iPad Air นับเป็น iPad รุ่นต่อยอดมาจาก iPad 4 (iPad with Retina Display) อย่างเป็นทางการ แต่ใช้การนำคำว่า Air มาต่อท้ายชื่อแทน เพื่อสื่อถึงความบางเบาที่แตกต่างไปจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด โดยนอกเหนือจากความบางเบาแล้ว ด้านของสเปคก็มีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควรอีกเช่นกัน ตัวอย่างเช่น

สเปค iPad Air

iPad Air มาพร้อมกับชิปประมวลผล Apple A7 รองรับการทำงานแบบ 64 บิทเช่นเดียวกับ iPhone 5s และ iPad mini with Retina Display แต่มีจุดแตกต่างกันเล็กน้อยคือชิปของ iPad Air จะมีความเร็วการทำงานสูงสุดที่มากกว่าอีกสองผลิตภัณฑ์ที่เหลือเล็กน้อย ทำให้ความเร็วและประสิทธิภาพการทำงานออกมาสูงกว่า ชิปกราฟิกเป็น PowerVR G6430 มาพร้อมกับชิปช่วยประมวลผลการเคลื่อนไหว M7 แรมยังคงให้มา 1 GB เท่าเดิม หน้าจอ Retina Display ขนาด 9.7 นิ้ว ความละเอียด 2048 x 1526 พิกเซลเทียบเท่ากับ iPad 4 กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีให้เลือกทั้งรุ่น WiFi และรุ่น WiFi+Cellular (3G/4G LTE) ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ตามปกติได้ ลำโพงในตัวเครื่องเปลี่ยนจากระบบ mono มาเป็น stereo เช่นเดียวกับ iPad mini ปุ่มโฮมยังเป็นปุ่มกดแบบปกติอยู่ ไม่ได้เปลี่ยนเป็นแบบ Touch ID อย่างใน iPhone 5s

บอดี้ iPad Air

ส่วนของหน้าตาภายนอก iPad Air นั้น เรียกว่ายกมาจาก iPad mini รุ่นแรก แต่นำมาขยายหน้าจอก็ว่าได้ ทำให้หน้าตา รูปทรงของ iPad Air บางและเล็กกว่า iPad 4 อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะขอบจอด้านข้างที่บางลงไปมาก เรื่องของน้ำหนักก็จัดว่าเป็นจุดเด่น โดย iPad Air มีน้ำหนักเริ่มต้นเพียงแค่ 469 กรัม เบาลงจาก iPad 4 ที่มีน้ำหนักเริ่มต้นสูงถึง 652 กรัม อีกทั้งตัวเครื่องที่บางลง ทำให้สามารถถือ iPad Air ใช้งานได้สบายกว่าเดิมมาก

ราคา iPad Air

iPad Air จะแบ่งเป็นสองรุ่นใหญ่คือรุ่น WiFi และรุ่น WiFi+Cellular (3G/4G LTE) โดยแต่ละแบบก็จะแบ่งออกไปตามความจุได้อีก ไล่ตั้งแต่ 16 GB, 32 GB, 64 GB และ 128 GB สีที่มีให้เลือกก็มีสองสีคือสีเทา Space Gray และสีเงิน-ขาวแบบเดียวกับ iPhone 5s ไม่มีสีทองให้เลือก ด้านของราคา iPad Air นั้น รุ่น WiFi 16 GB ราคาเริ่มต้นที่ {$price1} บาท ส่วนรุ่น Cellular ใส่ซิม 16 GB ราคาเริ่มต้นที่ 21,400 บาท (ราคา Apple Store Online ประเทศไทย)

ราคา iPad Air WiFi+Cellular จาก Apple Store Online ประเทศไทย

ราคา iPad Air WiFi+Cellular ในประเทศไทย ถ้ายึดตามราคากลางก็จะเริ่มต้นที่ 21,400 บาทซึ่งเป็นราคาของ iPad Air WiFi+Cellular 16 GB ไปจนถึงสูงสุดที่ 31,900 บาทใน iPad Air WiFi+Cellular 128 GB

ราคา iPad Air WiFi+Cellular จาก iStudio

ราคา iPad Air WiFi+Cellular จากร้าน iStudio ก็จะมีราคาเท่ากับ Apple สามารถหาซื้อได้จากหน้าร้านตัวแทนจำหน่ายได้เลย

ราคา iPad Air WiFi+Cellular จาก AIS

ราคา iPad Air WiFi+Cellular จาก dtac

ราคา iPad Air WiFi+Cellular จาก Truemove H

ซื้อ iPad Air ที่ไหนดี ?

