เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ iPhone 12 ในทุกๆ Series เลย รวมไปถึงเจ้าตัวเครื่องเล็กอย่าง iPhone 12 Mini หรือ iPhone 12 5.4 นิ้ว เครื่องเล็กด้วย ซึ่งข้อมูล สเปคต่างๆ ทั้งหน้าจอ กล้อง สีสันตัวเครื่อง ชิปประมวลผล และราคา ทั้งหมดนั้น เราก็ได้รวมมาให้แล้ว ว่าน่าใช้งานมากน้อยแค่ไหน
สิ้นสุดการรอคอย ที่รอกันมาอย่างยาวนานจริงๆ สำหรับ Event ของ Apple ในการเปิดตัวทั้ง HomePod Mini และ iPhone 12 ในคืนวันที่ 13 ตุลาคม ปี 2020 นี้ ก็มีหลายอย่างที่เพิ่มเข้ามา รวมไปถึงรุ่นที่ทำออกมา ได้น่าสนใจไม่น้อยเลย กับตัว iPhone 12 ในตัว Mini ที่ทำขึ้นมาเพื่อรองรับสำหรับคนที่ชอบ เครื่องเล็กๆ แต่ประสิทธิภาพสูงมาก อย่างในรุ่นนี้ ซึ่งสเปคต่างๆ จะน่าสนใจ และคุ้มค่าต่อการใช้งานแค่ไหน เราจะมาบอกให้รู้กัน ตามมาดูกันเลย
ไฮไลท์ และข้อมูลที่น่าสนใจของ iPhone 12 Mini
- หน้าจอ Super Retina XDR-quality OLED กว้าง 5.4 นิ้ว (รุ่นปกติ 6.1 นิ้ว)
- ชิป A14 Bionic
- รองรับ 5G/ LTE/ Wi-Fi 6/ Bluetooth 5.0/ NFC
- กล้องหลัง 2 ตัว 12MP เลนส์ไวลด์ และอัลตร้าไวลด์ ถ่ายวิดีโอได้ 4K
- กล้องหน้า TrueDepth 12MP
- Facetime HD (1080p)
- ปลดล็อคหน้าจอด้วย Face ID
- ROM 64GB/ 128GB/ 256GB
- กันน้ำ และกันฝุ่น ที่ระดับ IP68 ลึกสุด 6 เมตร
- วัสดุ ฝาหลังเป็นกระจกและอลูมิเนียม ข้างหน้า เป็นกระจกแข็ง Ceramic Shield
- น้ำหนัก 135 กรัม (รุ่นปกติ 164 กรัม)
- สีมีให้เลือก 5 สี คือ Black, White, Product Red, Green และ Blue
- ไม่มีอแดปเตอร์ และหูฟังมาให้แล้ว ให้มาเพียงสายชาร์จ USB-C to Lightning
- รองรับ Fast Charge ในอแดปเตอร์ 20W และ Wireless charging 15W
- ราคาเริ่มต้น ประมาณ 26,500 บาท
ดีไซน์ภายนอกของ iPhone 12 Mini ที่สวยลงตัวทุกมุมมอง
การดีไซน์ภายนอกของรุ่นนี้ จะบอกว่าเหมือนย้อนยุค ไปสมัยเครื่องเหลี่ยมก็ว่าได้ เนื่องจากตัวเครื่องที่ทำออกมานั้น จะเป็นแบบเหลี่ยมไม่ใช่มนๆแล้ว ส่วนวัสดุที่ใช้ในกระจกหน้านั้น จะเป็นกระจกแข็ง Ceramic Shield ที่ให้ความแข็งแรงมาก มากจนอาจจะบอกได้ว่า ไม่ต้องติดฟิล์มเลยก็ได้ ส่วนฝาหลังก็จะเป็นกระจก เพื่อรองรับให้เข้ากับ Wireless Charge ได้ และขอบของตัวเครื่องจะใช้อลูมิเนียมในการทำขึ้นมา ทำให้เครื่องนั้นเบากว่าเดิม 16% บางกว่า 11% และเล็กกว่าเดิม 15% เลย ต้องบอกว่า iPhone 12 ทำออกมาได้ดูสวย และน่าใช้งานมากเลยทีเดียว ส่วนสีมีให้เลือก 5 สี คือ Black, White, Product Red, Green และ Blue
หน้าจอของ iPhone 12 Mini สีสันสดใสสมจริงมากกว่าเดิม
