เป็นเรื่องปกติมากสำหรับการทดสอบ iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ในส่วนของการทำ Drop Test หรือพูดง่ายๆ ก็คือการทิ้งเครื่องลงพื้นนั่นแหละครับ และก็ได้มีการทำ Drop Test iPhone 6 ไปแล้วด้วยในบทความนี้
ผลก็ตามคาดครับ จอแตก เครื่องบิ่นกันไปตามปกติ ไม่ได้มีอะไรเหนือความคาดหมายเท่าไหร่นัก แต่การ Drop Test ที่ผมนำมาเสนอวันนี้บอกเลยว่าไม่ธรรมดาครับ สาวก iPhone ต้องระวังให้ดี เพราะภาพเหล่านี้อาจทำร้ายคุณได้ เพราะ TechRax เล่นทำ Drop Test กับ iPhone ทุกรุ่น ไล่มาตั้งแต่ iPhone 2G, iPhone 3G,?iPhone 3GS,?iPhone 4,?iPhone 4S,?iPhone 5,?iPhone 5C,?iPhone 5S,?iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เรียกว่าขนมาทั้งโคตร iPhone เลย ที่สำคัญคือ iPhone ทั้งหมดที่เอามาทำ Drop Test เนี่ย เป็นเครื่องใหม่ ที่ไม่เคยหล่นแม้แต่ครั้งเดียวซะด้วย (โอ้ย เสียดายมากกก)
นี่คือโฉมหน้าของเหล่า iPhone ผู้โชคร้ายครับ?
จากนั้น TechRax ก็ทำการ Drop Test เรียงตัวเลย โดยจะทำการ Drop Test 2 ครั้ง คือทิ้งเครื่องจากด้านข้าง และทิ้งเครื่องแบบเอาหน้าลงพื้น ไล่ไปตั้งแต่ iPhone 2G จนถึง iPhone 6 Plus ครับ ผลที่ออกมาก็เป็นดังนี้
iPhone 2G
- ทิ้งเครื่องจากด้านข้าง?- พบรอยถลอกเล็กน้อยที่มุมซ้ายล่างของตัวเครื่อง ที่เหลือแทบไม่พบริ้วรอยอะไร เครื่องทำงานได้ตามปกติ
- เอาหน้าจอลงพื้น – ไม่รอดครับ หน้าจอแตก รวมถึงปุ่มปรับระดับเสียงก็ค้างไปเลย?แต่ก็ยังคงทัชสกรีนได้
iPhone 3G
- ทิ้งเครื่องจากด้านข้าง?-?พบรอยบิ่นที่มุมขวาล่างของตัวเครื่อง และ iPhone 3G ยังคงทำงานได้ตามปกติ
- เอาหน้าจอลงพื้น –?หน้าจอแตก?แต่ก็ยังคงทัชสกรีนได้
iPhone 3GS
- ทิ้งเครื่องจากด้านข้าง?-?พบรอยบิ่นที่มุมขวาล่างของตัวเครื่อง และ iPhone 3GS ยังคงทำงานได้ตามปกติ
- เอาหน้าจอลงพื้น –?มีเพียงกระจกบริเวณลำโพงสนทนาเท่านั้นที่มีริ้วรอย ส่วนที่เหลือปกติมาก รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ครับสำหรับ iPhone 3GS
iPhone 4
- ทิ้งเครื่องจากด้านข้าง?-?กระจกหลังร้าว และมีรอยตามมุมด้านล่างของตัวเครื่อง แต่ยังทำงานได้ตามปกติ
- เอาหน้าจอลงพื้น –?หน้าจอแตก รวมถึงกระจกด้านหลังก็มีรอยร้าวเพิ่มขึ้น
iPhone 4S
- ทิ้งเครื่องจากด้านข้าง?-?ต้องบอกว่าจังหวะที่หล่นดีมาก มีเพียงขอบเครื่องเท่านั้นที่กระทบกับพื้น ทำให้กระจกหลังก็ยังคงอยู่ในสภาพปกติ มีรอยนิดหน่อยที่ขอบเครื่อง
- เอาหน้าจอลงพื้น –?ไม่เหลือครับ หน้าจอแตกกระจาย แถมเครื่องรีสตาร์ทตัวเองอีกต่างหาก แต่ยังคงเปิดใช้งานได้ตามปกติ
iPhone 5
- ทิ้งเครื่องจากด้านข้าง?-?มุมเครื่องบิ่นเล็กน้อย โดยรวมถือว่าสภาพยังดีอยู่ครับ
- เอาหน้าจอลงพื้น –?หน้าจอแตก แต่ยังคงทัชสกรีนได้ตามปกติ
