รีวิวอุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพรุ่นใหม่ล่าสุด HUAWEI Watch FIT 2 รับรองว่าถูกใจคนชอบออกกำลังกาย และชอบความคุ้มค่าอย่างแน่นอน ว่าแต่รุ่นนี้ใช้งานเป็นอย่างไร แตกต่างจาก HUAWEI Watch FIT รุ่นแรกตรงไหน เลื่อนไปอ่านรีวิว HUAWEI Watch FIT 2 ได้เลยครับ
สเปค HUAWEI Watch FIT 2
- หน้าจอ: 1.74 นิ้ว AMOLED / 336 x 480px / สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 72.2% / 336ppi
- ขนาด: 46 x 33.5 x 10.8 มม.
- RAM: 32MB
- ROM: 4 GB
- วัสดุตัวเรือน: ไฟเบอร์โพลิเมอร์
- วัสดุสายรัดข้อมือ: ซิลิโคน
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.2 BR & BLE / Wi-Fi 2.4Ghz
- น้ำหนัก : 26 กรัม (ไม่รวมสาย)
- กันน้ำ : 5ATM (50 เมตร)
- เซ็นเซอร์ 9-axis IMU sensor (Accelerometer sensor, Gyroscope sensor,Geomagnetic sensor) Optical heart rate sensor
- มี Build-in GPS
- รองรับการเลื่อนและท่าทางการสัมผัส
- มีลำโพง และไมโครโฟนในตัว
- รองรับโหมดออกกำลังกาย 97 โหมด
- เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว 5 นาที ใช้งานได้ 24 ชั่วโมง
- แบตเตอรี่ 292 mAh ชาร์จเต็ม 1ครั้ง ใช้งานได้ 10 วัน
- สายรัดข้อมือมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Graphite Black, Mint Green, Cantaloupe Orange, Sakura Pink
- ราคา 4,990 บาท
อุปกรณ์ในกล่อง HUAWEI Watch FIT 2 ประกอบไปด้วย
- นาฬิกา x 1
- สายชาร์จ x 1
- คู่มือเริ่มต้นใช้งาน & ข้อมูลความปลอดภัย & ใบรับประกัน x 1
รีวิว HUAWEI Watch FIT 2 ดีไซน์ การออกแบบ การสวมใส่
ดีไซน์ของ HUAWEI Watch FIT 2 จะมีขนาดใหญ่กว่า Smartband ปกติทั่วไป และในรุ่นใหม่นี้จะมีขนาดหน้าจอใหญ่กว่า HUAWEI Watch FIT รุ่นแรกเล็กน้อย พาแนลเป็นแบบ AMOLED กระจกโค้ง 2.5D ดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหมือนอย่างรุ่นแรก และพอเป็นพาแนลแบบ AMOLED เลยทำให้สามารถใช้งานโหมด Always On หรือโหมดเปิดหน้าจอตลอดเวลา เพื่อใช้ดูเวลาได้ด้วย แลกมากับการที่กินแบตเตอรี่เพิ่มจากเดิมเล็กน้อย
จุดเด่นอีกอย่างของหน้าจอ HUAWEI Watch FIT 2 ได้แก่ ความสามารถในการปรับแสงหน้าจออัตโนมัติ โดยอ้างอิงจากสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ขณะที่ใช้งาน นั่นหมายความว่า เมื่อพื้นที่โดยรอบมืด หรือมีแสงน้อย ก็จะปรับแสงหน้าจอลดลง เพื่อไม่รบกวนสายตา แต่ถ้าเป็นการใช้งานกลางแจ้ง ก็จะเร่งความสว่างหน้าจอเพิ่มขึ้น
