ในทุกวันนี้อากาศที่เรา ๆ หายใจกันอยู่ในมีทั้งฝุ่นทั้งเชื้อโรคที่ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยได้ ซึ่งเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ก็นับว่าเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมพอสมควร เนื่องจากราคาเครื่องที่ไม่สูงเกินไป แถมยังมีระยะการทำงานที่กว้างกว่าแบรนด์อื่น ๆ ในราคาเดียวกันด้วย นับว่าเป็นอะไรที่คุ้มมาก ๆ ซึ่งวันนี้เราจะมาอัพเดตให้ทุกคนรู้ว่าปัจจุบันนี้มีเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนขายอยู่บ้าง
เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ทุกรุ่นที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน
1. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่น Mi Air Purifie Pro-H
Mi Air Pro H เครื่องฟอกอากาศสำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่ระหว่าง 42 – 72 ตารางเมตร เป็นเครื่องฟอกอกกาศตัวท๊อปสุดของ Xiaomi ตอนนี้ มีอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์อยู่ที่ 600 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง สามารถกำจัดสาร Formaldehyde (สารระเหยที่เคลือบเฟอร์นิเจอร์ไม้อัด น้ำยาทาเล็บ ฯลฯ), กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ไปจนถึงสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย ซึ่งตัวใส่กรองนั้นจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเครื่องรุ่น 3H, 3C, 2S และด้วยความที่มีขนาดใหญ่กว่าทำให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 14 เดือน (ไส้กรองขนาดปกติของ Xiaomi มีอายุการใช้งานประมาณ 6 – 12 เดือน) ซึ่งถ้าสนใจสามารถเข้าไปดูรีวิวได้เลย
รีวิว Mi Air Purifier Pro H เครื่องกรองอากาศ สำหรับห้องใหญ่ 72 ตร.ม เชื่อมแอปได้ ในราคาไม่ถึงหมื่น
ราคา : 8,990 บาท(ราคาเต็ม) / 6,649 – 7,799 บาท (ราคาซื้อออนไลน์)
2. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่น Mi Air Purifier Pro
Mi Air Pro เครื่องฟอกอากาศรุ่นรองลงมาจาก Pro H สำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่ระหว่าง 35 – 60 ตารางเมตร ด้วยความที่เป็นตัวรองทำให้ระยะการใช้งานลดลง ซึ่งส่งผลให้ความสามารถในการสร้างอากาศบริสุทธิ์ลดลงอยู่ที่ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น แต่ความสามารถในการกำจัดสาร Formaldehyde (สารระเหยที่เคลือบเฟอร์นิเจอร์ไม้อัด น้ำยาทาเล็บ ฯลฯ), กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ไปจนถึงสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายก็ยังมีเทียบเท่ารุ่น Pro H เช่นเดิม และแน่นอนว่าไส้กรองก็สามารถใช้ได้นานต่อเนื่องได้ถึง 14 เดือนเหมือนรุ่น Pro H เลย (ไส้กรองสามารถใช้งานร่วมกันได้สบาย)
ราคา : 8,990 บาท(ราคาเต็ม) / 4,790 – 5,890 บาท (ราคาซื้อออนไลน์)
3. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่น Mi Air Purifier 3H
Mi Air 3H คือเครื่องฟอกอากาศรุ่นยอดนิยมที่สุดของ Xioami เนื่องจากราคาที่ไม่แพงมากแต่กลับสามารถใช้ในห้องที่มีขนาดใหญ่ได้ โดยในรุ่น 3H นี้สำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่ระหว่าง 26 – 45 ตารางเมตร มีความสามารถในการสร้างอากาศบริสุทธิ์อยู่ที่ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ถ้าขนาดห้องไม่ใหญ่มากจะสามารถทำให้อากาศบริสุทธิ์ทั่วทั้งห้องได้ภายในเวลาพริบตาเดียว โดยไส้กรองจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6 – 12 เดือน (ทั้งตัวเครื่องและไส้กรองลดราคาบ่อยมาก) ซึ่งถ้าสนใจสามารถเข้าไปดูรีวิวได้เลย
