ส่วนตัวผมได้รีวิว Samsung Galaxy A รุ่นปี 2019 มาหลายต่อหลายรุ่น แต่ก็พึ่งจะมีโอกาสได้ลองเล่นน้องเล็กอย่าง Samsung Galaxy A10 ที่เปิดตัวมาด้วยราคาเพียง 4,490 บาท สารภาพตามตรงว่าในตอนแรก ผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มากนัก ด้วยความที่ราคาก็ไม่ได้แพงอะไร อีกทั้งเป็นน้องเล็กสุดของซีรี่ส์ A อีกต่างหาก
แต่เมื่อได้ทดลองเล่น Samsung Galaxy A10 เป็นระยะเวลาหนึ่ง ผมกลับมองว่ารอบนี้ Samsung ทำการบ้านมาดีทีเดียว จะว่าไปผมเองก็ชื่นชม Galaxy A Series ปี 2019 แทบจะทุกรุ่นด้วยซ้ำ เพราะหากเทียบกับเงินที่จ่ายไปก็ถือว่าสมกับสิ่งที่รับกลับมาล่ะครับ Galaxy A10 ก็เช่นกัน มันเป็นสมาร์ทโฟนที่ซื้อได้ในราคา 4,490 บาท แล้วผมก็มองว่าราคาที่ตั้งก็ไม่ได้ถือว่าแพงจนเกินไป
สเปค Samsung Galaxy A10
- หน้าจอ Infinity V ขนาด 6.2 นิ้ว TFT ความละเอียด HD+
- ชิปประมวลผล Exynos 7884 Octa Core 1.6 GHz
- RAM 2 GB
- ความจุ 32 GB รองรับ MicroSD Card
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (f/1.9)
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (f/2.0)
- รองรับ 2 SIM
- พอร์ตเชื่อมต่อ MicroUSB
- แบตเตอรี่ความจุ 3,400 mAh
- รองรับการสแกนใบหน้า
- ราคาเปิดตัว 4,490 บาท
ตัวเครื่อง Samsung Galaxy A10 ที่ผมได้รับมาเป็นตัวเครื่องสีน้ำเงิน และนอกจากสีนี้ก็ยังวางจำหน่ายเป็นสีแดง กับสีดำ สำหรับขนาดตัวเครื่องถือว่ากำลังพอดีมือ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป วัสดุตัวเครื่องเป็นพลาสติกเช่นเดียวกับ Galaxy A20 เพราะฉะนั้นในการใช้งาน ควรระวังเรื่องริ้วรอยที่จะเกิดกับตัวเครื่องด้วย
ด้านหน้าเป็นหน้าจอ Infinity V Display ขนาด 6.2 นิ้ว ไม่ได้ใช้พาแนล sAMOLED แบบรุ่นพี่ Galaxy A20 ทำให้เมื่อเทียบสีหน้าจอกันตรง ๆ จะรู้สึกว่าสีสันหน้าจอของ Galaxy A10 ดรอปอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าเทียบสีหน้าจอของ Galaxy A10 กับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน ผมว่าหน้าจอก็จัดอยู่ในระดับมาตรฐานล่ะครับ
ที่มาของชื่อหน้าจอ Infinity V ก็คือบริเวณ Notch หรือที่บางคนเรียกว่าติ่งหน้าจอ ของรุ่นนี้จะเป็นเหมือนตัว V ซึ่งกินพื้นที่หน้าจอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (แต่ก็ยังเล็กไม่เท่า Infinity U) ด้านในของ Notch บรรจุกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.0
พอร์ตเชื่อมต่อ น่าจะเป็นไม่กี่รุ่นในซีรีส์นี้ที่ยังคงใช้พอร์ต micro USB อยู่ครับ ส่วนพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรก็ยังคงมีอยู่ แต่สิ่งที่ตัดทิ้งไปในรุ่นเล็กนี้ก็คือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ เหลือไว้แค่เพียงระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานเท่านั้น
กล้องหลังมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เป็นกล้องหลังตัวเดียว เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเลนส์มุมกว้างให้เลือกใช้เหมือน A20 เช่นเดียวกับโหมดถ่ายภาพที่ตัด Live Focus ออกไป ทำให้การถ่ายภาพโดยส่วนมากจะเป็นการใช้โหมด Auto ในการเก็บภาพเป็นส่วนใหญ่
ภาพถ่ายที่ได้ส่วนตัวผมถือว่าทำออกมาได้โอเคเลยสำหรับสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 5,000 บาท แต่ก็มีข้อสังเกต หรือจะเรียกว่าเป็นข้อจำกัดก็ได้เช่นกัน อยู่ที่การถ่ายภาพในที่แสงน้อย หรือการถ่ายกลางคืน ภาพถ่ายที่ได้จะมีคุณภาพลดลงจากในเวลากลางวันพอสมควร รวมถึงความรวดเร็วและความแม่นยำในการโฟกัสก็ลดลงเช่นกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Galaxy A10
ระบบปฏิบัติการเป็น One UI ที่มีพื้นฐานจาก Android 9.0 Pie ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่บนสมาร์ทโฟนของ Samsung และแน่นอนว่าสิทธิพิเศษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Galaxy Reward, Galaxy Gift สามารถใช้งานได้ครับ
ด้านการจัดการพลังงาน ออกตัวก่อนเลยว่าผมมีเวลาทดสอบเป็นเวลาสั้น ๆ แต่เท่าที่เก็บผลทดสอบได้ สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,400 mAh หากไม่ได้ใช้งานหนักต่อเนื่อง แค่เปิด 4G หยิบมาเล่น Social Media บ้าง ถ่ายรูปเล็กน้อย สามารถอยู่ได้หมดวันสบาย ๆ ครับ แต่ถ้ามีการเล่นเกม หรือดูวีดีโอต่อเนื่องนาน ๆ ก็คงต้องชาร์จไฟระหว่างวัน หรือไม่ก็พก Powerbank เพื่อความชัวร์จะดีที่สุดครับ
การเล่นเกม แม้รุ่นนี้จะใช้ชิปตัวเดียวกับ Galaxy A20 แต่ด้วยสเปคของ Ram ที่ถูกลดทอนลงมาเหลือเพียง Ram 2 GB หากต้องการซื้อไปเล่นเกมอาจจะต้องมองเป็นรุ่นอื่น หรือกระโดดไปซื้อ Galaxy A20 แทนครับ เพราะเท่าที่ผมลองเล่นหลาย ๆ เกมยอดนิยมในตอนนี้ เช่น ROV, PUBG Mobile, Freefire ส่วนตัวมองว่ารุ่นนี้ยังไม่สามารถตอบโจทย์การเล่นเกมได้เท่าที่ควร แต่ถ้าเป็นเกม Puzzle เช่น Candy Crush, Homescapes พวกนี้เล่นได้สบาย ๆ
ภาพรวมของ Samsung Galaxy A10 กับราคา 4,490 บาท ก็ถือว่าสมราคาล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นสเปคโดยรวมของรุ่นนี้ หรือจะเป็นฟีเจอร์ที่ให้มา และไหนจะ Exclusive Content อย่าง Galaxy Reward, Galaxy Gift ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนแบรนด์ไหนให้ได้แบบ Samsung ส่วนเรื่องกล้องถ่ายรูป เมื่อเทียบกับหลายยี่ห้อในช่วงราคาใกล้เคียงกัน ผมว่ากล้องของ Samsung Galaxy A10 ก็ให้คุณภาพของรูปถ่ายที่ดีทีเดียว