iMac รุ่น 24″ หน้าจอความละเอียด 4.5K ในดีไซน์ใหม่หมดจด รองรับทั้ง Dolby Atmos และ Dolby Vision ตอบโจทย์ทั้งการทำงานและความบันเทิง
รีวิว iMac M1 รุ่นใหม่ล่าสุดปี 2021 หรือที่ Apple เรียกว่า iMac รุ่น 24″ ที่นอกจากจะมาพร้อมกับชิป Apple Silicon อย่าง Apple M1 ยังมาพร้อมกับดีไซนด์ใหม่หมด มีการอัพเกรดขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมอย่าง iMac 21.5″ พร้อมทั้งตัวเลือกสีที่มีมากถึง 7 สี วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 42,900 บาท
โดย iMac เป็นคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปจากทาง Apple ที่จะว่าไปก็อยู่ในดีไซน์แบบเดิมมานานพอสมควร นานพอ ๆ กับที่ Mac ใช้ซีพียู Intel นั่นล่ะครับ และก็ถึงเวลาที่จะถูกอัพเกรดให้เป็นชิปเซ็ต Apple Silicon หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อชิป Apple M1 ที่ใส่ใน MacBook Pro และ MacBook Air รุ่นปลายปี 2020 เพียงแต่ในกรณีของ iMac M1 ไม่ได้เปลี่ยนแค่ชิปเซ็ต แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบยกโฉมใหม่หมดเลยล่ะ
iMac 24 นิ้ว รุ่นเริ่มต้น ราคา 42,900 บาท
- ชิป Apple M1, CPU แบบ 8-core, GPU แบบ 7-core
- พื้นที่จัดเก็บข้อมูล ความจุ 256GB
- หน่วยความจำแบบรวม RAM 8GB
- จอภาพ Retina 4.5K ขนาด 24 นิ้ว
- พอร์ต Thunderbolt / USB 4 จำนวน 2 พอร์ต
- Magic Keyboard
- วางจำหน่าย 4 สี ได้แก่ ฟ้า, เขียว, ชมพู และสีเงิน
สเปค iMac 24 นิ้ว ราคา 49,900 บาท
- ชิป Apple M1, CPU แบบ 8-core, GPU แบบ 8-core
- พื้นที่จัดเก็บข้อมูล ความจุ 256GB
- หน่วยความจำแบบรวม ขนาด 8GB
- จอภาพ Retina 4.5K ขนาด 24 นิ้ว
- พอร์ต Thunderbolt / USB 4 จำนวน 2 พอร์ต
- พอร์ต USB 3 จำนวน 2 พอร์ต
- Gigabit Ethernet
- Magic Keyboard พร้อม Touch ID
สเปค iMac 24 นิ้ว ราคา 56,900 บาท
- ชิป Apple M1, CPU แบบ 8-core, GPU แบบ 8-core
- พื้นที่จัดเก็บข้อมูล ความจุ 512GB
- หน่วยความจำแบบรวม ขนาด 8GB
- จอภาพ Retina 4.5K ขนาด 24 นิ้ว
- พอร์ต Thunderbolt / USB 4 จำนวน 2 พอร์ต
- พอร์ต USB 3 จำนวน 2 พอร์ต
- Gigabit Ethernet
- Magic Keyboard พร้อม Touch ID
ความแตกต่างระหว่าง iMac รุ่นเริ่มต้น GPU 7-core ราคา 42,900 บาท กับรุ่น GPU 8-core นอกจากตัวเลือกสีที่น้อยกว่า ยังมีเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อ โดยรุ่นเริ่มต้นจะมีแค่ พอร์ต Thunderbolt / USB 4 จำนวน 2 พอร์ต ส่วนรุ่น GPU 8-core จะมีพอร์ต USB 3 เพิ่มให้อีก 2 พอร์ต รวมถึง Magic Keyboard ที่ในรุ่นเริ่มต้นจะไม่มี Touch ID ติดมาให้ และยังไม่มีพอร์ต Gigabit Ethernet บริเวณอะแดปเตอร์อีกด้วย