iPhone 5C
- ทิ้งเครื่องจากด้านข้าง?-?ด้วยความที่เป็นพลาสติกและมีน้ำหนักเบา ทำให้ตัวเครื่องแทบไม่มีริ้วรอยตอนหล่นเลย
- เอาหน้าจอลงพื้น –?กระจกก็ยังคงเป็นกระจกครับ เจอกับพื้นคอนกรีตก็ไม่รอด
iPhone 5S
- ทิ้งเครื่องจากด้านข้าง?-?มุมเครื่องบิ่น เช่นเดียวกับ iPhone 5 (ก็บอดี้เดียวกันนี่หน่า)
- เอาหน้าจอลงพื้น –?ไม่รอดครับ?จอแตกตามความคาดหมาย
iPhone 6
- ทิ้งเครื่องจากด้านข้าง?-?น่าจะด้วยความบาง และน้ำหนักที่เบามาก ทำให้ตอนทิ้งเครื่องจากด้านข้าง iPhone 6 ดันเอาหน้าลงพื้นซะอย่างนั้น ผลก็คือหน้าจอแตกทันที ส่วนด้านข้างและฝาหลังยังปกติดี
- เอาหน้าจอลงพื้น –?ไม่ต้องเทสละครับ จอแตกไปตั้งแต่ทิ้งเครื่องด้านข้างแล้ว 555
iPhone 6 Plus
- ทิ้งเครื่องจากด้านข้าง?-?พบรอยถลอกเล็กน้อยตามมุมเครื่อง และตามด้านข้าง
- เอาหน้าจอลงพื้น –?ไม่รอดครับ หน้าจอแตกตามเคย
เราได้อะไรจากการ Drop Test iPhone ทุกรุ่น
- iPhone 4 กับ iPhone 4S เป็นรุ่นที่หล่นแล้วเกิดความเสียหายมากที่สุด เพราะฝาหลังก็เป็นกระจก อีกทั้งมีน้ำหนักตัวที่เยอะพอสมควร ทำให้ความเสียหายมากกว่ารุ่นอื่นๆ
- iPhone 5C เป็นรุ่นที่ตกแล้วเกิดความเสียหายกับตัวเครื่องน้อยที่สุด เพราะมันเป็นพลาสติก และมีน้ำหนักเบา
- iPhone 3GS เป็นรุ่นเดียวที่รอดตายจากการเอาหน้าจูบพื้น ส่วนตัวผมเชื่อว่าจังหวะมันพอดีมากๆ แต่ถ้าให้เทสอีกรอบก็ไม่น่ารอด
- iPhone 6 จะเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ทำตกพื้นที่เสียววาบ ด้วยตัวเครื่องที่มีความบางมากๆ ทำให้มีโอกาสที่เครื่องหล่นในมุมด้านข้าง แต่ iPhone 6 ก็จะเอาหน้าจูบพื้นอยู่ดี
- iPhone ที่มีความหนา 7 มิลลิเมตรขึ้นไป เมื่อทำ?Drop Test?จากด้านข้าง พบว่าหน้าจอไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
- Apple ก็ยังไม่ได้พัฒนาความแข็งของหน้าจอให้รองรับกรณีที่ทำเครื่องหล่นมาตั้งแต่สมัย iPhone 2G มาจนถึง iPhone 6 Plus พอว่าเมื่อเอาหน้าลงพื้นก็จอแตกทุกรุ่น (เอาจริงๆ ก็ถือว่าปกติแหละครับ)
- iPhone ทุกรุ่นต่อให้กระจกจอแตก มันก็ยังคงทัชสกรีนได้อยู่ดี
จากประสบการณ์ของผู้เขียน การใส่เคสแบบ Bumper เป็นทางเลือกที่ SpecPhone แนะนำสำหรับการป้องกันหน้าจอแตก เพราะอย่างน้อยหน้าจอก็จะไม่สัมผัสพื้นโดยตรง (กรณีที่พื้นเรียบ) รวมถึงกรณีเครื่องเป็นรอยด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการใส่เคสแบบ Bumper ควรติดฟิล์มกันรอยด้านหลังด้วยครับ และนี่ก็คือรูป After ของไอโฟนทุกรุ่นหลังผ่านการ Drop Test มาแล้ว
และนี่คือวีดีโอการ Drop Test ไอโฟนทั้งโคตร ตั้งแต่ iPhone 2G ไล่มาจนถึง iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ครับ
ที่มา: techrax