หนึ่งในปัญหาโลกแตกของคนที่กำลังจะซื้อ iPhone 11, iPhone 11 Pro | 11 Pro Max อันที่จริงต้องบอกว่าเป็นปัญหาสุดคลาสสิกของคนที่จะซื้อ iPhone ตลอดกาลก็ว่าได้ครับ สุดท้ายแล้ว การซื้อ iPhone แบบไหนจะดีกว่ากันล่ะ ซื้อเครื่องเปล่า หรือซื้อพร้อมแพ็กเกจรายเดือนกับทางโอเปอร์เรเตอร์?
ส่วนตัวผมเองเคยซื้อ iPhone ทั้งแบบเครื่องเปล่า และเครื่องติดสัญญากับโอเปอร์เรเตอร์ ซึ่งการซื้อทั้ง 2 แบบก็มีข้อดีที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าให้เลือกแบบฟันธง ในปี 2019 สำหรับ iPhone 11 และ iPhone 11 Pro ผมว่าการซื้อเครื่องเปล่า แบบไม่ติดสัญญาน่าสนใจกว่ามากครับ
สำหรับเหตุผลที่ผมมองว่าการซื้อ iPhone 11, iPhone 11 Pro เครื่องเปล่า ดีกว่าการซื้อเครื่องติดโปร ฯ มีด้วยกันดังนี้
1. ราคา iPhone 11, iPhone 11 Pro | 11 Pro Max ถูกลงกว่าเดิม
เนื่องจาก Apple เปลี่ยนวิธีการคำนวณค่าเงินใหม่ และเป็นช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งตัวแบบสุด ๆ จึงส่งผลให้ราคา iPhone รุ่นใหม่ถูกลงเมื่อเทียบกับเมื่อปี 2018 ราว ๆ 4,000 – 5,000 บาท ทำให้การตัดสินใจซื้อทำได้ง่ายขึ้น อย่าง iPhone 11 ก็มีราคาเริ่มต้นที่ 24,900 บาท เมื่อเทียบกับ iPhone XR ที่ราคาเปิดตัวในปี 2018 เริ่มต้น 29,900 บาท และถ้าเทียบระหว่างการซื้อ iPhone 11 เครื่องเปล่าในปีนี้ จะพอ ๆ กับการซื้อ iPhone XR แบบติดโปรเมื่อปีที่แล้วเลยครับ
ส่วนการซื้อ iPhone 11, iPhone 11 Pro แบบติดโปรรอบนี้ แน่นอนว่าราคาจะต้องถูกลงตามโปรโมชันอยู่แล้ว แต่แนะนำให้ลองเลื่อนลงมาอ่านหัวข้อถัดไปก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องติดโปรก่อนจะดีกว่า และเชื่อผมเถอะครับว่าในปีนี้เนี่ย การซื้อ iPhone เครื่องเปล่าน่าสนใจกว่าเยอะ
2. ในวันรับเครื่อง รวม ๆ แล้ว มีค่าใช้จ่ายต่างกันไม่เท่าไหร่
รับส่วนลดค่าเครื่องสูงสุด xxxx บาท!! จะต้องถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นไฮไลท์สำหรับการซื้อเครื่องกับทางโอเปอร์เรเตอร์อย่างแน่นอน แต่ผมก็เชื่อว่าหลายท่านทราบดีว่าการรับส่วนลดค่าเครื่องจะเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ในวันที่รับเครื่อง จะมีสิ่งที่ต้องแลกไปนั่นก็คือ การจ่ายค่าบริการล่วงหน้า หรือไม่ก็ติดสัญญาตามข้อกำหนดของโปรโมชัน
โดยส่วนมากเงื่อนไขของ iPhone เครื่องติดโปร คือลดค่าเครื่อง แลกกับการสมัครแพ็กเกจรายเดือนตามที่กำหนด พร้อมกับจ่ายค่าบริการล่วงหน้าส่วนหนึ่ง ตามที่ค่ายมือถือกำหนด ยิ่งลดค่าเครื่องมาก ก็ยิ่งต้องจ่ายโปรรายเดือนแพง หรือในช่วงหลังมานี้ก็จะมีโปรเอาใจลูกค้าเก่า ที่ให้ส่วนลดเลย ไม่ต้องจ่ายล่วงหน้า แต่ก็ต้องใช้แพ็กเกจรายเดือน 800 – 1,000 บาทขึ้นไป
ข้อมูลของปี 2018 ตอนที่ iPhone XR วางจำหน่าย ผมยกตัวอย่างโปรของโอเปอร์เรเตอร์เจ้าหนึ่งที่ให้ส่วนลดค่าเครื่อง 4,700 บาท แต่ก็มีการจ่ายค่าบริการรายเดือนล่วงหน้าอยู่ที่ 2,000 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) พร้อมติดแพ็กเกจรายเดือน 899 บาทต่อเดือน เมื่อรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วก็จ่ายรายเดือนละ 962 บาท