สำหรับเครื่องรีวิว iMac M1 ในบทความนี้ เป็นรุ่น GPU 8-core ความจุในตัว 512GB ที่วางจำหน่ายในราคา 56,900 บาท สเปคเป็นแบบเดิม ๆ Apple M1 + RAM 8GB ตัวเครื่องสีเขียว พร้อม Magic Keyboard และ Magic Mouse ที่เข้าเซ็ตเดียวกัน
ดีไซน์ใหม่หมด บางลง มีสีให้เลือกเยอะขึ้น (มาก)
หลายปีที่ผ่านมา iMac ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 21.5 นิ้ว 4K หรือ iMac 27 นิ้ว 5K ก็จะมีแค่ดีไซน์แบบเดียว สีเดียว ก็คือสีเงิน และขอบหน้าจอสีดำ ให้ความรู้สึกที่เคร่งขรึม จริงจัง และจริงจังขึ้นไปอีกเมื่อเป็น iMac Pro 27″ ที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง และอุปกรณ์เสริมที่เป็นสี Space Grey แต่ไม่ใช่กับ iMac M1 ที่รอบนี้ Apple ไม่ใช้สีดำในการดีไซน์ตัวเครื่องเลยแม้แต่น้อย แถมยังมีสีให้เลือกมากถึง 7 สี ได้แก่ สีเขียว, สีเหลือง, สีส้ม, สีชมพู, สีม่วง, สีฟ้า และสีเงิน
โดยสีของ iMac M1 ทุกสี จะเป็นการจับคู่สีเข้มและสีอ่อนเข้าด้วยกัน พื้นที่ด้านหน้า จะเป็นสีโทนอ่อน กับขอบหน้าจอสีขาว ส่วนด้านหลังจะเป็นสีที่เข้มขึ้น รวมถึงบรรดาอุปกรณ์เสริม ไม่ว่าจะเป็น Magic Mouse, Magic TrackPad, Magic Keyboard แม้แต่สายชาร์จ USB Type-C to Lightning (สำหรับชาร์จอุปกรณ์เสริม) ก็ยังเป็นสีเดียวกันกับตัวเครื่อง เรียกได้ว่ารอบนี้ Apple ตั้งใจให้ iMac M1 เป็นมากกว่า Desktop Computer แต่ยังสามารถเป็นของแต่งบ้าน, แต่งออฟฟิศได้อีกด้วย
ข้อดีของ iMac ในแง่ของการเป็น Desktop Computer คือในเรื่องการจัดการพื้นที่ หากเทียบกับ Desktop PC หรือบรรดา AIO ของฝั่ง Windows ผมมั่นใจมากว่า iMac M1 จะทำให้คุณจัดโต๊ะได้ง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะคนที่ชอบจัดโต๊ะแบบ Minimal Style มีของน้อยชิ้น โต๊ะโล่ง ๆ จะต้องถูกใจ iMac M1 เป็นอย่างยิ่ง
เพราะในการ Setup แค่ต่อ Adapter เข้ากับ iMac M1 จากนั้นลากอะแดปเตอร์ลงพื้น > เสียบปลั๊ก > วาง Magic Mouse + Magic Keyboard และกดปุ่มเปิดเครื่องที่อยู่ด้านหลังตัวเครื่อง iMac 24″ M1 ก็พร้อมใช้งานทันที ไม่ต้องเดินสายไฟให้ยุ่งยาก ไม่ต้องมีอุปกรณ์เชื่อมต่อมากมายให้เกะกะโต๊ะ เพราะตัวมันเองก็เชื่อมต่อไร้สายแทบทั้งหมดแล้ว
