เกริ่นนำรีวิว iPhone 5s
หนึ่งในสมาร์ทโฟนมีคนติดตามรอน่าจะมากที่สุดก็คือตระกูลของ iPhone จาก Apple ที่ฝ่ายคนที่จะซื้อก็รอซื้อ ฝ่ายคนที่ไม่ชอบก็รอดูว่า Apple จะออกแบบ iPhone มาเป็นอย่างไร และในปีนี้ก็เป็นคราวของ iPhone 5s ซึ่งเป็นรุ่นต่อยอดจาก iPhone 5 ในปีก่อน โดยตามปกติแล้ว iPhone รุ่นที่ลงท้ายชื่อรุ่นด้วย s มักจะเป็นการปรับเปลี่ยนสเปคและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามา ในขณะที่รูปร่างหน้าตาของเครื่องยังคงเป็นโครงเดิม แต่กับใน iPhone 5s นอกจากจะปรับเปลี่ยนสเปคภายในแล้ว ยังมีการปรับเปลี่ยนภายนอกด้วย ทาง SpecPhone เราก็ไม่พลาดที่จะรีวิว iPhone 5s ให้ทุกท่านได้ชมกัน โดยในการรีวิว iPhone 5s ครั้งนี้ เราใช้เป็นเครื่องศูนย์ไทยอย่างเป็นทางการนะครับ รับรองได้เลยว่าคุณสมบัติต่างๆ จะเหมือนกับเครื่องศูนย์ที่ทุกท่านเดินหาซื้อกันอย่างแน่นอน เอาเป็นว่าเรามาเริ่มชมรีวิว iPhone 5s กันเลย
การหาซื้อ iPhone 5s
ตามปกติแล้วช่วงหลังเปิดขาย iPhone ในไทยช่วงแรกๆ การหาซื้อมักจะทำได้ยาก เพราะของมีค่อนข้างน้อย การกระจายสินค้าก็มักจะมีเฉพาะใน กทม. เป็นหลัก แต่ในปีนี้กลับเป็นว่าการกระจาย iPhone 5s ไปยังตัวแทนจำหน่ายทำได้ดีขึ้นมาก อย่างในรายของ dtac ก็สามารถเปิดให้เดินเข้าไปซื้อจากหน้าร้าน (walk-in) ได้ตั้งแต่วันแรกเลย ส่วน AIS ก็สามารถกระจาย iPhone 5s ไปยังตัวแทนจำหน่ายของตนเองในต่างจังหวัดได้อย่างรวดเร็ว สามารถเปิดขายพร้อมกันได้ในหลายๆ จังหวัดพร้อมกันตั้งแต่วันแรก ด้านของ Truemove H ก็สามารถจัดงานส่งมอบเครื่องให้ผู้ที่จองเครื่องได้อย่างเป็นระเบียบและสะดวกสบายมากขึ้นกว่าทุกๆ ปี ส่วนฝั่งของร้านตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่ได้รับอนุญาตจาก Apple อย่างพวกร้าน iStudio รวมไปถึงร้านจำหน่ายมือถืออย่าง TGFone, Jaymart, ร้านใน Big C และโลตัสก็ยังมีเครื่องจำหน่ายด้วยเช่นกัน ทำให้สามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้นจริงๆ แต่หลักๆ แล้วเครื่องก็จะมาจาก AIS, dtac และ Truemove H นั่นเองครับ
ส่วนตัวผมเองใช้วิธีเดินหาซื้อตามหน้าร้าน ไม่ได้จองเอาไว้กับเครือข่ายใดๆ ครับ ซึ่งการหาซื้อในวันแรกๆ ก็ค่อนข้างลำบากพอสมควร ไปถามตาม dtac shop (เพราะสามารถ walk-in เข้าไปซื้อได้เลย) ก็ของหมด ไปถามที่โลตัสกับบิ๊กซีก็มีแต่ iPhone 5c ส่วน iPhone 5s ยังไม่เข้ามาขายบ้างก็มี ส่วนร้านที่มีขายก็มักจะมีความจุสูงสุดคือ 64 GB ซะเป็นส่วนใหญ่ iPhone 5s 16 GB กับ 32 GB นั้นหาได้ยากจริงๆ ครับ
พอมาอีกวันหนึ่ง ผมก็เลยไปหาซื้อที่งานโปรโมชันของ Jaymart ซึ่งจัดที่แฟชั่นไอส์แลนด์แต่เช้าเลย จึงสามารถหาซื้อมาได้ โดย iPhone 5s เครื่องที่ได้ก็เป็นเครื่องจาก dtac ครับ ซื้อพร้อมเปิดเบอร์ใหม่ สามารถเลือกปิดเบอร์ได้หลังใช้งานไป 3 เดือน รวมแล้วจ่ายไป 23,650 บาทด้วยกัน
ซึ่งลักษณะกล่อง iPhone 5s เองก็จะไม่ต่างกับ iPhone 5 ซักเท่าไร จุดที่ใช้สังเกตได้ง่ายที่สุดก็คือภาพ iPhone 5s หน้ากล่อง ที่จะเป็นหน้าตรง โชว์หน้าจออย่างชัดเจน แต่ใน iPhone 5 จะใช้การวางเครื่องเฉียงๆ รวมไปถึงชื่อรุ่นที่อยู่ข้างกล่องที่มีตัว s ติดอยู่ด้วย ทำให้สังเกตได้ง่าย
[Tip] การตรวจสอบเครื่องก่อนซื้อ iPhone 5s