มาถึงในส่วนของหน้าจอกันบ้าง ที่หน้าจอของตัวนี้จะเป็นแบบ Super Retina XDR-quality OLED ขนาดความกว้าง 5.4 นิ้ว โดยความละเอียด ของหน้าจอคือ 2523×1170 2.8 ล้านพิกเซล 460ppi จะมากกว่า iPhone 11 ถึงสองเท่าเลย ให้สีสันออกมาสมจริงสวยงาม และคมชัดแบบจัดๆ โดยหน้าจอนั้นจะสว่างมากขึ้นกว่าเดิม และให้สีดำนั้นดูดำมากขึ้นไปอีก ส่วนการปลดล็อค ยังคงใช้แบบ Face ID เหมือนเดิมอยู่
ชิปประมวลผลของ iPhone 12 Mini ที่เร็วสุดจนหยุดไม่อยู่
ถึงจะเป็นตัวเล็กสุด แต่ก็ได้ชิปประมวลผลแบบเดียวกับ iPhone 12 Pro กันเลยทีเดียว ซึ่งในชิปตัวนี้จะเป็น A14 Bionic ชิปเซ็ตสถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร เป็นชิปตัวแรกบนสมาร์ตโฟนด้วยนะ โดยจะเป็น CPU แบบ 6 Core และ GPU แบบ 4 Core ที่ให้ความเร็วเหนือกว่าทุกรุ่นที่ออกมาเลย แถมยังสามารถประมวลผลได้ระดับ ล้านล้านรายการภายในวินาทีเดียวด้วย
นอกจากชิปตัวนี้จะทำให้เครื่องเร็วมากแล้ว ยังช่วยประหยัดได้ดีกว่าเดิมด้วย สามารถล่นเกมได้อย่างลื่นๆ เลย รุ่นนี้เปิดตัวออกมาพร้อมกับเกม LOL หรือ League of Legends: Wild Rift บนระบบ iOS ด้วย ส่วนความจุของตัวเครื่องในรุ่น Mini นั้นจะมีให้เลือก 3 แบบ ก็คือ 64GB/ 128GB และ 256GB
กล้องหน้า และกล้องหลังของ iPhone 12 Mini ถ่ายได้สนุกมากขึ้น
มาถึงในส่วนของกล้องกันบ้าง ที่ถึงแม้ว่าตอนเปิดตัว จะไม่ค่อยได้พูดถึงกล้องหน้าสักเท่าไหร่นัก แต่กล้องหน้าของรุ่นนี้จะเป็นแบบ TrueDepth ที่ความละเอียด 12MP จะถ่าย Portrait แบบโบเก้ หลังชัดหลังเบลอ ก็สามารถถ่ายเซลฟี่ได้อย่างสวยงาม เวลากลางคืนก็หายห่วงด้วย Retina Flash ที่เป็นธรรมชาติกว่าเดิม กล้องหน้านี้สามารถถ่ายวิดีโอได้ถึงระดับ 4K เลยด้วย จะถ่ายสโล ถ่ายกลางคืน อะไรก็ทำได้หมด เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับราคาแน่นอน
ส่วนกล้องหลังของรุ่นนี้ จะเป็นกล้อง 2 ตัว ที่ให้ความละเอียดเท่ากันคือ 12MP เป็นเลนส์ไวลด์ ƒ/1.6 และอัลตร้าไวลด์ ƒ/2.4 จะถ่ายบุคคล ถ่ายวิว ถ่ายตอนกลางคืน ก็สามารถทำได้อย่างสวยงาม ในตัวนี้จะถ่ายในโหมดกลางคืนได้หมดเลยนะ ทั้งการถ่ายปกติและแบบไวลด์ นอกจากนี้ยังมี Smart HDR 3 ด้วย ที่ช่วยให้การถ่ายในขณะที่มีแสงเยอะ ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น หรือถ่ายย้อนแสง แสงไม่เท่ากัน ก็จะทำให้ภาพที่ออกมานั้นดูกลมกลืนกันทั้งภาพ ไม่มืดหรือสว่างเกินไป ส่วนวิดีโอก็ถ่ายได้สูงถึง 4K เหมือนกัน ถือว่าทำออกมาได้ดีเลย ทั้งกล้องหน้าและหลัง
การเชื่อมต่อของ iPhone 12 Mini ที่เร็วแรงกว่าเดิม
ในเรื่องของการเชื่อมต่อนั้น ถึงแม้ว่าของไทยเราจะไม่รองรับ mmWave ก็ตาม แต่ก็ยังสามารถรองรับ 5G ได้เหมือนกันในทุกๆ รุ่นเลย รับรองว่าได้เชื่อมต่อกันไวขึ้นมากๆ แน่นอน นอกจาก 5G แล้วในรุ่นนี้ก็รองรับ LTE, GSM ได้ปกติ พร้อมกับการรองรับ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.0 พร้อมกับ NFC ที่สามารถเชื่อมต่อได้ไวขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย
แบตเตอรี่ของ iPhone 12 Mini
ในการเปิดตัวนี้ทาง Apple จะไม่ได้บอกออกมาว่า iPhone 12 Series นี้มีแบตความจุได้เท่าไหร่บ้าง แต่การใช้งานสำหรับดูหนังล้วนๆ แล้ว จะสามารถใช้ได้ยาวนานถึง 15 ชั่วโมงเลย และสามารถเพลงติดต่อกันได้สูงถึง 50 ชั่วโมง ก็น่าจะพอเดาได้ว่า มีความอึดอยู่พอสมควรนะ
ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ การชาร์จแบบ MagSafe ที่เป็นระบบแม่เหล็ก ทำให้สามารถชาร์จแบบไร้สายได้ความเร็วสูงสุดถึง 15W ส่วนถ้าชาร์จกับสายธรรมดา ที่เป็น USB-C to Lightning จะชาร์จได้กับอแดปเตอร์ที่ความเร็วสูงสุด 20W หรือมากกว่านี้ก็ได้ โดยจะชาร์จได้ถึง 50% ในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น อีกอย่างคือในรุ่นใหม่ใน Series นี้ไม่ให้อแดปเตอร์ กับหูฟังมาให้แล้ว จะมีเพียงสายชาร์จเท่านั้นที่ให้มาในกล่อง ทำให้กล้อง iPhone 12 บางลงเยอะเลย
ราคาของ iPhone 12 Mini ที่พอจับต้องได้
มาถึงราคาของตัวนี้กันบ้าง ต้องบอกก่อนว่าราคา และการเปิดจองนั้น ประเทศเรายังไม่ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าเป็นทางประเทศกลุ่มแรกๆ ที่จะได้รับการวางขายนั้น จะเริ่มต้นวันจอง และซื้อออนไลน์ในวันที่ 16 ตุลาคม 2020 ก่อนจะเปิดวางจำหน่ายในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2020 นี้ ส่วนไทยเราอาจจะต้องรอไปอีกนิด (ดูราคา iPhone 12 ทุกรุ่น และราคา iPhone 12 Pro ทุกรุ่น) แต่ก็พอจะรู้ราคาคร่าวๆ ได้ดังนี้
iPhone 12 Mini ราคา (ราคาโดยประมาณ)
- 64GB ราคาเปิดตัว $729 เป็นเงินไทยประมาณ 26,500 บาท
- 128GB ราคาเปิดตัว $779 เป็นเงินไทยประมาณ 28,500 บาท
- 256GB ราคาเปิดตัว $879 เป็นเงินไทยประมาณ 32,000 บาท
แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นสเปคทั้งหมดของ iPhone 12 Mini ที่เพิ่งเปิดตัวออกมา ถึงแม้ว่ารุ่นนี้จะเป็นตัวเล็กสุดในบรรดารุ่นใหม่ที่ออกมา แต่ด้วยสเปคทั้ง ชิปเซ็ตที่เทียบเท่ากับตัว iPhone 12 Pro เลย แถมกล้องก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าตัว iPhone 12 ปกติด้วย จะมีต่างกันก็ตรงขนาดหน้าจอเท่านั้น ซึ่งรุ่นนี้ขนาดจะพอๆ กับ iPhone SE แต่หน้าจอจะเต็มจอ ทำให้ดูมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า แต่จะกระชับเข้ามือมากกว่าเดิม บอกได้เลยว่า สำหรับคนที่มีงบไม่เยอะมาก ก็สามาถเข้าถึงและซื้อมาใช้งานได้เหมือนกัน รับรองว่าคุ้มค่ากับราคาแน่นอน แล้วถ้ามีการอัปเดตเพิ่มเติมอีก เราก็จะมาอัปเดตให้อีกนะครับ