ใกล้แล้วนะครับกับวันวางจำหน่าย iPhone 11 ทั้ง 3 รุ่น ซึ่งจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการพร้อมกันในวันที่ 18 ตุลาคมที่จะถึงนี้แล้ว ซึ่งค่ายมือถือต่างก็ออกโปรมาเพียบเลยไม่ว่าจะเป็นโปรลดค่าเครื่อง โปรย้ายค่าย รวมถึงโปรซื้อเครื่องเปล่าในราคาพิเศษ โดยผมจะมาแนะนำโปรที่ผมคิดว่าคุ้มที่สุดให้กับเพื่อน ๆ กัน
ก่อนอื่นต้องพูดถึงราคากลางที่ขายในไทยกันก่อน ซึ่งจะมีตามนี้
ต่อกันด้วยโปรโมชั่นจากทั้ง 3 ค่ายกันเลยนะครับ โดยโปรที่วางขายจริงอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย แต่ยังไงก็ไม่น่าจะต่างกันมาก
AIS
สำหรับ AIS จะแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ นั้นก็คือแบบติดสัญญา 12 เดือน กับ แบบไม่ติดสัญญา
1. แบบติดสัญญา
จะแบ่งได้เป็น 2 แบบคือสำหรับลูกค้าเดิม และ ลูกค้าใหม่
แบบลูกค้าเดิม จะได้ส่วนลดตั้งแต่ 3,700 บาท 6,700 บาท และลดสูงสุดที่ 9,700 บาท โดยจะต้องเซ็นต์สัญญาใช้งานนาน 12 เดือน
แบบลูกค้าใหม่ จะได้รับส่วนลดค่าเครื่องสูงสุดที่ 7,700 บาท และถ้าย้ายค่ายมาจะได้ส่วนลดเพิ่มอีก 2,000 บาทด้วย แถมยังได้รับสิทธิ์ Serenade ตามราคาแพ็คเกจอีกต่างหาก
2. แบบเครื่องเปล่าไม่ติดสัญญา
โดยจะมีเงื่อนไขคือต้องเป็นลูกค้า AIS มานานกว่า 3 เดือน และมีค่าใช้จ่าย 150 บาทขึ้นไป แถมยังได้เน็ตไปฟรี ๆ อีก 3GB ด้วย( 300MB / 10 เดือน)
แพ็คเกจแต่ละราคามีอะไรบ้าง
Dtac
Dtac เองก็จะแบ่งออกเป็น 2 แบบเช่นกันคือสำหรับลูกค้า Blue Member กับไม่ใช่ Blue Member
Blue Member นั้นจะได้รับส่วนลดสูงสุดที่ 9,700 บาท สามารถกดเช็คสิทธิ์ได้ที่ *399*2019#
iPhone 11
iPhone 11 Pro
iPhone 11 Pro Max
สำหรับผู้ที่ไม่ใช่ Blue Member จะได้รับส่วนลดสูงสุด 7,700 บาท และสำหรับลูกค้า Dtac ที่ใช้งานเกิน 18 เดือนขึ้นไป ไม่จำเป็นต้องชำระค่าบริการล่วงหน้าอีกด้วย
iPhone 11
iPhone 11 Pro
iPhone 11 Pro Max
ผ่อน 0% กับธนาคารต่าง ๆ
Truemove-H
สำหรับ True เองก็จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือแบบลูกค้ารายเดืนอพร้อมแพ็คเกจ กับ แบบซื้อเครื่องเปล่าไม่ติดสัญญา
แบบติดสัญญารายเดือน โดยลูกค้าย้ายค่ายและลูกค้าปัจจุบันที่ใช้งานมานานกว่า 12 เดือน จะได้ลดค่าเครื่องเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท (โปร 699 และ 1,099 ลด 1,000 บาท ส่วน 1,499 ลด 2,000 บาท)
เครื่องเปล่าไม่ติดสัญญา
แพ็คเกจแต่ละราคามีอะไรบ้าง
สิทธิพิเศษแลกซื้ออุปกรณ์เสริมต่างๆ