ซึ่งในการจำหน่าย iPhone 5s ครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้ชัดเลยก็คือเสียงบ่นเรื่องคุณภาพเครื่องหลังแกะกล่องลดน้อยลง กรณีรอยตำหนิตอนซื้อเครื่องก็ไม่ค่อยมีเหมือนตอน iPhone 5 วางขายใหม่ๆ ก็น่าจะเป็นเพราะ Apple ปรับมาตรฐานการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพได้ดีขึ้น รวมไปถึงทางโรงงานผลิตที่น่าจะมีประสบการณ์การผลิตที่เพิ่มมากขึ้น คุณภาพงานจึงดีกว่าเดิม ไม่เหมือนกับตอน iPhone 5 ที่จัดว่าเป็นการผลิตในรูปแบบนั้นครั้งแรก ความผิดพลาดจึงออกมาให้เราเห็นได้ชัดเช่นนั้น
สเปค iPhone 5s
- ชิปประมวลผล Apple A7 Dual-core โค้ดเนม Cyclone ความเร็วสูงสุด 1.3 GHz เป็นชิปรุ่นแรกที่รองรับการประมวลผลระดับ 64 บิท มาพร้อมชิปกราฟิก PowerVR G6430
- แรม 1 GB
- หน้าจอขนาด 4 นิ้ว Retina Display ความละเอียด 1136 x 640 เท่ากับ iPhone 5
- มีให้เลือกทั้งรุ่น 16, 32 และ 64 GB
- กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอได้ 1080p 60 fps และถ่ายแบบ Slo-mo ได้ที่ 720p 120 fps
- กล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
- ใช้นาโนซิม รองรับ 3G ทุกเครือข่าย สามารถใช้ 4G LTE ของ Truemove H ได้
- แบตเตอรี่ Li-polymer ความจุ 1570 mAh
- ตัวเครื่องหนัก 112 กรัม เท่า iPhone 5
- เป็น iPhone รุ่นแรกที่มาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ในชื่อว่า Touch ID
- สเปค iPhone 5s
- ราคา iPhone 5s เริ่มต้นที่ 23,900 บาท (ราคากลางจาก Apple Store Online)
ถ้าในด้านของสเปคแล้ว จุดที่ iPhone 5s เหนือกว่า iPhone 5 อย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือชิปประมวลผลซึ่งอัพเกรดขึ้นมาจาก A6 ในหลายๆ ด้าน เช่นส่วนของคอร์ประมวลผล โครงสร้างภายในชิป ชุดคำสั่งที่มีเพิ่มเข้ามา รวมไปถึงส่วนชิปกราฟิก (GPU) ที่ถือว่าเป็นชิปตัวแรกที่ใช้งาน PowerVR ในซีรี่ส์ 6 (Rogue) ซึ่งจะนับว่าเป็นหนึ่งใน GPU ที่แรงที่สุดสำหรับสมาร์ทโฟนก็ยังได้ โดยพลังการประมวลผลกราฟิกเราจะมาพูดถึงในส่วนหลังของรีวิว iPhone 5s บทความนี้ครับ
กลับมาที่ชิปประมวลผล Apple A7 กันต่อ ภายในได้มีการปรับเปลี่ยนในหลายๆ จุด ที่จะเห็นภาพได้ง่ายหน่อยก็คือการเพิ่มชุดคำสั่ง ARMv8-A เข้ามา ซึ่งภายในมีชุดคำสั่ง AArch64 และ A64 สำหรับใช้ประมวลผลแบบ 64 บิทอยู่ โดยการประมวลผลแบบ 64 บิทนี้จะเหนือกว่าแบบ 32 บิทตรงที่ระบบสามารถนำข้อมูลเข้ามาประมวลผลพร้อมๆ กันได้มากกว่าเดิม ไม่จำเป็นต้องรอโหลดข้อมูลจากหน่วยความจำนานเหมือนระบบ 32 บิท เหตุก็เพราะช่องทางการรับส่งข้อมูลที่กว้างกว่ากันสองเท่า สามารถเรียกใช้งานหน่วยความจำได้มากกว่าเดิม แต่ทั้งนี้ประเด็นสำคัญเลยสำหรับการทำงานในแบบ 64 บิทก็คือด้านของซอฟต์แวร์แอพพลิเคชัน ที่จะต้องออกแบบมาเป็น 64 บิทด้วย จึงจะสามารถเรียกประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ตามทฤษฎี
[บทความ]?เจาะลึก: Apple เลือกใช้ชิป A7 แบบ 64 บิตบน iPhone 5S ทำไม ในเมื่อโลกมือถือยังอยู่ที่ 32 บิต