วัสดุตัวเรือนเป็นไฟเบอร์โพลิเมอร์ที่ออกแบบให้เหมือนกับอลูมิเนียม ตรงนี้จะมองว่าเป็นจุดเด่นก็ได้เช่นกันครับ เพราะวัสดุตัวเรือนที่เป็นไฟเบอร์โพลิเมอร์นั่นมีน้ำหนักที่เบากว่าโลหะ น้ำหนักของตัวเรือนไม่รวมสายอยู่ที่ 26 กรัม น้ำหนักมากกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย ส่วนบริเวณด้านในเป็นเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ ที่รองรับการวัดความเข้มข้นของระดับออกซิเจนในเลือด
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของการสวมใส่ HUAWEI Watch FIT 2 สำหรับผมคือต้องปรับให้สายมันหลวมสักหน่อยครับ เพราะถ้าใส่พอดีเกินไป บริเวณที่เป็นเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจจะกดที่ข้อมือมากเกินไป
วิธีการสวมใส่กับสายที่ให้มาในกล่อง ก็ใส่แบบสายนาฬิกามาตรฐาน โดยตัวสายนาฬิกาใช้วัสดุเป็นซิลิโคน ให้ความยืดหยุ่น และนิ่ม สวมใส่สบายทีเดียว ส่วนตำแหน่งที่เหมาะสมกับการใส่ ให้เว้นพื้นที่ว่างตรงข้อมือไว้ความกว้างประมาณ 1 นิ้วชี้ จะเป็นตำแหน่งที่เซ็นเซอร์ทำงานได้ดีที่สุด
การควบคุมนาฬิกาจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ก็คือการสัมผัสหน้าจอ ซึ่งใช้งานเป็นการควบคุมหลัก ส่วนปุ่มที่อยู่ด้านข้าง จะใช้แทนปุ่ม Home หรือถ้าในหน้าจอหลัก การกดปุ่มดังกล่าวจะเป็นการเข้าสู่เมนูต่าง ๆ แล้วใช้การสัมผัสหน้าจอเมื่อต้องการใช้งาน
ในหน้าจอหลักของ HUAWEI Watch FIT 2 การปัดหน้าจอไปทางซ้าย หรือทางขวา จะเป็นการเข้าสู่รายละเอียดต่าง ๆ ได้แก่ อัตราการเต้นของหัวใจ, ความเครียด, พยากรณ์อากาศ, รีโมทย์สำหรับควบคุมเครื่องเล่นเพลงบนโทรศัพท์ และ Activity Record ที่ระบุว่าในวันนี้มีการออกกำลังกายไปเท่าไหร่ เดินไปกี่ก้าว เป็นต้น ส่วนการปัดหน้าจอด้านบน เป็นการเรียกเมนูลัด และการปัดหน้าจอด้านล่าง เป็นการเรียกดูการแจ้งเตือนต่าง ๆ สามารถอ่านภาษาไทยได้สมบูรณ์ สระไม่ลอย
สำหรับการชาร์จไฟ รุ่นนี้จะมีสายชาร์จแบบเฉพาะ เป็นขั้วแม่เหล็ก โดยตัว HUAWEI Watch FIT 2 ตามสเปค สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนาน 10 วัน (แบตเตอรี่ 292 mAh) และชาร์จไฟได้เร็วภายใน 5 นาที สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง แต่จากการใช้งานจริง ผมว่าแบตเตอรี่มันอยู่ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ก็ควรชาร์จไฟแล้วครับ
การเชื่อมต่อกับ HUAWEI Health
การเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน HUAWEI Watch FIT 2 รองรับการใช้งานร่วมทั้ง HUAWEI Smartphone, สมาร์ตโฟน Android และ iOS แต่ถ้าจะให้ใช้งานได้ครบ ๆ ทุกฟังก์ชั่น แนะนำให้ใช้งานร่วมกับ HUAWEI หรือสมาร์ตโฟน Android
