เปิดจองเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ iPhone 12 ในไทยทุกรุ่น ว่าแต่รอบนี้ iPhone 12 มีจุดเด่นอะไรบ้าง แล้วควรจะเปลี่ยนไปใช้รุ่นนี้หรือไม่ ทีมงานเราได้รวบรวมมาให้แล้ว กับ 12 จุดเด่น iPhone 12 ที่น่าสนใจ และน่าซื้อมาใช้งาน
ถึงแม้ว่าประเทศเราจะไม่ใช่กลุ่มที่ขาย iPhone 12 กลุ่มแรก แต่ในตอนนี้ก็พร้อมให้จอง และจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ขอบอกเลยว่า หากไม่จองไว้ก่อน วันที่ 27 อาจไม่มีเครื่องเหลือก็เป็นได้ครับ เพราะรอบนี้เขามาแรงจริง ๆ
สำหรับ iPhone 12 ในครั้งนี้ที่เพิ่งเปิดตัวออกมา จะแบ่งเป็นรุ่นย่อยอีก 4 รุ่น ก็คือ iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro และสุดท้าย iPhone 12 Pro Max ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีจุดเด่นที่เหมือนกัน และต่างกันบ้างในรุ่นโปร แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงจุดเด่น iPhone 12 รวม ๆ ที่น่าสนใจทั้งหมดชอง iPhone 12 มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
12 จุดเด่น iPhone 12
สเปคโดยรวมของรุ่นนี้ ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ทั้งรูปแบบภายนอก กล้องขั้นเทพที่มาพร้อมระบบกันสั่นขั้นเทพ และการพัฒนาชิป ที่ทำให้รุ่นนี้มีความเร็ว และใช้งานได้อย่างลื่นไหลเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งาน 5G เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อให้ดีมากขึ้น (อ่านต่อ…สเปค iPhone 12 ทุกรุ่น) เรามาดูจุดเด่นหลักๆ กันเลยดีกว่า
1. มาพร้อมการเชื่อมต่อ 5G ที่เร็วแรง
สิ่งที่เปิดตัวมาพร้อมกับทุกรุ่น และถือว่าเป็นจุดเด่น iPhone 12 นั่นก็คือการรองรับ 5G ที่ให้ความเร็วเพิ่มขึ้น บนการทำงานบนเครื่องเอง และช่วยให้การเชื่อมต่อสัญญาณ ได้เร็วมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมาก แน่นอนว่าประเทศเราก็เป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่มีการรองรับ 5G แล้วจากค่ายใหญ่ๆ หลายค่าย ซึ่งตอนนี้ 5G ที่เร็ว และดีที่สุดในตอนนี้ ยังคงเป็นของ AIS 5G ที่มีความเร็ว 2600 MHz และมีช่วงความเร็วอยู่ที่ 100 MHz (60/80 MHz)
โดย AIS นั้น ได้ลงทุนคลื่นความถี่ทั้งหมด 203,000 ล้านบาทเลย แถมยังมีบริการเครือข่าย 5G NSA/SA ทั่วประเทศแล้วด้วย ส่วนภายในปี 2563 นี้ AIS ก็จะติดตั้งสถานีฐาน 5G จำนวนมากกว่า 5,000 สถานี ช่วยให้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้น นอกจากนี้ AIS ยังมีเทคโนโลยี EN-DC (EUTRAN NEW radio Dual Connectivity) ซึ่งเป็นเทคโนโลยี 5G ใหม่ที่ได้มาตรฐานของเครือข่าย และมือถือที่ใช้งาน โดยจะเป็นการรวมทุกคลื่นความถี่จาก 4G และ 5G เข้าด้วยกัน จึงได้ความเร็วสูงสุด และได้คลื่นความถี่ที่กว้างมากขึ้น ทำให้ได้ความเร็วอย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
ในเมื่อ iPhone 12 รองรับเทคโนโลยีเชื่อมต่อ 5G ส่วนตัวผมเลยมองว่า การเลือกซื้อ iPhone 12 ในคราวนี้ จะสนแค่ว่าซื้อให้ได้ราคาถูกสุดอย่างเดียวก็คงไม่ดีนัก ควรใช้งานควบคู่กับเครือข่ายคุณภาพดี และแพ็กเกจรายเดือนที่ให้จำนวน 5G Data สูงหน่อย (เป็นไปได้ควรเลือกแบบ Unlimited) เพื่อให้รีดประสิทธิภาพของ iPhone 12 ได้อย่างเต็มที่