ในวันรับเครื่อง (iPhone XR 64 GB ราคาเปิดตัว 29,900 บาท) ไม่ว่าจะซื้อด้วยเงินสด หรือเตรียมบัตรเครดิตไปรูดก็ตาม จะต้องใช้เงินทั้งหมด 27,550 บาท แบ่งเป็นค่าเครื่องที่ลดแล้ว 25,200 บาท กับค่ารายเดือนล่วงหน้า 2,140 บาท (2,000 + vat 7%) เท่ากับว่าส่วนต่างในวันรับเครื่องอยู่ที่ 2,350 บาท เพราะจ่ายรายเดือนไม่แพง ค่าเครื่องก็ลดไม่เยอะ
ทีนี้จำตัวเลข 2,350 บาทไว้ในใจก่อนจะเลื่อนอ่านหัวข้อถัดไปนะครับ
3. แพ็กเกจราคาแพง และให้มามากเกินความจำเป็น พอซื้อแพ็กเกจถูก ก็ลดน้อย ให้เน็ตน้อย
จากสถิติในหลายปีที่ผ่าน ๆ มา หนึ่งในเงื่อนไขของการซื้อ iPhone ติดโปร จะมีแพ็กเกจรายเดือนขั้นต่ำอยู่ที่ 699 บาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าบริการโทรศัพท์โดยเฉลี่ยของคนทั่วไป ที่ตอนนี้จะอยู่ที่เดือนละประมาณ 500 บาท หรือบางคนใช้แพ็กเกจรายเดือนถูกกว่านั้นเสียอีก นี่ยังไม่นับโปรลับที่บรรดาค่ายต่าง ๆ มอบให้กับลูกค้าที่จะย้ายค่ายหนีอีกนะครับ
เปรียบเทียบระหว่างแพ็กเกจ 699 กับ 899
พวกแพ็กเกจรายเดือนราคาแพง ๆ ส่วนมากก็จะเป็นอินเทอร์เน็ต 4G แบบ Unlimited + ค่าโทรหลายร้อยนาที ซึ่งให้มามากเกินใช้งาน บางคนใช้อินเทอร์เน็ตแค่ตอนเดินทางไปทำงาน ที่เหลือก็เชื่อมต่อ Wi-Fi เป็นหลัก แต่พอเป็นแพ็กเกจราคาถูกสุด 699 บาท กลับให้อินเทอร์เน็ตไม่ถึง 20 GB เมื่อเทียบกับเงินที่เสียไปก็ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
ไหนจะเรื่องสัญญาที่ต้องใช้งานต่อเนื่อง 12 เดือน อันนี้ประสบการณ์ตรงเลยครับ ปีที่แล้วผมซื้อ iPhone XR 64 GB แบบติดโปร ทีนี้มีเรื่องให้ต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ก็ไม่สามารถยกเลิกเบอร์เก่า (ที่ติดสัญญาส่วนลด iPhone) ต้องจ่ายค่ารายเดือนไปจนครบสัญญาถึงปิดเบอร์ได้ หรือในโทรศัพท์บางยี่ห้อกับโอเปอร์เรเตอร์บางราย มีเงื่อนไขด้วยว่าหากค้างค่าบริการรายเดือน ตัวเครื่องจะถูกล็อกด้วยนะครับ
4. คำนวณทุกอย่างแล้ว เครื่องติดโปร ฯ อาจจะไม่ได้ลดราคาให้จริง ๆ
ยังจำตัวเลข 2,350 บาทที่ผมให้ทดไว้ในใจได้อยู่ไหมครับ นั่นคือส่วนต่างที่การซื้อเครื่องแบบติดโปร ถูกกว่าซื้อเครื่องเปล่า (กรณีของ iPhone XR 64 GB เมื่อปีที่แล้ว) ทีนี้ผมจะคำนวณคร่าว ๆ ให้ว่า หลังจากที่ได้เครื่องมาแล้ว หากต้องรวมค่าแพ็กเกจรายเดือนที่ต้องจ่ายเพิ่มไปอีก สรุปแล้ว ค่าใช้จ่ายรวม ๆ จะอยู่ที่เท่าไหร่กันแน่
iPhone XR 64 GB ราคาเปิดตัว 29,900 บาท (ราคาปี 2018) ลดค่าเครื่อง 4,700 บาท จ่ายล่วงหน้า 2,140 บาท (คืนส่วนลด 10 เดือน) สมัครแพ็กเกจเดือนละ 899 บาท (962 บาทรวมภาษี) ระยะสัญญา 12 เดือน* เท่ากับว่าต้องจ่ายค่าบริการโทรศัพท์ทั้งหมด ดังนี้
- รายเดือน 899 บาท 10 เดือนแรก จ่ายเดือนละ 748 บาท = 7,480 บาท
- อีก 2 เดือนสุดท้าย จ่ายเต็ม 899 x 2 = 1,924 บาท
- รวมค่าแพ็กเกจรายเดือนจนหมดสัญญา = 9,404 บาท
เมื่อรวมกับค่าเครื่อง iPhone XR 64 GB ที่ลดแล้ว สรุปเมื่อครบปี ค่าใช้จ่ายจะเท่ากับ 34,604 บาท ค่าใช้จ่ายรวมสูงกว่าถึง 4,704 บาท เมื่อเทียบกับการซื้อเครื่องเปล่า ไม่ติดสัญญาของ iPhone XR 64 GB ราคา 29,900 บาท