หน้าจอของ iMac M1 มีขนาดอยู่ที่ 23.5 นิ้ว (แต่ Apple เลือกที่จะสื่อสารทางการตลาดว่า iMac 24″) ความละเอียดระดับ Retina 4.5K ขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 พร้อมเทคโนโลยี True Tone ในเรื่องการแสดงผล ถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐาน Apple หน้าจอมีความคมชัด มีการเคลือบแสงสะท้อนมาในระดับที่ใช้งานได้สบายตา เร่งความสว่างหน้าจอได้สูงถึง 500 nits และที่สำคัญคือรองรับ HDR มาตรฐาน Dolby Vision
พื้นที่ขอบจอของ iMac 24 หากเทียบกับ iMac 21.5 นิ้วรุ่นก่อนหน้า ก็ต้องบอกว่ามีขอบหน้าจอที่บางกว่าเดิม แต่พื้นที่ด้านล่างหน้าจอนั้นยังคงมีอยู่เหมือนเดิม ด้านบนหน้าจอมีกล้องหน้า FaceTime HD ความละเอียด 1080p และไมโครโฟน 3 ตัวคุณภาพระดับสตูดิโอ
ส่วนด้านข้างมีความบางเพียง 11.5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักไม่ถึง 5 กิโลกรัม สามารถปรับมุมก้มเงยได้ในระดับหนึ่ง
เห็นตัวเครื่อง iMac 24 นิ้วบาง ๆ แบบนี้ แต่ก็มีลำโพงมากถึง 6 ตัว รองรับระบบเสียงตามตำแหน่ง Dolby Atmos เรื่องเสียง ก็ต้องบอกว่าเซอร์ไพรส์อยู่เหมือนกันครับ ให้เสียงเบสที่ชัดเจนแบบสัมผัสได้ ส่วนเสียงย่านอื่น ๆ ก็ถือว่าทำได้ดี โดยเฉพาะเมื่อมองว่าเป็นลำโพงติดเครื่องคอมพิวเตอร์ หากใช้งานในห้องที่ขนาดไม่ใหญ่มาก ผมว่าลำโพงของ iMac M1 เอาอยู่ทั้งในการดูหนังและฟังเพลงเลยล่ะ โดยเฉพาะการรับชมภาพยนตร์ผ่าน Apple TV+ หรือภาพยนตร์ที่ซื้อผ่าน iTunes และไฟล์มันเป็น Dolby Vision + Dolby Atmos
รายละเอียดต่าง ๆ บนตัวเครื่อง iMac 24 นิ้ว จะมีปุ่มเปิด – ปิดเครื่องอยู่บริเวณด้านหลัง มีโลโก้ Apple ขนาดใหญ่อยู่บริเวณด้านหลัง และมีพอร์ต 3.5 มิลลิเมตรอยู่บริเวณด้านข้างซ้าย
ช่องต่อสายไฟของ iMac 24 นิ้ว จะอยู่บริเวณด้านหลังตัวเครื่อง แต่คราวนี้จะแยกตัวอะแดปเตอร์ไว้ด้านนอก สายไฟเป็นแบบแม่เหล็ก และเป็นสายถักสีเดียวกับตัวเครื่อง รวมถึงสายชาร์จ USB Type-C to Lightning ที่ก็เป็นสายถักเช่นเดียวกัน (สำหรับชาร์จไฟให้กับ Magic Keyboard และ Magic Mouse)
สำหรับ Magic Keyboard ในรุ่น GPU 8-Core ไม่ว่าความจุใดก็ตาม จะเป็น Magic Keyboard ที่มาพร้อมกับ Touch ID ใช้ในการปลดล็อกตัวเครื่อง หรือใช้ในการจ่ายเงิน ความปลอดภัยเทียบเท่ากับ Touch ID ที่อยู่ใน MacBook Pro M1 และ MacBook Air M1
ส่วนดีไซน์ของ Magic Keyboard ยังคงเป็นคีย์บอร์ด Layout เดิม แค่ดีไซน์มีความมนมากขึ้น แล้วก็สีสันเป็นแบบเดียวกับตัวเครื่อง เช่นเดียวกับ Magic Mouse ที่มาในทรงเดิม ดีไซน์เดียวกับ Magic Mouse 2 แค่มีตัวเลือกสีเพิ่มขึ้น รวมถึงการชาร์จไฟก็จะชาร์จผ่าน Lightning
