ห่างหายไปนานจากการรีวิวอุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟน วันนี้ผมก็เลยมีรีวิวเคส iPhone มาฝากเพื่อนๆ กันครับ โดยเคสที่ผมจะมารีวิวในวันนี้ รับรองพิเศษจริงๆ เพราะเป็นเคส iPhone ที่มีราคาขายอยู่ที่ 3,990 บาท ซึ่งจะเป็นเคสยี่ห้ออะไรไปไม่ได้ นอกจาก ElementCase ผู้ผลิตเคสเกรดพรีเมียม ที่แอดมินก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเคสยี่ห้อนี้มันถึงได้แพงขนาดนี้
Element Case แต่เดิมเป็นผู้ผลิตเคสให้กับมือถือหลายยี่ห้อ แต่ล่าสุดสำหรับ Collection ของปี 2016 Element Case จะผลิตแค่เคสให้กับ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus เท่านั้น (แน่นอนว่า iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ก็ใช้งานได้ด้วย)
โดยเคส iPhone 6s Plus ที่แอดมินซื้อมาใช้งานนั้นเป็นเคสรุ่น Solace Chroma 6 Plus ที่ออกแบบมาเฉพาะ iPhone 6 Plus เท่านั้น แต่ภายหลังหน้าเว็บ Element Case เองก็เพิ่มไปว่ารองรับ iPhone 6s Plus ด้วย ต่างจากรุ่นสำหรับ iPhone 6 เฉยๆ ที่ไม่รองรับ iPhone 6s คาดว่าเป็นเพราะเคสออกแบบมาให้พอดีกับ iPhone 6 เกินไป พอเป็น iPhone 6s ที่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย จึงไม่สามารถใส่ด้วยกันได้ (แต่เท่าที่ลองสอบถามพนักงานคือใส่ได้ แค่อย่าถอดบ่อย เพราะมันแน่นมาก)
อันที่จริง Element Case Solace Series ใน Collection ปี 2015 จะมีด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ Element Case Solace กับ Element Case Solace Chroma โดยความแตกต่างระหว่างตัว Chroma กับตัวปกติคือวัสดุด้านบนและด้านล่าง Element Case Solace Chroma เป็นแบบขัดเงา ส่วนแบบปกติเป็นแบบด้าน และแน่นอนว่า Element Case Solace Chroma จะมีราคาแพงกว่า Solace เล็กน้อย
ตอนนี้กำลังมีโปรโมชันลดราคา Element Case ทุกรุ่นจาก Element Case Thailand อยู่นะครับ ลดราคากันไปเลย 40% ทุกรุ่นที่มีขายอยู่ ณ ตอนนี้ (เป็น Collection ปี 2015)
ส่วนปี 2016 Element Case Solace Series จะเหลือแค่ Element Case Solace II เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีขายในบ้านเรา คาดว่าจะเข้าไทยประมาณสิ้นเดือนนี้แหละ
กล่องของ Element Case Solace Chroma ก็ประมาณนี้ครับ วิธีการเปิดกล่องก็คือเลื่อนกล่องด้านในออกมา เราจะเจอกับเคส Element Case Solace Chroma นอนรออยู่ ตัวที่แอดมินซื้อมาเป็นสีขาว – เงิน
**หมายเหตุ จริงๆ แล้วแอดมินต้องให้ดูตัวเคสก่อนใส่กับ iPhone 6s Plus แต่มันเกิดปัญหานิดหน่อยตรงที่พอแอดมินจับ Element Case Solace Chroma ใส่เข้ากับ iPhone 6s Plus แล้ว มันดันแน่นมากจนแกะไม่ออกน่ะสิครับ T-T
ตัวเคส Element Case Solace Chroma จะประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ Top Crown, Bottom Crown และ Main Body ซึ่งมีวัสดุที่แตกต่างกันไป โดย Top Crown กับ Bottom Crown ด้านนอกจะใช้วัสดุเป็น CNC Aluminium แบบขัดเงา แต่ด้านในจะเป็น Polycarbonate เหมือนเคสแข็งทั่วไป ส่วน Main body หรือชิ้นตรงกลาง ด้านนอกจะเป็น Polycarbonate แบบ Soft-touch ให้สัมผัสที่นุ่มมือเวลาจับถือตัวเครื่อง
