Wiko สมาร์ทโฟนจากประเทศฝรั่งเศสได้ทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ Wiko View 2 Pro และ Wiko View Max ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น เปิดตัวครั้งแรกในงาน MWC 2018 ที่กรุงบาเซโลนา ประเทศสเปนไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แน่นอนว่าเปิดตัวช่วงนี้ ทั้ง Wiko View 2 Pro และ Wiko View Max ก็จะพร้อมวางจำหน่ายในงาน TME 2018 ในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้เป็นครั้งแรก
Hands-on ลองจับ Wiko View 2 Pro
เริ่มจากรุ่นแรกที่เปิดตัว Wiko View 2 Pro กับราคาค่าตัว 7,990 บาท ทาง Wiko บอกว่ารุ่นนี้จะเป็นสมาร์ทโฟนที่ทำให้ผู้ใช้ชาวไทยเห็นว่า Wiko ก็มีนวัตกรรมใหม่ ๆ พร้อมจะส่งมอบให้ผู้ใช้ในราคาที่ย่อมเยาเหมือนเคย โดยจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องหน้าจอแบบ Notch screen หรือหน้าจอแบบมีรอยบาก (บางคนก็เรียกติ่งหน้าจอ) อัตราส่วน 19:9 ทำให้ได้ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6 นิ้ว ในขนาดตัวเครื่องที่ไม่ใหญ่จนเกินไป
กล้องหน้าของ Wiko View 2 Pro มีความละเอียดอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซล f/2.0 ระบบโฟกัสแบบ Super PDAF และระบบปลดล็อกใบหน้า Face Unlock สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ในที่แสงน้อยได้ด้วย
สเปค Wiko View 2 Pro
- หน้าจอขนาด 6 นิ้ว IPS ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 19:9 มี Notch screen
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 450 Octa-core ความเร็ว 1.8 GHz
- Ram 4 GB
- ความจุ 64 GB รองรับ Micro SD Card สูงสุด 256 GB
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo
- กล้องหลังคู่ Dual Camera ความละเอียด 16 + 8 ล้านพิกเซล f/1.75 เซ็นเซอร์ Sony ระยะ Normal + Wide
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 + Super PDAF
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (4G + 3G)
- แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh
- ราคา 7,990 บาท
ฝาหลังของ Wiko View 2 Pro ออกแบบมาให้เหมือนเป็นฝาหลังกระจกที่มีความเงางาม และแน่นอนว่ามันเก็บรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ตอนที่ผมลองเล่น Wiko View 2 Pro นั่นผมจับเป็นคนแรกนะครับ ได้เครื่องมาแล้วก็เริ่มถ่ายรูปตัวเครื่อง รอยนิ้วมือก็ตามที่เห็นเลย เวลาใช้งานจริงอาจจะต้องทำความสะอาดบ่อยหน่อย หรือตัดปัญหาด้วยการใส่เคสแทน
พอร์ตเชื่อมต่อของ Wiko View 2 Pro ยังคงเป็น Micro USB เหมือนเดิม ข้อดีก็คือหาอุปกรณ์เสริมที่ใช้ร่วมกันง่าย ราคาไม่แพง ข้าง ๆ พอร์ต Micro USB มีลำโพงหลักของตัวเครื่อง ตำแหน่งดังกล่าวตอนเล่นเกมมีโอกาสที่มือจะไปบังลำโพงได้ครับ ไม่เหมือนรุ่นน้อง Wiko View Max ที่วางลำโพงไว้ด้านหลังตัวเครื่อง
วัสดุด้านข้างเป็นโลหะ ตรงนี้ถือว่าทำได้ดีครับ แล้วก็ตัวเครื่องมีความโค้งบริเวณฝาหลัง เมื่อรวมกับน้ำหนักตัวเครื่องที่ไม่ได้หนักจนเกินไป การจับถือ การใช้งานน่าจะเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอ 6 นิ้วที่ถือใช้งานได้คล่องตัวรุ่นหนึ่งเลยล่ะ
พอร์ตเชื่อมต่อหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตรก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม ข้าง ๆ พอร์ตหูฟังเป็นไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ส่วนเส้นที่คาดบริเวณด้านซ้ายมือเป็นเสารับสัญญาณโทรศัพท์ครับ
Wiko View 2 Pro มาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบริเวณด้านหลังตัวเครื่อง ตำแหน่งคล้ายกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบัน คือเยื้องมาทางด้านบนเล็กน้อย
กล้องหลังของ Wiko View 2 Pro ในงานเปิดตัวทาง Wiko เคลมว่าเป็นกล้องคู่ที่ดีที่สุดที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน Wiko เลยก็ว่าได้ เป็นกล้องหลังความละเอียด 16 + 8 ล้านพิกเซล f/1.75 เซ็นเซอร์ Sony คือถ้านับแค่รูรับแสงก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ราคาไม่แพง แต่กล้องมีรูรับแสงกว้างระดับเดียวกับพวกสมาร์ทโฟนเรือธง