ทีนี้ก็น่าจะมีอีกหนึ่งคำถาม ว่า Magic Keyboard พร้อม Touch ID ที่มีหลายสี สามารถใช้กับคอมพิวเตอร์ Mac รุ่นอื่น ๆ ได้หรือไม่ คือถ้าแค่ใช้พิมพ์ มันเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth สามารถใช้งานกับ Mac ที่มี Bluetooth ได้ทุกรุ่นอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการใช้ฟีเจอร์ของ Touch ID จะต้องเป็น Mac รุ่นที่ใช้ชิป Apple Silicon เท่านั้น และในตอนนี้ยังไม่มีวางจำหน่ายแยก
กล้องหน้า FaceTime อัพเกรดเป็น Full HD พร้อมชุดไมโครโฟนระดับสตูดิโอ
อีกหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจาก iMac โมเดลก่อนหน้า ก็คือเรื่องกล้องหน้า FaceTime ที่คราวนี้เป็นกล้องหน้าความละเอียด Full HD 1080p สักที เพื่อให้เข้ากับยุคที่ทั้ง iPhone และ iPad ที่รองรับการเชื่อมต่อความเร็วสูงอย่าง 5G รวมถึงอินเทอร์เน็ตในยุคปัจจุบันที่เร็วมากขึ้น การ FaceTime ด้วยความละเอียด 1080p รวมถึง Video Conference ผ่านแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ จะให้ภาพที่คมชัดขึ้นมาก
ไม่ใช่แค่ปรับปรุงฮาร์ดแวร์กล้อง FaceTime ให้มีความละเอียดสูงขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ iMac 24″ ที่ขับเคลื่อนด้วยชิป Apple M1 ยังมีการใช้ ISP ในการประมวลผลภาพ เพื่อให้ได้วิดีโอที่คุณภาพดี แม้จะเป็นการใช้งานในที่แสงน้อยก็ตาม รวมถึงมีการใช้ Neural Engine มาช่วยยกระดับคุณภาพของกล้อง FaceTime ด้วยการลด Noise ได้ดียิ่งขึ้น ให้ช่วงไดนามิกที่ดีกว่า และยังมีการปรับปรุงค่าแสงอัตโนมัติกับไวท์บาลานซ์ให้ดียิ่งกว่าเดิม
นอกจากกล้อง FaceTime ที่ความละเอียดสูงขึ้น มีการใช้ ISP + Neural Engine เข้ามาช่วยประมวลผลเรื่องวิดีโอแล้ว ชุดไมโครโฟนของ iMac M1 ยังมีจำนวนถึง 3 ตัว คุณภาพระดับสตูดิโอ พร้อมเทคโนโลยี Beamforming ตามทิศทางของเสียง ทั้งยังช่วยในเรื่องของการตัดเสียงรบกวน และตำแหน่งของไมโครโฟนที่ออกแบบมาให้สะท้อนน้อยที่สุด เพราะฉะนั้นในการ Video Conference หรือ FaceTime จึงมั่นใจได้เลยว่าจะได้ทั้งภาพ และเสียงที่คมชัดมากที่สุด
ชิปประมวลผล Apple M1 (อีกแล้ว) แต่ครั้งแรกใน iMac