2. ราคา iPhone 12 พร้อมโปร
สำหรับราคาของ iPhone 12 จะว่าไปก็เปิดราคามาพอ ๆ กับตอน iPhone 11 นั่นล่ะครับ รุ่นท็อปสุด iPhone 12 Pro Max 512GB ก็อยู่ที่ 51,900 บาท และอย่างที่บอกไปว่า iPhone 12 รองรับ 5G ทุกรุ่น ถ้าต้องมาซื้อแพ็กเกจ 5G แยกเพื่อให้เครื่องใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น คิดว่าควรซื้อพร้อมกับแพ็กเกจ 5G ไปเลยดีกว่า น่าจะได้ราคาที่ถูกลงไปอีก เพราะยังไงก็ต้องใช้เน็ตกันอยู่แล้ว
ซึ่งตอนนี้โปร 5G จากค่ายต่างๆ ก็มีโปรมากมายเลย ซึ่งแพ็กเกจ 5G ทึ่คุ้มที่สุดตอนนี้ก็ยังเป็นของ AIS (อ้างอิงจากการเปรียบเทียบโปรฯ 5G) ซึ่ง AIS ก็ได้ทำโปรออกมาด้วยเหมือนกัน น่าจะมีโปรฯ เครื่องลดราคาพร้อมแพ็กเกจ 5G มาให้เลือกใช้กันคุ้มๆ อย่างแน่นอน ก็จะได้ทั้งเครื่องราคาถูก พร้อมกับ 5G ที่เร็วที่สุดในตอนนี้
จอง iPhone 12 กับทาง AIS ได้ที่: https://m.ais.co.th/4RHEgQlU8
โดยทาง AIS ก็ได้ออกโปรโมชั่นของ iPhone 12 Mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ได้หลากหลาย แทบจะครอบคลุมผู้ใช้ทุกกลุ่ม ประกอบไปด้วยโปรหลัก ๆ ดังนี้
โปรโมชั่น Hot Deal Easy Pay* – เครื่องราคาพิเศษพร้อมแพ็กเกจ ผ่อนนาน 24 เดือน โปรนี้จะเด่นในเรื่องของการผ่อนค่าเครื่อง พร้อมกับค่าบริการรายเดือนไปพร้อม ๆ กัน ตอนนี้ใช้ร่วมกับบัตร SCB Speedy Cash และ Citibank Ready Credit
- พิเศษยิ่งขึ้น สามารถรับเครื่องก่อนใครได้ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 63 เวลา 00:01น. เป็นต้นไป เพียงสั่งซื้อล่วงหน้าที่ AIS Online Store
- สำหรับลูกค้าที่สนใจมารับเครื่องก่อนใคร เรามีบริการเปิดช้อปที่ eSports Studio ให้รับเครื่องตั้งแต่ วันที่ 27 พ.ย. 63 เวลา 00:01น. – 10.00 น.
3. ขนาดตัวเครื่อง
เริ่มกันที่เรื่องของขนาดตัวเครื่องก่อนเลย ที่ซีรีส์นี้ทำออกมาถึง 4 รุ่นย่อย ซึ่งตัวที่น่าสนใจจริงๆ ก็คงเป็นรุ่นน้องเล็กอย่าง iPhone 12 mini ที่มีขนาดหน้าจอกว้างถึง 5.4 นิ้ว (รุ่น iPhone 12 ปกติ 6.1 นิ้ว) แต่ขนาดตัวเครื่องนั้นเรียกได้ว่าเล็กกว่าตัว iPhone SE ด้วยซ้ำ แต่กลับมีหน้าจอที่กว้าง และเต็มจอ ตัดขอบลงไปมากกว่าเยอะ จึงทำให้รุ่นตัวเล็กนี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก (อ่านต่อ…สเปค iPhone 12 mini) ส่วนรุ่นที่เหลือ ก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับความโปร
4. รูปทรงใหม่ ย้อนวันวานในแบบเก่า
มือถือ iPhone รุ่นที่ผ่านมานั้น จะเป็นแบบมนๆ โดยเริ่มเปลี่ยนจากที่เคยเป็นเหลี่ยมมาก่อน แต่มาถึงรุ่น iPhone 12 นี้ก็ได้เปลี่ยนรูปแบบจากเครื่องมนๆ อีกครั้ง ถึงแม้ว่ารูปทรงที่ทำออกมาใหม่นั้น จะมีรูปทรงที่ต่างไปจากรุ่นที่ผ่านมาก็ตาม แต่ก็ยังคงความคลาสสิค ที่ทำให้เป็นเครื่องเหลี่ยมเหมือนเดิม สร้างความสวย โดดเด่น และจับถนัดมือได้อีกครั้ง
5. วัสดุตัวเครื่อง
มาถึงเรื่องวัสดุกันบ้าง iPhone 12 Series นี้จะทำวัสดุที่ต่างกัน 2 แบบ โดยแบบแรกจะเป็นอะลูมิเนียมกับฝาหลัง ที่เป็นกระจก ในรุ่น iPhone 12 และ iPhone 12 mini ส่วนในรุ่น iPhone 12 Pro และ Pro Max จะอัพเกรดขึ้นมา โดยใช้วัสดุเป็นสแตเลสสตีล พร้อมกับฝาหลังที่เป็นกระจกแบบด้าน ให้ความสวยงามมากขึ้นเยอะมาก ส่วนหน้าจอขอทุกรุ่นนั้น จะเคลือบด้วย Ceramic Shield ช่วยเพิ่มความแข็งแรงมากขึ้น