แน่นอนว่าแอพส่วนใหญ่เกินกว่า 90% บน App Store ในขณะนี้ยังคงเป็นแอพแบบ 32 บิทอยู่ ทำให้หลายคนสงสัยว่ามันจะใช้งานกับ iPhone 5s ได้หรือเปล่า ตรงส่วนนี้ก็ไม่ต้องห่วงครับ เพราะในชิป Apple A7 ก็ยังคงสามารถประมวลผล 32 บิทตามปกติได้เช่นเคย จะมีก็แต่ตัว iOS 7 และแอพของ Apple เองเท่านั้นที่มีแบบ 64 บิทเข้ามาให้ด้วย (ระบบจะตรวจสอบเครื่องและเลือกเวอร์ชันแอพที่เหมาะสมกับเครื่องเราให้อัตโนมัติ) ดังนั้นการใส่ระบบประมวลผลแบบ 64 บิทเข้ามาใน iPhone 5s อาจจะยังไม่มีผลในตอนนี้ แต่มันจะเป็นการเริ่มต้นยุคของ 64 บิทบนมือถือซะมากกว่า เหมือนกับในยุคของคอมพิวเตอร์พีซีที่ผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว และก็ไม่ใช่ว่า Apple จะโดดเดี่ยวนะครับ เพราะผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อย่าง Samsung ก็ประกาศแล้วว่าจะส่งสมาร์ทโฟน Android ที่รองรับ 64 บิทในปีหน้าแน่นอน ก็คงหนีไม่พ้นรุ่นเรือธงอย่าง Galaxy S5 และ Galaxy Note 4 เป็นอย่างต่ำ
อุปกรณ์ของ iPhone 5s ที่แถมมาในกล่องก็ยังคงเป็นตามมาตรฐานเดิม ได้แก่ สาย Lightning, หูฟัง Earpods และอะแดปเตอร์ชาร์จไฟซึ่งเป็นแบบที่ใช้ในไทย ส่วนภายในซองกระดาษแข็งก็จะมีเอกสารคู่มือ การรับประกัน สติ๊กเกอร์โลโก้ Apple และเข็มจิ้มซิมให้มาเช่นเคย
แต่ตอนที่ผมแกะกล่องมาครั้งแรก รู้สึกว่างานภายในจะไม่สวยเนี้ยบเช่นเคย เพราะผมจำได้ว่าสาย Lightning ของทั้งใน iPhone 5 และ iPad mini ที่ผมแกะกล่องเครื่องใหม่ออกมาด้วยตนเอง สายจะถูกม้วนมาในสภาพที่สวยงามและเรียงเป็นระเบียบมากๆ จนไม่กล้าแกะ แต่พอใน iPhone 5s เครื่องที่ซื้อมาครั้งนี้ ปรากฏว่าสายถูกม้วนมาแบบไม่สวยอย่างเคย ก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกไปอีกแบบ
ด้านหลังกล่องก็ติดสติ๊กเกอร์ที่มีข้อความเป็นภาษาไทยมาให้พร้อมครับ ยืนยันได้ชัดว่าเป็นเครื่องศูนย์ไทย
ตัวเครื่อง iPhone 5s
ส่วนของด้านหน้า iPhone 5s ถ้าดูผ่านๆ ก็อาจจะแยกความแตกต่างกับ iPhone 5 ไม่ค่อยได้ครับ เพราะเกือบทั้งหมดยังคงเป็นรูปแบบเดิม ถ้าให้ดูแต่ส่วนของกล้องหน้าและลำโพงสนทนาที่อยู่เหนือจอคงจะแยกไม่ออกแน่ๆ ขนาดตัวเครื่องก็ยังคงไว้ที่หน้าจอขนาด 4 นิ้ว ก็คงไม่แปลกที่หลายคนจะบอกว่า iPhone 5s มันจอเล็กไป เพราะมันก็เล็กจริงๆ ครับเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนหลากหลายแพลตฟอร์มในปัจจุบัน โดยเฉพาะ Android ที่มักจะเริ่มต้นอย่างต่ำก็ 4 นิ้วขึ้นไปแทบทั้งนั้น และยิ่งใครที่ใช้งานรุ่นท็อปๆ ของแบรนด์อื่นมาก่อน ก็จะยิ่งรู้สึกว่า iPhone 5s มันเล็กมากๆ อย่างแน่นอน
ซึ่งตัวผมเองก็ประสบปัญหาเรื่องจอเหมือนกัน ด้วยหน้าจอที่เล็ก ทำให้ปุ่มคีย์บอร์ดเล็กตามไปด้วย จึงทำให้พิมพ์ข้อความได้ไม่สะดวกเท่าไร โดยเฉพาะปุ่มที่อยู่ริมซ้ายๆ ของจอ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีรายงานการทดสอบหน้าจอ iPhone 5s ออกมา (ข่าวเก่า) ผลคือจอ iPhone 5s จะรับสัมผัสได้ไม่ค่อยแม่นยำตรงบริเวณริมๆ จอ เท่าที่ผมใช้งานจริง ก็พบปัญหานั้นจริงๆ ครับ เท่าที่จำได้จากความรู้สึกตอนใช้ iPhone 5 (เมื่อนานมาแล้ว) ก็จำได้ว่าตัวเองไม่เคยพิมพ์ผิดบ่อยขนาดตอน iPhone 5s เลย ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นปัญหาของฮาร์ดแวร์หรือปัญหาของซอฟต์แวร์ ก็ขอให้เป็นประเด็นหลังแล้วกัน เพราะสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่ายกว่า