ผมว่าในอนาคตเราต้องได้เห็นอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Apple ที่ขับเคลื่อนด้วยชิป Apple M1 อีกแน่นอน เรียกได้ว่าตั้งแต่เปิดตัว Apple Silicon ตัวแรกอย่าง Apple M1 ก็แทบจะจับยัดใส่ทุกอุปกรณ์ที่วางจำหน่ายแล้ว ไล่มาตั้งแต่ MacBook Pro 13, MacBook Air, Mac mini จนมาถึง iMac M1 และใครจะไปคิดว่า iPad Pro 2021 ที่พึ่งเปิดตัวไปไม่นาน ก็จะมาพร้อมชิป M1 กับเขาด้วย
ข้อดีของชิป Apple M1 ก็คือมันทำงานร่วมกับ MacOS Big Sur (และ MacOS Monterey ที่จะให้อัพเดตในอนาคต) ได้เป็นอย่างดี รวมถึงจำนวนของแอปพลิเคชั่นที่เป็น Apple Silicon Base ก็มีจำนวนเยอะขึ้นมาก เมื่อเทียบกับตอนที่ผมรีวิว MacBook Air M1 ไปเมื่อช่วงต้นปี 2021 ปัจจุบันแอปพลิเคชั่นของทาง Adobe ก็แทบจะเป็น Native สำหรับ Apple Silicon เกือบจะทั้งหมดแล้ว
ในเรื่องความแรง ประสิทธิภาพในการประมวลผลต่าง ๆ อยากให้ไปอ่านในบทความรีวิว MacBook Air M1 เพราะผมก็ได้เขียนไว้อย่างละเอียด ถ้าให้อธิบายถึงความแรงของ iMac M1 แบบคร่าว ๆ เทียบจากสเปคเครื่องรีวิว iMac M1 ที่เป็น RAM 8GB และความจุ 512GB มันสามารถตัดวิดีโอ 4K ได้สบาย ๆ (ด้วย Adobe Premier Pro) หรือจะทำงานเอกสารด้วย Microsoft Office ก็เหลือ ๆ เรียกว่าใช้งานได้ในระดับของ Home User ไปจนถึงการทำงานที่ค่อนข้างจริงจังเลย
อ่อ ผมทดสอบเล่นเกมด้วยเครื่องรีวิว iMac M1 ไปบ้าง (RAM 8GB/ 512GB) บรรดาเกมใน Apple Arcade เล่นได้อย่างไม่มีปัญหา รวมถึงเกมอย่าง The Sims 4 สามารถเล่นแบบปรับสุด Ultra ภาพชัด ๆ เต็มความละเอียด 4.5K (5,120 x 2,880 พิกเซล) ได้อย่างลื่นไหล แต่ก็พบว่าตัวเครื่องมีความร้อนเพิ่มขึ้นจากปกติในระดับหนึ่ง แนะนำว่าถ้าเล่นนาน ๆ ปรับความละเอียดที่เป็นสเกล 2,560 x 1,440 พิกเซลก็เพียงพอ และคมชัดมากแล้วครับ
แต่ก็เหมือนกับ MacBook Air M1 นั่นล่ะครับ หากต้องการใช้งานจริงจังขึ้นมาหน่อย เป็นคนที่ตัดต่อวิดีโอ หรือทำกราฟฟิกเป็นอาชีพ iMac M1 ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้ แต่ถ้าให้ผมแนะนำ ก็อยากให้เพิ่ม RAM 16GB (+7,000 บาท) และความจุในตัวเครื่องก็ควรเป็น 512GB ขึ้นไป จะเหมาะสมกับการทำงานมากกว่า
iMac M1 หรือ Mac mini M1 + ซื้อจอแยก
ผมคิดว่าเป็นหนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัย เพราะในเมื่อทั้ง 2 รุ่นก็มีชิปประมวลผลตัวเดียวกันอย่าง Apple M1 สั่งเพิ่ม RAM, ความจุได้เท่ากัน นั่นทำให้อนุมานได้คร่าว ๆ ว่าทั้ง 2 รุ่นนั้นมีประสิทธิภาพที่พอ ๆ กัน แต่ราคาของ Mac mini M1 นั้นถูกกว่า iMac M1 เป็นเท่าตัว แบบนี้ไปซื้อ Mac mini ดีกว่าไหม ประหยัดเงินไปได้ตั้งเยอะ?