รีวิว Xiaomi Mi Air Purifier 3H เครื่องฟอกอากาศ กรอง PM 2.5
ราคา : 6,990 บาท(ราคาเต็ม) / 3,599 – 3,999 บาท (ราคาซื้อออนไลน์)
4. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่น Mi Air Purifier 3C
Mi Air 3C คือเครื่องฟอกอากาศรุ่นลดสเปคจาก Mi Air 3H ที่ตัดสเปคที่ไม่จำเป็นออกเพื่อลดราคาเครื่องให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยตัว 3C นี้สำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่ระหว่าง 22 – 38 ตารางเมตร มีความสามารถในการสร้างอากาศบริสุทธิ์อยู่ที่ 320 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง และด้วยการที่ใช้ไส้กรองตัวเดียวกับ Mi Air 3H ทำให้ตัวไส้กรองมีอายุการใช้งานประมาณ 6 – 12 เดือนเช่นกัน ในส่วนที่โดนตัดออกไปก็คือตัววัดอุณหภูมิและความชื้นในอากาศ นอกจากนี้ขนาดช่องลมยังมีขนาดที่เล็กกว่ารุ่น 3H ด้วย (คล้ายรุ่น 2S มากกว่า)
ราคา : 3,990 บาท(ราคาเต็ม) / 2,590 – 2,999 บาท (ราคาซื้อออนไลน์)
5. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่น Mi Air Purifier 2S
Mi Air 2S คือเครื่องฟอกอากาศรุ่นเล็กที่สุดของ Xiaomi ในตอนนี้ เป็นตัวที่ราคาจับต้องได้ง่ายที่สุด แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดพื้นที่ใช้งานแทน ซึ่งถ้าสนใจสามารถเข้าไปดูรีวิวได้เลย โดยตัว 2S นี้สำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่ระหว่าง 21 – 37 ตารางเมตร มีความสามารถในการสร้างอากาศบริสุทธิ์อยู่ที่ 310 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ซึ่งตัว 2S นี้สเปคต่าง ๆ เรียกได้ว่าแทบจะเหมือนกับ Mi Air 3C เลย แต่จะต่างกันตรงที่ในรุ่น 2S นี้จะมีตัววัดอุณหภูมิและความชื้นในอากาศด้วยนั่นเอง ส่วนไส้กรองที่ใช้นั้นก็เป็นตัวเดียวกับไส้กรองของรุ่น 3H และ 3C ทำให้สามารถหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง
[Review] Xiaomi Mi Air Purifier 2S เครื่องฟอกอากาศ ราคาไม่แพง สั่งงานผ่าน App ได้
ราคา : 4,999 บาท(ราคาเต็ม) / 2,298 – 2,899 บาท (ราคาซื้อออนไลน์)
ถ้าเพื่อน ๆ สงสัยว่าห้องที่เราจะซื้อเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ไปวางนั้นเหมาะจะใช้รุ่นไหนนั้น สิ่งที่ใช้เป็นตัวตัดสินคือขนาดของห้องครับ โดยที่เพื่อน ๆ จะต้องเลือกเครื่องฟอกที่รองรับการใช้งานในขนาดพื้นที่ ๆ ไม่เกินขนาดห้อง และไม่ควรจะให้ขนาดห้องพอดีด้วย เนื่องจากอากาศบริสุทธิ์อาจจะไปไม่ทั่วถึงนั่นเอง (หรือง่าย ๆ ก็คือขนาดห้องต้องอยู่ระหว่างขนาดที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งเขียนบอกเอาไว้หมดแล้ว)
ไส้กรอง Xiaomi ทั้ง 5 แบบ ที่ใช้กับเครื่องฟอก Xiaomi
สิ่งที่ควรรู้ก่อนจะเลือกซื้อไส้กรอง Xiaomi
- ไส้กรอง Xiaomi มีของปลอมขายเยอะ ขอให็ดูให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
- ตัวไส้กรองจะมี Tag RFID ไว้สำหรับยืนยันว่าเป็นของแท้ เวลาใส่เข้าเครื่องก็จะทำการอ่าน Tag RFID ว่าเป็นไส้กรองแท้หรือไม่ และตัวไส้กรองได้ผ่านการใช้งานไปเท่าไหร่แล้ว เหลืออีกกี่ % ที่จะต้องเปลี่ยน
- ไส้กรองของ Xiaomi จะมีระดับของแผ่นกรองอากาศ ตามกฎเกณฑ์ใหม่ของสหภาพยุโรป ดังนี้
- E11 EPA Class : มีความสามารถในการกรองฝุ่นที่ใหญ่กว่า 0.3 ไมครอนอยู่ที่ > 95%
- E12 EPA Class : มีความสามารถในการกรองฝุ่นที่ใหญ่กว่า 0.3 ไมครอนอยู่ที่ > 99.5%
- H13 HEPA Class : มีความสามารถในการกรองฝุ่นที่ใหญ่กว่า 0.3 ไมครอนอยู่ที่ > 99.95%