6. สีสันตัวเครื่อง มีให้เลือกมากกว่าเดิม
สีสันภายนอก ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญ และเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่ม ให้คนซื้อได้มีตัวเลือกในการใช้งานได้มากขึ้น และ iPhone 12 นี้ก็ได้ทำสีสันออกมา เพื่อตอบโจทย์ตรงนี้ด้วยเหมือนกัน โดยสีของรุ่น iPhone 12 และ iPhone 12 mini นั้นจะมีให้เลือก 5 สี คือ Black, White, Product Red, Green และ Blue ตอนนี้ก็มีตัวเครื่องจริงหลุดออกมาบ้างแล้ว ส่วนในตัว Pro และ Pro Max จะมีให้เลือกอยู่ 4 สีคือ Silver, Graphite, Gold และ Pacific Blue
7. หน้าจอสีสันสมจริงมากขึ้น
สำหรับตัวใหม่นี้ หน้าจอก็ทำออกมาไม่เบาเหมือนกัน โดยจะใช้หน้าจอเป็น OLED แบบ Super Retina XDR รองรับ HDR10 มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 สามารถทำความสว่างได้สูงสุด 800 นิต และความสว่างสูงสุดที่ 1,200 นิต (HDR) พูดภาษาชาวบ้านก็คือ ให้สีสันที่ละเอียด และสวยงามสมจริงมากขึ้นนั่นเอง พร้อมกับการเคลือบหน้าจอด้วย Ceramic shield แข็งแรงกว่ากระจกทั่วไป 4 เท่าเลย
8. ชิปเซ็ตตัวแรงจัด
สำหรับชิปเซ็ตของรุ่นใหม่นี้ ก็มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ แรงจัดแซงหน้าตัวอื่นอยู่พอสมควร ด้วยชิป A14 Bionic บนสถาปัตยกรรมเพียง 5 นาโนเมตร เล็กที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย มาพร้อมกับ Apple GPU กราฟิก 4-core ที่ช่วยให้เครื่องนี้เร็วขึ้นเยอะเลย ถ้าเทียบคะแนนจาก AnTuTu BenchMark ก็ได้คะแนนสูงกว่าชิปอื่นๆด้วย นอกจากความเร็วแล้ว ยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ ทั้งการเล่นเกม หรือใช้งานทั่วไปได้ยาวนานยิ่งขึ้น
9. กล้องขั้นเทพสุดๆ
จุดเด่นที่สุดของ iPhone ตัวใหม่นี้ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของกล้อง ที่ทำออกมาได้เทพมาก โดยกล้องหน้าของทุกตัวนั้นจะเป็น TrueDepth ที่ความละเอียด 12MP ถ่ายเซลฟี่ได้สว่างขึ้น และเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ส่วนกล้องหลังจะแบ่งเป็นรุ่นธรรมดาคือ iPhone 12 และ iPhone 12 mini ที่มีกล้องหลัง 2 ตัว ที่ความละเอียด 12MP มี Deep Fusion และ HDR 3 ช่วยให้ถ่ายตอนกลางคืนได้ดีกว่าเดิม ส่วนในรุ่น iPhone 12 Pro และ Pro Max นั้นจะเป็นกล้อง 3 ตัว ที่ความละเอียด 12MP มีระบบ Deep Fusion และ HDR 3 เหมือนกัน ในรุ่น Pro นั้นจะมีการรองรับ Apple ProRaw ที่สามารถรองรับไฟล์ RAW เพื่อให้การตัดต่อสวยงามยิ่งขึ้น (อ่านต่อ…รายละเอียดกล้อง iPhone 12)
10. กันสั่นระดับ Sensor-Shift
ระบบกันสั่นของทุกตัวนั้น จะมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 47% ในเลนส์อยู่แล้ว แต่ในรุ่น iPhone Pro Max นั้น จะเพิ่มความโปรไปอีกขั้น ด้วยการทำระบบกันสั่นแยกออกมา โดยจะใช้เป็นระบบ เซ็นเซอร์ชิฟต์ (Sensor-Shift) ซึ่งเจ้าตัวนี้จะกันสั่นได้จากตัวเซ็นเซอร์โดยตรงเลย แยกจากเลนส์ออกมาอีก จึงช่วยให้การถ่ายภาพ และถ่ายวิดีโอนิ่งกว่าเดิมแยอะมากๆ
11. เซ็นเซอร์ LiDAR ระดับเดียวกับ NASA!