ปัจจุบันมีตัวเลือกสำหรับแพ็กเกจรายเดือนมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนพอสมควร อย่างแพ็กเกจที่ผมใช้กับเบอร์ใหม่ จ่ายเดือนละ 329 บาท ได้อินเทอร์เน็ต 40 GB + Super Wi-Fi ไม่จำกัด + โทร 600 นาที ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานอยู่แล้ว เมื่อคิดค่าใช้จ่ายทั้งปีจะอยู่ที่ปีละ 3,948 บาท พอรวมกับค่าเครื่องเปล่า iPhone XR 64 GB จะอยู่ที่ 33,848 บาท ถูกกว่าค่าใช้จ่ายรวมจากการติดโปรเล็กน้อย แถมยังได้ความสบายใจตรงที่จะย้ายค่ายตอนไหนก็ได้ เปลี่ยนโปร หรือยกเลิกเบอร์ก็ยังได้ เนื่องจากไม่มีสัญญามาผูกมัด
อีกเรื่องที่คนซื้อเครื่องติดโปรต้องรู้ก็คือ หากต้องการยกเลิกเบอร์, ย้ายค่าย หรือเปลี่ยนโปรระหว่างติดสัญญา สามารถทำได้เช่นกันครับ แต่จะต้องจ่ายส่วนลดคืนให้กับทางโอเปอเรเตอร์ด้วย อย่างในเคสของผม รับส่วนลด 4,700 บาท ก็ต้องจ่ายคืน 4,700 บาท ถึงจะฉีกสัญญาได้นะ
5. iPhone เครื่องเปล่า เดี๋ยวนี้ก็มีโปรลดราคาเหมือนกัน!
ปัจจุบัน iPhone มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อน ไม่ว่าจะเป็น iStudio, Power Buy, Jaymart ทำให้การแข่งขันสูงขึ้นไปโดยปริยาย เห็นได้จากการปรับตัวของโอเปอร์เรเตอร์ ที่เมื่อก่อนต้องติดโปร ฯ ต้องจ่ายล่วงหน้าถึงจะได้ส่วนลด ก็มีเปลี่ยนเป็นให้ลูกค้าเก่าแค่ติดโปร ฯ และเซ็นสัญญาห้ามย้ายค่ายอย่างเดียวก็มี
เมื่อมีผู้เล่นในตลาดมากขึ้น โปรโมชันส่วนลดจึงไม่ได้มีแค่การซื้อเครื่อง + ติดสัญญาเพียงอย่างเดียว เมื่อปีที่แล้ว แม้จะเป็นการขายเครื่องเปล่าในล็อตแรก ๆ ก็มีโปรโมชันทั้ง On top รับส่วนลด, Cash back เครดิตเงินคืน หรือแม้แต่ส่วนลดให้สมาชิก ที่ลดกันดื้อ ๆ เลยก็มีเช่นกัน อย่าง Power Buy รอบที่ขาย iPhone XR, XS ผมจำได้ว่าซื้อเครื่องเปล่า On top 5% กับบัตรเครดิตแทบจะทุกใบ แถมยังใช้คะแนน The 1 ลดราคาได้อีก ยิ่งใครมีแต้มมี Point บัตรเครดิตเยอะ ๆ นี่ลดเป็นหมื่นแบบไม่ติดสัญญาเลยล่ะครับ
ด้านการผ่อนชำระค่าเครื่องแบบ 0% ที่ผ่านมา มักจะเป็นโปรที่ขึ้นกับทางบัตรเครดิตเป็นส่วนใหญ่ คือขอให้เป็น iPhone เถอะครับ หาผ่อน 0% 10 เดือนได้แทบจะทุกบัตรอยู่แล้ว ไม่ว่าจะซื้อเครื่องเปล่า หรือซื้อเครื่องติดสัญญาก็ตาม บางบัตรผ่อนได้ 0% 18 เดือนก็ยังมีให้เลือกกันตามสะดวก
อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อ iPhone ว่าจะซื้อเครื่องเปล่า หรือซื้อแบบติดโปร ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอีก ถ้าเป็นคนที่ใช้ค่าโทรศัพท์รายเดือนสูงอยู่แล้ว ใช้ดาต้าเยอะ โทรเยอะ การซื้อเครื่องแบบติดโปรก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้ามองในมุมของคนส่วนมาก ใช้งานทั่วไป เบิกค่าโทรศัพท์รายเดือนไม่ได้ และมีแพ็กเกจรายเดือนที่ดีอยู่แล้ว ผมว่าการซื้อ iPhone เครื่องเปล่าในยุคนี้ ยุคที่ Apple ปรับราคา iPhone ลงจากเมื่อก่อนถึง 4,000 บาท ดีกว่าการซื้อเครื่องติดสัญญาอย่างเห็นได้ชัด