน
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://bit.ly/3EDZmCT