วิธีการประกอบ Element Case Solace Chroma ก็ตามวีดีโอด้านล่างเลยครับ คือให้เราใส่ตัว Main Body กับตัวเครื่องก่อน จากนั้นเล็งให้ดีว่าปุ่มต่างๆ อยู่ในตำแหน่งที่ตรงกันแล้ว ทีนี้ก็ประกอบส่วน Top Crown กับ Bottom Crown เข้าด้วยกันเป็นอันเรียบร้อย เคสรุ่นนี้ประกอบง่ายมากครับ แต่อย่าพูดถึงตอนถอดนะ มีร้องอ่ะพูดเลย
มุมต่างๆ เมื่อประกอบ Element Case Solace Chroma เข้ากับ iPhone 6s Plus ก็จะประมาณนี้ครับ ตัวปุ่มเนี่ยใช้วัสดุเป็น CNC Aluminium ส่วนการกดปุ่มผ่านเคสก็กดง่ายไม่แพ้กดปุ่มจากตัวเครื่องเพียวๆ เลย
ข้อสังเกตคือเมื่อใส่เคสแล้วก็บอกลาหูฟังยี่ห้ออื่นไปได้เลย ต้องใช้แจ็คขนาดเดียวกับ Apple Earpod เท่านั้นถึงจะใช้งานด้วยกันได้ เพราะเหลือรูมาให้แค่เนี้ย
น้ำหนักของ Element Case Solace Chroma สำหรับ iPhone 6s Plus อยู่ที่ 57 กรัม ซึ่งถือว่ามีน้ำหนักพอสมควร ส่วนความหนาอยู่ที่ 10.5 มิลลิเมตร ทำให้ iPhone 6s Plus ดูใหญ่ขึ้นเยอะ
การปกป้องตัวเครื่องอันนี้ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานเคสทั่วไป คือนูนมากพอที่จะไม่ทำให้หน้าจอสัมผัสกับพื้นโดยตรงเมื่อวางคว่ำ และก็หนาพอที่จะทำให้กล้องที่นูนออกมาของ iPhone 6s Plus ไม่สัมผัสกับพื้นเช่นกัน
ในส่วนของการ Drop-Test แอดมินไม่กล้าลองครับ แต่คาดว่าไม่น่าจะช่วยอะไรได้มากเท่าพวก TPU Case
ถ้าสังเกตดีๆ บริเวณ Main Body จะมีการทำโค้งเว้าให้เข้ากับมือเวลาเราจับถือตัวเครื่อง หรือที่เรียกว่า Ergonomic Design ซึ่งช่วยให้จับถือตัวเครื่องได้สะดวกขึ้นมากทีเดียว เมื่อถือมือถือที่มีขนาดใหญ่ขนาดนี้ แล้วก็ไม่ลื่นมือด้วยครับ
ภาพรวมสำหรับ Element Case Solace Chroma 6 Plus ถ้าวัดที่การปกป้องตัวเครื่องกรณีที่ทำเครื่องหล่น ผมว่าน่าจะป้องกันได้พอๆ กับเคสแข็งทั่วไป คงสู้การใส่เคส TPU ไม่ได้แน่นอน ส่วนตัวแอดมินว่าใส่แล้ว iPhone ดูดีขึ้นมาพอสมควรเลยครับ แต่ก็แลกมากับน้ำหนักที่มากขึ้นอีก 57 กรัม และขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่ขึ้นอีกเป็นกอง กลายเป็นว่าจากเดิมที่ iPhone 6s Plus มันใช้งานมือเดียวได้ยากอยู่แล้ว พอใส่เคสตัวนี้เข้าไปก็บอกลาการใช้งานมือเดียวไปได้เลย แถมเราต้องมาคอยปกป้องตัวเคสอีกต่างหาก เพราะวัสดุที่ใช้ โดยเฉพาะ Main Body นั้นเลอะง่ายมากๆ กลายเป็นว่าจ่ายเงินไป 3,990 บาทต้องมากังวลเคสเลอะแทนซะอย่างนั้น
จุดเด่น
- มันมีอะไรที่เด่นบ้างหว่านอกจากราคาที่แพงมากๆ
- การดีไซน์ช่วยให้จับถือตัวเครื่อง (ที่ใส่เคสแล้ว) สะดวกขึ้น
- วัสดุพรีเมียมจริง แต่สมราคาหรือไม่อันนี้แล้วแต่ความพอใจส่วนบุคคล
ข้อสังเกต
- ถอดยากมาก โดยเฉพาะการใส่กับ iPhone 6s Plus
- เมื่อใส่เคสแล้ว ตัวเครื่อง iPhone 6s Plus จากเดิมที่ขนาดใหญ่อยู่แล้ว ใหญ่ขึ้นมาจากเดิมอีกมาก
- วัสดุตรง Main Body ที่เป็น Soft-touch เลอะง่าย ทำความสะอาดยาก
- วัสดุด้านในของเคสน่าจะเลือกวัสดุได้ดีกว่านี้
- ราคานี้ซื้อเคสดีๆ ได้หลายอันเลย
- ไม่น่าจะช่วยอะไรได้ถ้าทำเครื่องหล่น
- ช่องเสียบหูฟังที่เหลือมาให้ น่าจะใช้ได้แค่แจ็คขนาดกับ Apple Earpod เท่านั้น