หน้าจอของ iPhone 5s ก็ยังคงเป็นแบบ Retina Display ความละเอียดเท่ากับ iPhone 5 สีสันของจอยังทำออกมาได้ดีตามเดิม สีสดแบบไม่เกินจริง (แต่ในภาพจะมืดๆ หน่อยนะครับ แสงข้างนอกมันจ้ามาก) ภาพคมชัดในหลายมุมมอง มุมจอกว้าง นับว่า iPhone 5s เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอคุณภาพดีสุดในปัจจุบันก็คงจะไม่ผิดนัก ถ้า iPhone 6 ยังคงใช้จอที่คุณภาพเช่นนี้ แต่ขยายขนาดจอขึ้นเป็นซัก 4.7 นิ้ว เชื่อว่าน่าจะมีคนหันมาใช้ iPhone กันอีกเยอะเลย เพราะผมใช้ Nexus 4 จอ 4.7 นิ้วอยู่ ก็ยังสามารถใช้งานด้วยมือเดียวได้อย่างไม่เป็นปัญหา ขนาดของตัวอักษร ขนาดปุ่มคีย์บอร์ดก็พอดีๆ ดังนั้น iPhone 6 คงเป็นความหวังของหลายๆ คนที่อยากได้ iPhone จอใหญ่กันบ้างแน่ๆ เพราะตามปกติแล้ว Apple จะเปลี่ยนดีไซน์ iPhone ทุกๆ สองปี
Touch ID
ด้านล่างของจอจะเป็นตำแหน่งของหนึ่งพระเอกใน iPhone 5s นั่นคือปุ่มโฮมที่ภายในมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่เรียกชื่อระบบรวมๆ ว่า Touch ID หน้าตาของปุ่มโฮมก็เปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควร กลายเป็นปุ่มผิวเรียบ ไม่มีลวดลายใดๆ แต่ใช้การตัดขอบเป็นแบบเงาวาวเหมือนขอบเครื่อง ทำให้ดูหรูหราขึ้นกว่าเดิมมาก และจุดนี้ก็จะเป็นจุดช่วยในการใช้สังเกตเปรียบเทียบและแยกแยะความแตกต่างระหว่าง iPhone 5s และ iPhone 5 ได้อย่างง่ายที่สุด
ส่วนเรื่องของการใช้งาน Touch ID ทางเราก็ได้ทำเป็นบทความแยกต่างหากไปเลยครับ เพราะเนื้อหาค่อนข้างยาว ภายในมีทั้งส่วนของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ลักษณะการใช้ ความรู้สึกเมื่อใช้จริง พร้อมวิธีการตั้งค่าและใช้งาน Touch ID สามารถเข้าไปชมได้จากลิ้งค์ด้านล่างนี้ครับ
Touch ID ตัวช่วยที่ทำให้ใช้งาน iPhone 5s สะดวกขึ้นจริง แบบไม่ได้โม้ !
ฝาหลัง iPhone 5s
ส่วนของฝาหลัง iPhone 5s อันนี้สิ่งที่น่าสนใจก็คือในตัวของ iPhone 5s สีดำ ส่วนสีทองก็คือสีทองและสีขาวก็ยังคงเป็นเทา-ขาวเหมือนเดิมอยู่ แต่ iPhone 5s สีดำเป็นสีที่มีการเปลี่ยนแปลงฝาหลังไปครับ จากเดิมที่ใช้สีดำโทนเข้มออกน้ำเงินนิดๆ มาเป็นสีเทาที่ใช้ชื่อเรียกว่า Space Grey ซึ่งโทนสีจะเป็นสีเทาคล้ายๆ กับ MacBook แต่สีเข้มกว่า MacBook เล็กน้อย ผิวสัมผัสของ iPhone 5s ทำออกมาได้ดีกว่า iPhone 5 ที่สังเกตได้ชัดเลยก็คือผิวลื่นมือกว่าเดิม สัมผัสแล้วให้ความรู้สึกเนียน น่าสัมผัสมากขึ้น และดูแล้วน่าจะมีปัญหาสีลอกน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้า เพราะเท่าที่สัมผัสดู เหมือนว่าสีจะถูกอะโนไดซ์ให้เข้าเนื้ออะลูมิเนียมได้ดีขึ้น แต่ทั้งนี้ก็คงต้องใช้ระยะเวลาไปซักพักล่ะครับ ถึงจะรู้ว่ามันลอกหรือไม่ลอก
แต่จุดที่เห็นได้ชัดเลยว่าเนียนและพัฒนาขึ้นกว่า iPhone 5 รวมไปถึง iPad mini อย่างเห็นได้ชัดก็คือขอบเครื่องตรงที่ถูกเจียให้เป็นขอบเงา ส่วนตัวผมรู้สึกว่ามันไม่คมบาดมือเหมือนรุ่นเก่า ตรงนี้นับว่าเป็นจุดดีครับ แสดงให้เห็นมาตรฐานการผลิตตัวเครื่องที่ดีขึ้นของ iPhone 5s
กล้องหลัง iPhone 5s
ด้านบนของฝาหลัง iPhone 5s ก็ยังคงเป็นตำแหน่งของกล้องหลังและแฟลชเช่นเคย เรามาพูดถึงส่วนของกล้องถ่ายรูปกันก่อนครับ
ส่วนของความละเอียดภาพจากกล้องหลัง iPhone 5s ก็ยังคงเป็น 8 ล้านพิกเซลอยู่เช่นเดิม แต่ในแง่ของฮาร์ดแวร์ภายในนับว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ได้แก่
- ความกว้างรูรับแสงของเลนส์เพิ่มขึ้นเป็น f/2.2 กว้างกว่า iPhone 5 ที่เป็น f/2.4 ซึ่งการที่กว้างขึ้นก็ช่วยให้เก็บแสงสว่างจากภายนอกได้มากขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือสามารถถ่ายรูปแบบภาพชัดหลังเบลอได้มากขึ้น
- ขนาดเซ็นเซอร์รับภาพใหญ่ขึ้นกว่า iPhone 5 ?โดยสเปคเรื่องกล้องของ iPhone 5s เป็นไปตามตารางจาก AnandTech ด้านล่างนี้ครับ (ขอยกมาเลย เพราะลงข้อมูลไว้ละเอียดมาก