หากเทียบแค่ประสิทธิภาพในการประมวลผล ผมก็คงตอบว่าใช่แล้วครับ Mac mini M1 ดูจะคุ้มค่ากว่า เพราะได้ชิปตัวเดียวกัน ในราคาที่ถูกกว่า และต่อให้รวมหน้าจอ, เมาส์, คีย์บอร์ด ก็ยังมีราคาถูกกว่า iMac M1 อยู่ดี ในกรณีที่มองว่าแค่เชื่อมต่อ Mac mini M1 ให้มันทำงานได้ แต่สิ่งที่ Mac mini M1 ให้ไม่ได้ ก็คือประสบการณ์ใช้งานในแบบของ iMac M1 ที่ผมมองว่า ถ้าต้องการประสบการณ์ใช้งานที่ใกล้เคียงกัน กัดฟันซื้อ iMac M1 แต่แรกจะจบกว่า
เริ่มที่หน้าจอขนาด 23.5 นิ้ว ความละเอียด 4.5K ว่ากันตามตรงก็แทบจะไม่มีใครทำหน้าจอขนาดนี้ ความละเอียดเท่านี้หรอกครับ เท่าที่เห็นใกล้เคียงสุดก็ LG UltraFine 4K ที่ราคาก็ปาไป 27,900 บาทโดยประมาณ แม้จะให้ประสบการณ์ใช้งานที่ใกล้เคียงกันทั้งในด้านความคมชัด, ลำโพงในตัวหน้าจอ มีพอร์ต Thunderbolt + USB Type-C รวมกัน 4 พอร์ต แต่ก็ยังไม่ได้เรื่องของหน้าจอที่รองรับ Dolby Vision และลำโพงที่รองรับ Dolby Atmos อยู่ดี ยังไม่รวมการติดตั้งและการจัดวาง ที่ iMac M1 ทำได้ง่ายกว่า ประหยัดเนื้อที่มากกว่า
สรุปภาพรวม รีวิว iMac M1 24 นิ้ว เหมาะกับใคร?
iMac M1 กับการเปลี่ยนโฉมครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การอัพเกรดสเปคให้ดีขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการวางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนมากขึ้น iMac รุ่น 24″ เป็นคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป จนถึงผู้ใช้งานกึ่งมืออาชีพ (หรือจะเป็นมืออาชีพก็ใช้ได้ แค่อาจจะต้องอัพเกรดสเปคให้เหมาะสมกับงานที่ทำ) ด้วยรูปลักษณ์ที่มีความดุดันน้อยลง หน้าตาดูเป็นมิตรมากขึ้น และด้วยสีสันที่มีให้เลือกมากถึง 7 สี iMac รุ่น 24″ จึงเป็นมากกว่าคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป แต่มันยังเป็นหนึ่งในอุปกรณ์แต่งบ้านได้อีกด้วย
ในด้านสเปคของ iMac M1 กับความแรงของชิป Apple M1 ที่รองรับการทำงานระดับพื้นฐาน ไปจนถึงการทำงานระดับมืออาชีพ รวมถึงในแง่ของความบันเทิง นี่คือ Computer Desktop ที่รองรับระบบภาพและเสียงมาตรฐานโรงภาพยนตร์อย่าง Dolby Vision และ Dolby Atmos ส่วนตัวผมเองมองว่า iMac รุ่น 24″ เป็นคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแทบจะทุกรูปแบบ ทั้งในการทำงาน และความบันเทิงได้เป็นอย่างดี
สำหรับใครที่สนใจ iMac รุ่น 24″ ชิป M1 สามารถหาซื้อได้ที่ Apple Store ทุกสาขา ทั้งหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ รวมถึงร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของทาง Apple