ส่วนแอปพลิเคชั่นที่ใช้ในการเชื่อมต่อก็จะเป็น HUAWEI Health หากใครใช้สมาร์ตโฟนหัวเว่ยอยู่แล้วก็จะมี Pre-load มาให้แต่แรก (หรือโหลดได้ใน AppGallery) แต่ถ้าเป็น Android ยี่ห้ออื่น สามารถดาวน์โหลดบนเว็บไซต์โดยตรงได้เลย
นอกจากนี้ ในแอปพลิเคชั่น HUAWEI Health ยังแสดงผลของค่าต่าง ๆ ได้ละเอียดกว่าบน HUAWEI Watch FIT 2 รวมถึงเรียกดูสถิติต่าง ๆ ย้อนหลังได้ตลอดเวลา หรือถ้าต้องการตั้งค่าให้ละเอียด เช่น การตั้งปลุกแบบ Smart wakeup ว่าจะให้อยู่ในช่วงกี่นาทีก่อนเวลาตื่นจริง เพื่อป้องกันการปลุกในขณะที่กำลังหลับลึก (Deep Sleep) ก็สามารถไปตั้งค่าจากในแอปพลิเคชั่นได้เช่นกัน
สำหรับหน้าปัดนาฬิกา ที่มีให้ในตัวเครื่องแต่แรกก็มีจำนวนเยอะพอสมควร แต่ถ้ายังไม่ถูกใจ สามารถเข้าไปเลือกเพิ่มเติมผ่านแอป HUAWEI Health ในหัวข้อ WATCH Face Store ได้เช่นกัน มีหน้าปัดให้เปลี่ยนกว่า 200 รูปแบบ
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ HUAWEI Watch FIT 2 ก็คือรุ่นนี้มาพร้อมระบบปฏิบัติการณ์ HarmonyOS นั่นหมายความว่าสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้มากถึง 30 แอปพลิเคชั่น และการใช้งานก็ให้ความรู้สึกที่ลื่นไหลเอามาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
รีวิว HUAWEI Watch FIT 2 ฟีเจอร์ในการออกกำลังกาย และสุขภาพ
เห็นเป็น Smartband (กึ่ง ๆ Smart Watch) แบบนี้เนี่ย แต่ในการออกกำลังกาย รุ่นนี้รองรับโหมดออกกำลังกายสูงสุดถึง 97 โหมดเลยทีเดียว แบ่งเป็นโหมดออกกำลังกายมาตรฐาน 11 โหมด และโหมดออกกำลังกายอื่น ๆ เช่น Cross Fit, โยคะ, คาราเต้, ฟันดาบ, เต้นลีลาศ, HIIT และอื่น ๆ อีกมากมาย น่าจะครอบคลุมการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี โดยในการออกกำลังกาย หน้าปัดก็จะแสดงข้อมูลที่จำเป็น ได้แก่ อัตราการเต้นของหัวใจ, แคลอรี่ที่ถูกเบิร์น, เวลาในการออกกำลังกาย และสามารถระบุตำแหน่งได้จาก GPS
ส่วนตัวผมมองว่าฟีเจอร์ในการออกกำลังกายส่วนมากของ HUAWEI Watch FIT 2 ก็ดูจะคล้ายคลึงกับการออกกำลังกายของ Smart Watch หรือ Smartband ยี่ห้ออื่น แต่สิ่งที่น่าสนใจอยู่ที่ความสามารถในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบ Real-time ด้วย HUAWEI TruSeen 5.0 คือหัวใจเต้นขณะนั้นกี่ bpm ตัวเครื่องก็แสดงผลได้ตามจริง หากตรวจพบว่าอัตราการเต้นของหัวใจสูงกว่าปกติ ก็จะแจ้งเตือนผู้ใช้ได้ทันที