เมื่อเทียบระหว่าง iPhone 5s กับ iPhone 5 จะเห็นได้ชัดเลยว่าขนาดเซ็นเซอร์รับภาพ (Sensor Format) มีขนาดใหญ่ขึ้น เม็ดพิกเซล (Pixel Size) มีขนาดใหญ่ขึ้นครับ
แต่ถ้าจะให้พูดถึงภาพที่ได้จาก iPhone 5s นั้น หลักๆ เลยก็คือภาพมีมุมที่กว้างขึ้นกว่า iPhone 5 เช่นถ้าถ่ายรูปวิวด้วยมุมเดียวกัน ภาพจาก iPhone 5s จะมีวิวส่วนขอบซ้ายขวามากกว่า iPhone 5 เล็กน้อย ไม่ถึงกับต่างกันมากครับ การโฟกัสก็ยังทำได้เร็วเหมือนเดิม เหมาะกับการถ่ายแบบง่าย หยิบขึ้นมาใช้ถ่ายได้เลย ระบบการคำนวณและชดเชยแสงสีอัตโนมัติทำได้ค่อนข้างดีเช่นเคย
นอกเหนือจากส่วนของกล้องที่พัฒนาขึ้นแล้ว อีกจุดหนึ่งที่มีเพิ่มขึ้นมาใน iPhone 5s ก็คือหลอดไฟแฟลชดวงที่สอง ซึ่งไม่ได้มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อช่วยให้ความสว่างของการถ่ายภาพในที่มืดเพิ่มขึ้น แต่เป็นการช่วยให้ภาพถ่ายแบบใช้แฟลชออกมามีคุณภาพดีขึ้น โดย Apple ตั้งชื่อแฟลชชุดดังกล่าวว่า True Tone Flash ครับ
ตัวของระบบแฟลชแบบ True Tone จะมีหลอดไฟแฟลชด้วยกันสองดวง ทั้งสองดวงเป็นไฟที่ให้อุณหภูมิแสงแตกต่างกัน สังเกตได้จากพื้นหลังของหลอดไฟแฟลชที่มีสีไม่เหมือนกัน โดยการที่แฟลชทั้งสองมีอุณหภูมิแสงต่างกันนั้น ก็เป็นการออกแบบเพื่อให้ทั้งสองสามารถชดเชยโทนแสงแฟลชให้เหมาะกับวัตถุที่จะถ่ายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องของอุณหภูมิสี เพื่อให้ภาพถ่ายที่ออกมามีความใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งด้านการชดเชยแสงตามอุณหภูมิสีนั้น ระบบจะทำการคำนวณและปรับค่าให้อัตโนมัติทุกอย่าง ผู้ใช้งานมีหน้าที่แค่เปิดแฟลชแล้วกดถ่ายเท่านั้นเอง โดยทาง Apple เคลมว่าระบบ True Tone สามารถรับมือกับรูปแบบของแสงได้แตกต่างกันร่วมพันกว่ารูปแบบเลย และจะยิ่งใช้งานได้ดีเมื่อถ่ายรูปบุคคล ซึ่ง Apple ก็นำเสนอตรงจุดนี้มาตั้งแต่งานเปิดตัว iPhone 5s แล้ว ว่าจะสามารถถ่ายภาพคนในที่มืดได้สีผิวที่ดีขึ้น เป็นธรรมชาติขึ้น
ตัวอย่างภาพถ่าย iPhone 5s จากกล้องหลัง
ภาพถ่ายในเวลากลางคืน (ปิดแฟลช)
ภาพพาโนรามา
ภาพถ่ายโดยใช้แฟลช
การถ่ายภาพแบบใช้แฟลชของ iPhone 5s จะมีความแตกต่างกับ iPhone 5 ครับ อย่างของ iPhone 5 พอกดถ่ายรูป แฟลชก็จะยิงออกมาและเก็บภาพทันที แต่ใน iPhone 5s เมื่อเรากดถ่ายรูปแล้ว จะมีไฟแฟลชออกมาวัดระยะ วัดแสง เพื่อประมวลผลก่อนหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงยิงแฟลชที่ผ่านการคำนวณแล้วออกมา พร้อมกับเก็บภาพ วิธีนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าภาพที่ถ่ายออกมาจะไม่เบลอ เพราะกล้องสามารถโฟกัสวัตถุได้จากการคำนวณข้อมูลที่ได้มาเมื่อยิงแฟลชช่วยนำในรอบแรกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็เป็นหลักการคล้ายคลึงกับการยิงแฟลชของกล้อง DSLR ?ผิดจาก iPhone 5 ที่ไม่สนใจว่าจะโฟกัสได้หรือเปล่า พอกดถ่ายก็ยิงแฟลชแล้วเก็บภาพเลย ทำให้มีเปอร์เซ็นต์ภาพเบลอสูง แต่ด้วยวิธีนี้ก็อาจต้องแลกมาด้วยระยะเวลาการถ่ายภาพและการถือกล้องให้นิ่งที่นานขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยครับ เพราะหลังยิงแฟลชช่วยนำออกมาแล้ว จะมีการเว้นช่องว่างเล็กน้อย แฟลชจริงสำหรับช่วยเก็บภาพจึงจะยิงออกมา ก็นับว่าเป็นการแลกความสะดวกสบายที่ลดลง แต่ได้คุณภาพของภาพที่ดีขึ้น ก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ
ภาพด้านล่างนี้ ทางซ้ายเป็นภาพที่เปิดแฟลชแล้วถ่าย ส่วนภาพขวาปิดแฟลชครับ
ส่วนภาพสองชุดด้านล่างนี้ เป็นการเทียบการถ่ายแบบใช้แฟลชของ iPhone 5s กับ iPhone 5 ถ่ายในที่มืด พื้นหลังสีขาวครับ
เรื่องโทนสีผิวก็มีความแตกต่างกันพอสมควรเลย แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือภาพชุดล่าง ที่ภาพถ่ายจาก iPhone 5s มีความคมชัด เก็บรายละเอียดได้ดีกว่า iPhone 5 ที่พื้นผิววัตถุเบลอ สาเหตุก็เนื่องมาจาก iPhone 5s มีการยิงแฟลชช่วยนำและคำนวณระยะโฟกัสมาก่อน ดังที่อธิบายไปข้างบนนั่นเอง
นอกจากนี้ทางเรายังมีบทความเปรียบเทียบภาพถ่ายระหว่าง iPhone 5s กับ LG G2 ด้วย สามารถเข้าไปชมได้ที่บทความนี้ครับ
เปรียบเทียบภาพถ่ายจาก iPhone 5s กับ LG G2 ว่าใครจะเหนือกว่าใคร !!
รอบตัว iPhone 5s
ด้านข้างของ iPhone 5s ก็เป็นสีเทา Space Grey เช่นเดียวกับแผ่นฝาหลังครับ ทำให้ดูแล้วค่อนข้างคล้ายกับ iPhone 4/4S ไม่น้อยเลย แต่จะมีจุดต่างคือการเจียขอบข้างที่ทำให้เกิดเป็นเงาวาววับขึ้นมา ด้านของความบาง อันนี้สำหรับใครที่ใช้งาน iPhone 5 มาอยู่แล้วก็คงจะชินมือได้ไม่ยากนัก เพราะว่ารูปร่างเครื่องภายนอกที่มีความใกล้เคียงกันมาก ซึ่งก็ยังคงสร้างความประทับใจได้ดีเช่นเดิมครับ กับตัวเครื่องที่บางและเบาจนสามารถถือใช้งานมือเดียวได้ง่ายดาย
สวิทช์เปิด/ปิดเสียงและปุ่มปรับระดับความดังเสียงก็ยังคงอยู่ตำแหน่งเดิมคือฝั่งซ้ายบนของจอ ลักษณะการกดก็ทำได้ไม่ยากนัก
?ตำแหน่งของถาดใส่ซิมการ์ดก็ยังคงอยู่ที่ฝั่งขวาของเครื่อง และต้องใช้เข็มจิ้มถาดซิมออกมาเช่นเคย
ด้านล่างของเครื่องเป็นตำแหน่งของช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ถัดเข้ามาเป็นช่องรับเสียงของไมโครโฟนที่ซ่อนอยู่ใต้ช่องตะแกรง ตรงกลางเป็นพอร์ต Lightning สำหรับชาร์จแบตเตอรี่และซิงค์ข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ผ่านทางโปรแกรม iTunes ส่วนช่องตะแกรงริมขวาสุด ภายในจะมีลำโพงติดตั้งอยู่ ซึ่งคุณภาพเสียงที่ได้จากลำโพงจัดว่าดีขึ้นกว่า iPhone 5 เล็กน้อย มิติและน้ำหนักเสียงดีขึ้นอย่างสัมผัสได้ ส่วนเสียงที่ฟังจากหูฟังก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแบบเดียวกับเสียงที่ได้จากลำโพงครับ ใครที่ชอบฟังเพลงจาก iPhone น่าจะถูกใจมากยิ่งขึ้นแน่ๆ
ส่วนด้านบนก็มีปุ่ม Power ติดตั้งอยู่ทางมุมบนขวาของจอตามปกติ (ในรูปนี้หันจอลงด้านล่าง)
อินเตอร์เฟสหน้าจอ iPhone 5s
iPhone 5s เครื่องที่ผมซื้อมา ถูกติดตั้งมาพร้อมกับ iOS 7.0.2 ซึ่งเมื่อเปิดเครื่องและต่อเน็ต ก็มีการแจ้งเตือนว่า iOS 7.0.3 พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้ว โดยการติดตั้ง iOS 7.0.3 จำเป็นจะต้องมีแบตเตอรี่ไม่ต่ำกว่า 50% ด้วย ส่วนพื้นที่เก็บข้อมูลที่ใช้ได้จริง สำหรับ iPhone 5s 16 GB ก็อยู่ที่ 12.9 GB ด้วยกัน สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตั้งแอพอะไรมากมาย ฟังเพลง MP3 หรือเพลงที่ดาวน์โหลดมาจาก iTunes Store รับรองว่าพอแน่นอนครับ แต่สำหรับใครที่ชอบดูหนังบน iPhone อันนี้แนะนำว่าหาซื้อเครื่องรุ่นความจุ 32 GB ขึ้นไปจะดีกว่า
หน้าตาของหน้าจอการตั้งค่า Touch ID ครับ ซึ่งรายละเอียดเต็มๆ จะอยู่ในบทความเกี่ยวกับ Touch ID อีกที
Touch ID ตัวช่วยที่ทำให้ใช้งาน iPhone 5s สะดวกขึ้นจริง แบบไม่ได้โม้ !