Wiko View 2 Pro มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 8 Oreo ครอบด้วย Wiko UI แต่ก็ไม่ได้ปรับแต่งอะไรเยอะแยะมากมาย มีความใกล้เคียงกับ Pure Android มากทีเดียว ด้านแบตเตอรี่ก็ให้ความจุมาที่ 3,000 mAh สเปคโดยรวมจัดว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย กับราคา 7,990 บาท
Wiko View 2 Pro วางจำหน่ายวันที่ 24 พฤษภาคมเป็นวันแรก ในงาน Thailand Mobile Expo 2018 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีดำแอนทราไซต์ และสีทอง แต่ในช่วงแรกจะวางจำหน่ายเฉพาะสีดำแอนทราไซต์ก่อนครับ (สีเดียวกับในภาพถ่าย)
Hands-on ลองจับ Wiko View Max
อีกรุ่นที่เปิดตัวพร้อมกันจะเป็นรุ่นเล็กที่ Wiko ประเทศไทยมั่นใจว่าจะเป็นตัวที่ทำให้ในปี 2018 นี้ Wiko จะสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนในไทยได้ 15% (ปี 2017 อยู่ที่ 6.28%) ด้วยสเปค และราคาที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของ Wiko เน้นเรื่องจอใหญ่ แบตอึด โดยราคาของ Wiko View Max จะอยู่ที่ 3,890 บาท
สเปค Wiko View Max
- หน้าจอขนาด 5.99 นิ้ว IPS ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 18:9
- ชิปประมวลผล Mediatek MT6739WA Quad-Core 1.3 GHz
- Ram 2 GB
- ความจุ 16 GB รองรับ Micro SD Card สูงสุด 128 GB
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อม LED Flash
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล + LED Flash
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (4G + 2G)
- แบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh
- ราคา 3,890 บาท
Wiko View Max จะมีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่กว่า Wiko View 2 Pro เล็กน้อย (แต่ View Max จะบางกว่า) หน้าจอยังคงมาในสไตล์ของ View Series แม้จะไม่ได้มี Notch screen ในอัตราส่วน 19:9 เหมือนกับ Wiko View 2 Pro แต่ก็ยังคงเป็นอัตราส่วนแบบ 18:9 ตามสมัยนิยมเช่นเคย ความละเอียดอยู่ที่ระดับ HD+
สีสันหน้าจอ ความคมชัดของ Wiko View Max อยู่ในระดับที่รับได้เมื่อเทียบกับราคา 3,890 บาท ว่ากันตรง ๆ ก็เป็นหน้าจอที่ดีในอันดับต้น ๆ เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนคู่แข่งในช่วงราคาใกล้เคียงกันครับ
รายละเอียดบริเวณด้านหน้าตัวเครื่อง Wiko View Max ก็เฉกเช่นสมาร์ทโฟนหน้าจอ 18:9 ปกติทั่วไป คือจะมีพื้นที่ด้านบน – ด้านล่างสำหรับใส่เซ็นเซอร์ต่าง ๆ กล้องหน้าของ Wiko View Max มีความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล มาพร้อมแฟลช LED และแน่นอนว่าสามารถปลดล็อกตัวเครื่องด้วยใบหน้าได้
ด้านข้าง Wiko View Max ประกอบไปด้วยปุ่มปรับระดับเสียง, ปุ่ม Power ทางด้านขวามือ และถาดใส่ซิมการ์ดทางด้านซ้ายมือ
ด้านล่างตัวเครื่องเป็นพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Micro USB
ด้านบนมีเพียงช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร
ฝาหลังของ Wiko View Max มาในดีไซน์คล้ายกระจกเช่นเดียวกับ Wiko View 2 Pro แน่นอนว่าเก็บรอยนิ้วมือได้ง่ายพอกัน
ตำแหน่งต่าง ๆ บนฝาหลัง ประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เป็นกล้องตัวเดียวนะครับ ข้าง ๆ นั้นเป็นแฟลข LED (วางตำแหน่งเนียนเหมือนเป็นกล้องคู่เลย) ตามมาด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และลำโพงหลักของตัวเครื่องบริเวณด้านหลัง
สังเกตดี ๆ ใต้ลำโพงจะมีตุ่มเล็ก ๆ บริเวณด้านล่าง ช่วยให้เวลาที่วางตัวเครื่องบนพื้นแล้วเสียงไม่ออก แล้วก็ตำแหน่งลำโพงบริเวณด้านล่างเช่นนี้จะดีกว่าตอนเล่นเกม เพราะมือจะไม่ไปบังลำโพงนั่นเอง
Wiko View Max วางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 24 พฤษภาคมเช่นเดียวกับ Wiko View 2 Pro ในงาน Thailand Mobile Expo 2018 เช่นเดียวกันครับ แต่รุ่นนี้จะมีด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีดำแอนทราไซต์, สีทอง และสีแดง Cherry Red สนนราคาอยู่ที่ 3,890 บาท