ฟีเจอร์ในการออกกำลังกายที่น่าสนใจใน HUAWEI Watch FIT 2 ได้แก่ Running Courses เหมือนการมีโค้ชส่วนตัว คอยออกแบบตารางการวิ่ง ให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้ อยากวิ่งเพื่อลดไขมัน, วิ่งระยะทางไกล หรือแม้แต่ Tempo Run รวมถึงรูปแบบการวิ่งแบบอื่น ๆ
นอกจากนี้ หน้าปัดขณะที่ออกกำลังกาย ยังเน้นไปที่การระบุอัตราการเต้นของหัวใจให้เข้าใจง่าย เหมาะกับมือใหม่เป็นอย่างดี อย่างที่เคยได้ยินว่า ถ้าต้องการลดน้ำหนัก ให้วิ่งโซน 2 ตรงนี้หลายคนอาจไม่เข้าใจ ว่าโซน 2 คืออะไร ต้องให้หัวใจเต้นเท่าไหร่ แต่ถ้าใช้ HUAWEI Watch FIT 2 ก็แค่คุมให้อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในช่องที่ 2 Fat Burn ก็พอ หากขึ้นไปโซน 3 ก็ให้ลดความเข้มข้นลงมาที่ โซน 2 เป็นต้น
ส่วนการแจ้งเตือนเกี่ยวกับสุขภาพต่าง ๆ รุ่นนี้ก็มีให้ใช้ครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นแจ้งเตือนนั่งนาน พร้อมสอนวิธีกายบริหารเบื้องต้น เพื่อยืดเหยียดกล้ามเนื้อ หรือจะเป็นการแจ้งเตือนความเครียด พร้อมกำหนดลมหายใจเพื่อผ่อนคลาย ไปจนถึงฟีเจอร์ในการตรวจจับการนอน ว่าในแต่ละคืนที่พักผ่อนนั้น มีคุณภาพมากน้อยเพียงใด
HUAWEI TruSleep ระบบอัจฉริยะที่ติดตามคุณภาพการนอนหลับของได้อย่างแม่นยำ บันทึกสถานะการนอนหลับ วิเคราะห์ ตลอดจนให้คำแนะนำตามหลักวิทยาศาสตร์ ช่วยให้ปรับพฤติกรรมการนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น โดยจะแสดงรายละเอียดการนอนในแต่ละด้าน พร้อมระบุคะแนน เช่น มีการหลับลึกเท่าไหร่ ตอนนอนกรนหรือไม่ หรือตื่นระหว่างคืนไหม และแนะนำวิธีในการเพิ่มประสิทธิภาพในการนอนให้ดียิ่งขึ้น
สรุปภาพรวม รีวิว HUAWEI Watch FIT 2 เหมาะกับใคร?
ภาพรวมหลังจากที่ผมได้รีวิว HUAWEI Watch FIT 2 กับราคา 4,990 บาท และเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ หากเอาแค่ฟีเจอร์ในการออกกำลังกาย ผมว่ารุ่นนี้เทียบเคียงรุ่นพี่ของมันอย่าง HUAWEI WATCH GT Series ได้เลย แถมในรุ่นนี้ยังเพิ่มฟีเจอร์พื้นฐานของสมาร์ตวอชท์ เช่น การโทรเข้า รับสาย, ฟังเพลง ยิ่งรันด้วย HarmonyOS ก็ยิ่งทำให้ประสบการณ์ใช้งานดีขึ้นไปอีก
ด้วยจุดเด่นหลาย ๆ ด้าน เริ่มจากหน้าจอที่มีความคมชัด อ่านไทยสระไม่ลอย หรือพวกฟีเจอร์ต่าง ๆ ในการออกกำลังกาย ไปจนถึงการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ HUAWEI TruSeen 5.0 ที่จับอัตราการเต้นของหัวใจได้แบบ real-time หน้าปัดการออกกำลังกายที่เข้าใจง่าย เหมาะกับทั้งมือใหม่ และคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือจะเป็นฟีเจอร์ในการตรวจจับการนอน HUAWEI TruSleepที่สามารถวิเคราะห์รูปแบบการนอนได้อย่างแม่นยำ พร้อมแนะนำวิธีการปรับปรุงคุณภาพการนอนให้สูงขึ้น