ด้านของการถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชัน ซึ่ง Apple ใช้ชื่อเรียกว่า Slo-Mo ก็จะเป็นหนึ่งหมวดที่เพิ่มเข้ามาในแอพกล้องของ iOS 7 ซึ่งมีแต่เฉพาะ iPhone 5s เท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ก็จะอยู่ในบทความแยกเช่นกันครับ ตามด้านล่างนี้
iPhone 5s กับการถ่ายวิดีโอแบบ Slo-Mo ฟีเจอร์สุดสนุกตัวจริง !
ผลทดสอบ iPhone 5s ด้านประสิทธิภาพ
ด้านผลการทดสอบประสิทธิภาพ iPhone 5s ก็ยังทำออกมาได้ยอดเยี่ยมเหมือน iPhone รุ่นที่ผ่านๆ มาในแต่ละปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประมวลผลรวมไปถึงด้านกราฟิกที่สามารถรีดเฟรมเรตและคะแนนออกมาได้สูงมากในหลายๆ การทดสอบ
ส่วนเท่าที่ใช้งานจริง iPhone 5s สามารถใช้งาน iOS 7 ได้ไหลลื่นมากๆ แทบจะไม่มีอาการกระตุกหรือหน่วงให้เห็นเลย สามารถเปิดใช้งานแอพได้ทันใจดีมาก ปัญหาแอพค้าง แอพเด้งก็พอมีอยู่บ้างกับแอพที่ยังไม่ได้ปรับให้รองรับ iOS 7 เต็มตัวครับ เรื่องการเล่นเกมก็หายห่วง อย่างเกม Infinity Blade 3 สามารถโหลดเข้าเกม โหลดแต่ละฉากได้ไวดีมากครับ
ปัญหา Gyroscope
iPhone 5s อาจจะมีหลายๆ อย่างที่พัฒนาให้ดียิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ แต่กลับพบว่ามีปัญหากับการทำงานของเซ็นเซอร์ Gyroscope ในตัวเครื่องครับ ซึ่งเจ้า Gyroscope นี้มีหน้าที่ในการวัดระนาบ วัดความเอียงของตัวเครื่อง ซึ่งจะใช้ประโยชน์หลักๆ ที่เห็นได้ชัดก็คือการปรับเอียงหน้าจออัตโนมัติเมื่อเราเอียงเครื่อง
ทางเราก็ได้ทำการทดสอบโดยการเปิดแอพ Compass (เข็มทิศ) ที่มีติดตั้งมาอยู่แล้วใน iPhone 5s จากนั้นก็ดูในส่วนของการวัดระนาบความเอียง ตอนช่วงแรกๆ ก็สามารถใช้งานได้ปกติดีครับ แต่พอทดลองเอียงเครื่องไปมุมต่างๆ เรื่อยๆ ปรากฏว่า Gyroscope เพี้ยนไปเลย ตัวอย่างที่เห็นก็ตามภาพด้านบน เครื่องซ้ายคือ iPhone 5 ที่ Gyroscope แม่นยำตามปกติ ส่วนเครื่องขวาคือ iPhone 5s ทั้งสองเครื่องถูกจับเอียงเหมือนๆ กัน ซึ่งอาการนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ ต้องปิดแอพแล้วเปิดใหม่เท่านั้น
ส่วนอีกผลกระทบที่หลายท่านอาจจะเห็นได้ชัดก็คือองศาของรูปถ่ายจาก iPhone 5s ที่บางครั้งเราพลิกกล้องแล้ว แต่อินเตอร์เฟสกล้องไม่พลิกตาม หรือพลิกตามแต่ภาพออกมาคนละทิศทางที่เราต้องการ ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า Apple จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ถ้าเป็นแค่ข้อผิดพลาดของซอฟต์แวร์ก็ดีไปเพราะสามารถแก้ไขได้ง่าย
ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่
การใช้งานแบตเตอรี่ iPhone 5s เองก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก iPhone 5 มากนัก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความจุแบตเตอรี่ที่ไม่ได้แตกต่างจาก iPhone 5 มากนัก โดยวันที่ผมนำ iPhone 5s ออกไปถ่ายรูปนอกสถานที่ ตัวเครื่องเชื่อมต่อ 3G อยู่ตลอดเวลา มีใช้งาน Facebook, Twitter และเว็บเบราเซอร์อยู่เป็นระยะๆ เน้นไปที่การถ่ายรูปซะเป็นส่วนใหญ่ ปรากฏว่าทั้งวันนั้นผมต้องใช้แบตเตอรี่เสริมเพื่อชาร์จ iPhone 5s ประมาณ 2 รอบ จึงจะสามารถใช้งานหนักๆ แบบหมดวันได้ ก็นับว่าเป็นข้อด้อยของ iPhone ที่ยังคงมีอยู่ต่อไป หวังว่า iPhone 6 จะมาพร้อมแบตเตอรี่ที่เยอะกว่านี้เสียทีครับ รับรองได้ใจอีกหลายคนแน่นอน