สิ่งที่แป็นจุดเด่น iPhone 12 Pro และ Pro Max อีกอย่างก็คือ เซ็นเซอร์ LiDAR ที่เป็นเซ็นเซอร์ตัวเดียวกับ NASA สำหรับใช้ในการสำรวจการลงจอดยาน บนดาวอังคารเลยซึ่งการทำงานของเซ็นเซอร์ LiDAR นั้น จะทำงานด้วยการสแกนพื้นที่ และวัดระยะแสงออกมา เพื่อให้รู้ว่าวัตถุที่อยู่ข้างหน้านั้น มีรายละเอียดอะไรบ้าง ช่วยให้การถ่ายภาพ ในที่ที่มีแสงน้อย หรือโหมดกลางคืน เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ถ่ายออกมาได้ดีมากขึ้น และช่วยให้ออโต้โฟกัสได้ดีขึ้นถึง 6 เท่า
12. แบตเตอรี่ทรงพลังมากขึ้น
ถึงแม้ว่าในรุ่นใหม่นี้ จะไม่ได้ให้อแดปเตอร์ และหูฟังมาให้ แต่ก็มีสาย USB-C to Lightning มาให้นะ iPhone 12 ทุกรุ่นนั้นรองรับ Fast Charge สูงสุด 20W แม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าขนาดแบตเท่าไหร่ แต่ด้วยตัวช่วยประหยัดแบตอย่างหน้าจอ และชิปเซ็ตที่มีนั้น ก็ช่วยประหยัดไปได้เยอะมากแล้ว นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์เสริม และตัวช่วยอย่างระบบ MagSafe ที่เข้ามาช่วยให้การชาร์จแบตเร็ว และไวมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับอุปกรณ์ที่แป็นเคสต่างๆ ที่รองรับได้ด้วย (ดูอุปกรณ์ต่างๆ ของ iPhone 12)
แล้วทั้งหมดนี้ ก็เป็นจุดเด่น iPhone 12 หลักๆ ทั้ง 12 ข้อ ซึ่งก็คิดว่าน่าจะครบอยู่พอสมควรแล้วล่ะ ทั้งหน้าจอที่ทรงพลัง สีสันสวยงาม มาพร้อมกับชิปเซ็ตที่แรงสุดๆ กล้องกับเซ็นเซอร์ที่สามารถถ่ายได้สนุกมากขึ้น ทั้งตอนกลางวัน และตอนกลางคืน ยังไม่พอเท่านั้นยังมีการรองรับ 5G ที่เร็วเหนือใคร
เพราะฉะนั้น ในการที่จะเลือกซื้อ iPhone 12 ไม่ว่าคุณจะซื้อรุ่นไหนก็ตาม อย่าห่วงแค่เรื่องราคาถูกเพียงอย่างเดียวนะครับ ควรเลือกซื้อพร้อมกับแพ็กเกจ 5G แรงๆ ครอบคลุมการใช้งาน และถ้าจะให้ดี ควรซื้อพร้อมแพ็กเกจรายเดือนแบบ Unlimited ไม่จำกัดไปเลย เนื่องจาก 5G มีจำนวนการใช้งานดาต้าที่สูงมากกว่า 4G พอสมควร
ส่วนใครที่มองว่า 5G ตอนนี้ยังไม่ครอบคลุม จะบอกว่าตอนนี้ AIS 5G มีพื้นที่ครอบคลุมการใช้งานแทบจะทั่วประเทศแล้วนะครับ อย่างที่ได้บอกไปว่า คราวนี้ AIS ลงทุนเรื่องเสาสัญญาณ และการเลือกเทคโนโลยี 5G ที่ดีที่สุดในตอนนี้ ยิ่งถ้าเป็นพื้นที่เมืองใหญ่ ๆ อย่างกรุงเทพฯ ก็แทบจะรองรับ 5G กันหมดแล้ว หรือจะเป็นเชียงใหม่ จากประสบการณ์ตรง ผมไปเที่ยวสวนดอกไม้นอกตัวเมือง ยังมีสัญญาณ 5G เลยครับ