หมายเหตุ : ในบรรดาโปรเท่าที่หาได้ผมยังไม่ค่อยแน่ใจว่าแพ็คเกจของ Dtac จะเป็นไปตามที่หน้าเว็บหรือเปล่า หากเป็นไปตามหน้าเว็บแล้วแพ็คเกจต่าง ๆ ของ Dtac ดูจะไม่ค่อยคุ้มเท่าไร เพราะโปรที่ Dtac มีจะเป็น Dtac Go ที่แถมเน็ตสำหรับใช้ที่ต่างประเทศเพิ่มให้ ซึ่งหากใครไม่ได้ไปต่างประเทศแล้วจะนับว่าเสียไปฟรี ๆ เลยก็ได้ ส่วนโปรทั่วไปนั้นเมื่อเทียบกับค่ายอื่นที่ราคาเท่ากันแล้วให้เน็ตที่น้อยกว่ามาก ๆ ดังนั้นถ้าจะให้แนะนำ อยากจะให้มองไปที่ AIS และ Truemove-H มากกว่า เว้นแต่พื้นที่ ๆ เพื่อน ๆ อยู่สัญญาณ Dtac ดีกว่าแบบเห็นได้ชัดจริง ๆ
ทีนี้มาดูกันว่าแพ็คเกจระหว่าง AIS กับ True อะไรจะดูคุ้มกว่า ซึ่งตรงนี้จะต้องมองจากหลาย ๆ เงื่อนไข เพราะราคา เวลาโทร และปริมาณเน็ตนั้นเท่ากันทั้ง 2 ค่าย แต่จะต่างกันที่เงื่อนไขและสิ่งที่พ่วงมากับแพ็คเกจดังนี้
เงื่อนไข : โดยเงื่อนไขนี้จะเป็นในส่วนของเน็ตที่จะใช้ได้กับราคาตั้งแต่ 1,099 บาทขึ้นไป ซึ่งที่แตกต่างกันก็คือของ True จะได้ 4G ไม่จำกัดนาน 12 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นจะไม่สามารถใช้ได้อีก ซึ่งตรงนี้เหมาะกับผู้ที่เปลี่ยนแพ็คเกจอยู่ทุกปีอยู่แล้ว
ส่วน AIS นั้นหลังใช้ 4G/3G ไม่จำกัดครบ 12 เดือนแล้วหลังจากนั้นจะได้เน็ตแบบจำกัดปริมาณการใช้งานมาให้ใช้ต่ออีก 1 เดือน
สิ่งที่พ่วงมากับแพ็คเกจ : โดย True นั้นจะให้สิทธิ์ดูได้ทุกอย่างในแอป TrueID และเล่นเกม RoV แบบไม่เสียค่าเน็ตมาเป็นเวลา 12 เดือน ซึ่งก็จะได้เหมือนกันในทุกราคา นอกจากนี้ยังได้สิทธิ์พิเศษเพิ่มโดยจะแบ่งตามราคา 699-899 จะได้เน็ตเสริม 10GB และจะได้ดูพรีเมียร์ล๊คนาน 30 วัน ส่วนราคา 1,099-1,899 จะได้ดูพรีเมียร์ลีคฟรีตลอดฤดูกาล นอกจากนี้ยังได้ส่วนลดค่ากล่อง TrueID TV ถึง 50% ด้วย
ในขณะที่ AIS นั้นให้สิทธิ์ใช้ Next G ไม่จำกัด และได้สิทธิ์ดูหนัง/ทีวีฟรีไม่เสียค่าเน็ตกับแอป AIS Play รวมถึงช่อง HBO และ WB ด้วย
สรุปซื้อที่ไหนดีสุด
หากคุณเป็นพวกเน้นเน็ตเยอะ ๆ / ไม่อยากจ่ายล่วงหน้า ไป AIS จะดีที่สุด แต่หากคุณเป็นชอบดูบอล /เปลี่ยนโปรทุกปี True ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถรับสิทธิดูพรีเมียร์ได้ฟรีตลอดฤดูกาลด้วยแพ็คเกจ 699 เท่านั้นหากทำการย้ายค่ายมา True ไม่จำเป็นต้องสมัครโปรขั้นต่ำราคา 1,099 บาทอีกด้วย
สำหรับโปรที่แนะนำนั้นจากที่มีตอนนี้แล้วเลือกโปรที่จะได้ 4G ไม่จำกัดจะคุ้มสุด โดยที่ดูดีสุดจะเป็น True เนื่องด้วยถึงไม่สมัครแพ็คเกจอะไรก็สามารถดูหนัง/ทีวีในแอป TrueID ได้มากพออยู่แล้ว แถมยังมี TrueYou ที่จะให้ส่วนลดร้านค้าต่าง ๆ เพิ่มด้วย แถมยังมีร้านเยอะอีกต่างหาก