สรุปรีวิว iPhone 5s
ก็เป็นอีกเช่นเคย ที่สมาร์ทโฟนตัวท็อปจาก Apple จะขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดของแต่ละปี อย่างในปีนี้ก็เป็นปีของ iPhone 5s ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นอัพเกรดจาก iPhone 5 แต่การอัพเกรดแต่ละอย่างก็ช่วยเพื่อความสะดวกในการใช้งาน เช่นระบบ Touch ID ซึ่งใช้งานได้จริง แฟลชคู่แบบ True Tone Flash ก็เอื้อให้การถ่ายภาพในที่มืดทำได้ดีขึ้น รวมไปถึงฟีเจอร์ที่สร้างความสนุกสนานให้กับการใช้งาน iPhone 5s ขึ้นได้อย่างฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอโหมด Slo-mo ที่เฟรมเรต 120 fps ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์คลิปวิดีโอที่มีสีสันมากขึ้นกว่าการถ่ายวิดีโอแบบปกติอย่างที่ทำกันมา ทั้งยังสามารถใช้งานได้ง่ายเพราะมีส่วนของการตัดต่อวิดีโอได้จากในเครื่องเลย ตรงจุดนี้ก็ถือว่าเป็นจุดเด่นของ iPhone 5s ไปเลยครับ ส่วนเรื่องประสิทธิภาพก็คงไม่เป็นประเด็นเท่าไรนัก สรุปง่ายๆ คือยังเร็วเหมือนเดิม แต่ไหลลื่นกว่าเดิม (นิดๆ)
แต่เรื่องของขนาดหน้าจอและแบตเตอรี่ก็จัดว่ายังเป็นปัญหาที่ยังคงมีอยู่ เพราะทั้งสองอย่างกลายเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนในปัจจุบันไปแล้ว ตรงจุดนี้ก็หวังว่า iPhone 6 ในปีหน้า Apple จะทำการปรับเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของตนให้เข้ากับรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้มากขึ้นนะ
ข้อดี
- ประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวมดีขึ้นกว่าเดิม การเรียกใช้งานแอพทำได้เร็วขึ้น การทำงานต่างๆ ไหลลื่นขึ้นเล็กน้อย แต่ก็พอรู้สึกได้
- Touch ID สามารถใช้งานได้จริง ทำงานได้เร็ว แม่นยำจริง ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้ดี
- ฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอแบบ Slo-mo ทำออกมาได้ดี ใช้งานง่าย สนุก (ส่วนตัวให้เป็นฟีเจอร์ที่ดีที่สุดของ iPhone 5s)
- กล้องหลังได้รับการพัฒนาให้ประสิทธิภาพดีขึ้น รวมไปถึงแฟลชแบบ True Tone ที่ทำงานได้ดีกว่าแฟลชปกติเดิมๆ
- ตัวเครื่อง งานประกอบ ทำออกมาได้ดี ไม่มีปัญหาเหมือนตอน iPhone 5 วางขายใหม่ๆ แล้ว
- สามารถใช้งานอุปกรณ์เสริมชิ้นเดียวกับ iPhone 5 ได้ แทบทุกชิ้น เพราะรูปทรงตัวเครื่องเหมือนๆ เดิม
- เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้แล้วสนุก จัดให้เป็นหนึ่งในมือถือที่ดีที่สุดในขณะนี้ได้เลย
ข้อสังเกต
- จอเล็กไป ทั้งยังมีปัญหาการพิมพ์ไม่แม่นตรงปุ่มคีย์บอร์ดที่อยู่บริเวณริมจออีกด้วย
- ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ต่อหนึ่งรอบชาร์จค่อนข้างสั้น สำหรับการใช้งานจริง รับรองว่าใช้ได้ไม่ถึงวันแน่ๆ
- ตัว iOS 7 ยังมีปัญหาอยู่บ้าง ทำให้การใช้งานบางอย่างยังไม่ลื่นไหลอย่างที่ควรจะเป็น ที่เห็นได้ชัดคือการสลับรูปแบบแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดที่มีอาการหน่วงให้เห็น