สำหรับผู้ที่จะซื้อ iPad Air WiFi+Cellular เครื่องใหม่มือหนึ่ง สามารถหาซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายของผู้ให้บริการเครือข่ายทั้ง 3 รายคือ AIS, dtac และ Truemove H ซึ่งราคาและโปรโมชันก็จะแตกต่างกันไปตามที่ต้องการ และยังหาซื้อได้จากร้านจำหน่ายสินค้าไอที แท็บเล็ตชื่อดัง รวมไปถึงร้านตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่ได้ผ่านการรับรองการเป็นตัวแทนจำหน่ายจาก Apple อย่างกลุ่มของ iStudio ที่มีกระจายอยู่ในหลายๆ จังหวัด

ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งก็คือการซื้อจาก Apple โตยตรงผ่านทางหน้าเว็บไซต์ Apple Store Online ประเทศไทย (store.apple.com/th) โดยคนที่จะสั่งซื้อเพียงแค่คลิกสั่งจากหน้าเว็บ แล้วสั่งให้หักเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเครดิตเสมือน จากนั้นก็ทำเพียงแค่รอสินค้ามาส่งที่บ้านเท่านั้นเอง ไม่ต้องไปเดินหาสินค้าด้วยตนเอง โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากบทความนี้

>> วิธีการซื้อสินค้าจาก Apple Store แบบออนไลน์แบบไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิต <<

การรับประกันและศูนย์ Apple ในไทย

สำหรับ iPad Air จะมีระยะเวลาการรับประกันตัวเครื่อง 1 ปี ใครที่ซื้อเครื่องมาจาก AIS, dtac หรือ Truemove H ก็ให้นำไปเข้าศูนย์บริการของเครือข่ายที่ซื้อเครื่องมา ส่วนคนที่ซื้อ iPad Air มาจาก iStudio ก็ให้นำเครื่องไปส่งซ่อมยังร้านตัวแทนจำหน่ายที่ขายเครื่องออกมา รวมถึงสามารถนำเครื่องไปส่งซ่อมที่ศูนย์บริการของ Apple เลยก็ได้ รวมไปถึงเครื่องที่สั่งซื้อจาก Apple Store Onlne ประเทศไทย ก็ให้นำไปเข้าศูนย์บริการของ Apple รายละเอียดตามต่อได้จากในบทความนี้

>> ศูนย์บริการ Apple สำหรับเคลม iPhone, iPad และผลิตภัณฑ์ Apple ในไทย <<

iPad Air ดีมั้ย สมควรเปลี่ยนหรือเปล่า ?

ตัวของ iPad Air นับว่าเป็น iPad ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจาก iPad 4 (iPad with Retina Display) ขึ้นในหลายๆ จุด ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือเรื่องของรูปทรง ที่ทำออกมามีขนาดบาง น้ำหนักเบาลงอย่างเห็นได้ชัด ประสิทธิภาพก็แรงขึ้น ด้วยพลังประมวลผลของชิป Apple A7 และยังรองรับการทำงานในระบบ 64 บิทที่กำลังจะมาถึงในอนาคตด้วย ดังนั้นการอัพเกรดจาก iPad รุ่นเก่า เช่น iPad 2 หรือ iPad 3 มาใช้งาน iPad Air แทน นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว เพราะมันมีหลายๆ อย่างที่ดีขึ้นจริง ส่วนใครที่ใช้งาน iPad 4 และยังพอใจอยู่ ก็ยังไม่ต้องรีบเปลี่ยนมาใช้ iPad Air ก็ได้ รอ iPad รุ่นต่อไป (iPad 6) น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ดี เพราะมันน่าจะมาพร้อมกับฟีเจอร์อีกหลายๆ อย่างที่ยังขาดไปใน iPad Air เช่นเซ็นเซอร์ Touch ID สำหรับสแกนลายนิ้วมือ รวมไปถึงอาจมีการเพิ่มปริมาณแรมอีกด้วย

ทั้งนี้ ถ้าต้องการรับชมข้อมูล iPad Air (iPad 5) แบบเต็มๆ สามารถเข้าไปอ่านได้จากในรีวิว iPad Air ของเราได้เลย

คลิกอ่านรีวิว iPad Air ได้ที่นี่