- สารอันตรายที่ไส้กรอง Xiaomi สามารถกรองได้ (ตามแต่รุ่น)
1. ไส้กรองรุ่นประหยัด
ไส้กรองรุ่นประหยัดคือไส้กรองที่ปกติจะแถมมาใน Mi Air Purifier ทุกเครื่อง โดยไส้กรองรุ่นนี้จะทำได้แค่การกรองฝุ่นเท่านั้น (ที่ระดับ E11 EPA) ไม่สามารถกรองสารหรือสิ่งอื่น ๆ ได้ และไม่มีคุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ ด้วย ถ้าต้องการใช้แค่กรองฝุ่นทั่ว ๆ ไปอย่างเดียว ตัวนี้ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าต้องการความสามารถในการกรองอย่างอื่นด้วย ก็ขอให้ข้ามตัวนี้ไปเลย
2. ไส้กรองสีม่วง
ไส้กรองสีม่วงคือไส้กรองรุ่น Antibacterial ซึ่งก็ตามชื่อคือเป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อต่อกรกับแบคทีเรีย เพราะมีการเสริมแผ่นยับยั้งการขยายตัวของเชื้อโรค นอกจากนี้ ยังมีไส้กรองคาร์บอนอีกด้วย ทำให้เป็นไส้กรองที่สามารถกรองได้ทั้งฝุ่น, แบคทีเรีย และกลิ่น จึงเป็นไส้กรองที่เหมาะสำหรับบ้านที่มีคนป่วยหรือมีสัตว์เลี้ยง
3. ไส้กรองสีเขียว
ไส้กรองสีเขียวคือไส้กรองรุ่น Formaldehyde ซึ่งก็ตามชื่อคือเป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อลดสารฟอร์มาลดีไฮด์ เหมาะสำหรับบ้านหลังใหม่ที่เพิ่งซื้อของชิ้นใหม่เข้าบ้าน, พวกเฟอร์นิเจอร์ไม้อัด, ฟูกนอน, ผ้าปู, เสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งเพิ่งทาสีบ้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะเป็นตัวการในการปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮด์และกลิ่นฉุนออกมา
4. ไส้กรองสีเทา
ไส้กรองสีเท่าคือไส้กรองรุ่น HEPA คือไส้กรองที่รวมเอาความสามารถของสีม่วงและสีเขียวเข้าไว้ด้วยกัน โดยแผ่นกรองหลัก PET ด้านนอก มีการเพิ่มความแข็งแรง ใช้ในการกรองฝุ่นหยาบและเส้นผม ในขณะที่ไส้กรองชั้นกลางจะเป็นตัวกรองแบบ HEPA ระดับ H13 ที่ทำด้วยเส้นใยไฟเบอร์กลาสคุณภาพสูง สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% เลยทีเดียว ช่วยกรอง ฝุ่น, ควัน, สเปอร์เชื้อรา, ละอองเกสร, แบคทีเรีย, และไวรัสบางชนิด สุดท้ายด้วยไส้กรองชั้นในเป็นตัวกรองคาร์บอนหรือไส้กรองถ่านกัมมันต์ ที่จะทำหน้าที่ดูดซับก๊าซที่เป็นอันตรายอย่าง สารฟอร์มาลดีไฮด์และกลิ่นเหม็นด้วยครับ เรียกได้ว่า จบ ครบ ในตัวเดียวเลย
5. ไส้กรองรุ่น Pro H
ไส้กรองรุ่น Pro H คือไส้กรองตัวใหม่ล่าสุดของ Xiaomi ที่สามารถใช้ได้เฉพาะในรุ่น Mi Air Purifier Pro-H ตามชื่อเลย มีความสามารถในการกรองที่ดีที่สุด สามารถกรองได้ทุกสิ่งยิ่งกว่ารุ่นสีเทา แต่ทว่าด้วยความที่มันเป็นสีฟ้า ทำให้เวลาซื้อต้องดูให้ดีก่อนว่าเป็นของรุ่นไหน เนื่องจากไส้กรองรุ่น Pro H นี้มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นทั่วไปมาก โดยไส้กรองรุ่น Pro H นี้ถูกพัฒนาให้ใช้งานได้ยาวนานถึง 14 เดือน และทาง Xiaomi ยังเคลมไว้ว่า สามารถกรองสารฟอร์มาลดีไฮด์ได้สูงถึง 220 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง กรองสารเมทิลเบนซินได้ที่ 150 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง และกลิ่นที่ 135 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง แถมตัวไส้กรองก็มีความละเอียดระดับ H13 HEPA ซึ่งสามารถกรองฝุ่นที่ใหญ่กว่า 0.3 ไมครอนได้สูงถึง 99.97 % และยังกรอง ไวรัส, แบคทีเรีย, ละอองเกสรดอกไม้ รวมถึงเชื้อราที่มากับความชื้น นอกจากนี้ยังมีไส้กรองคาร์บอนที่มาช่วยกรองกลิ่น และสารเคมีที่เป็นอันตราย นับว่าเป็นไส้กรองที่กรองได้ครอบจักรวาลและดีที่สุดในตอนนี้ครับ