realme เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ realme 8 Series ที่ประกอบไปด้วย realme 8 และ realme 8 5G โดยทั้งสองรุ่นแม้จะอยู่ในซีรี่ส์เดียวกัน แต่ส่วนตัวผมมองว่าก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน คร่าว ๆ ก็คือถ้าต้องการสมาร์ตโฟนที่ถ่ายรูปสนุก โหมดกล้องเยอะ ราคาไม่แพง realme 8 ก็มีทุกสิ่งที่ว่ามา ส่วนใครที่ต้องการสมาร์ตโฟน 5G สเปคดี ๆ แต่ไม่ได้เน้นกล้องมากนัก realme 8 5G ก็ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดีครับ
สเปค realme 8
- หน้าจอ ขนาด 6.4 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด FHD+
- CPU MediaTek Helio G95
- GPU Mali-G76
- RAM 8GB
- ความจุ 128GB (UFS 2.1) รองรับ microSD Card
- กล้องหลัง 4 กล้อง
– กล้องหลัก 64MP
– กล้อง Ultrawide 8MP
– กล้อง Macro 2MP โฟกัสใกล้สุด 4 ซม.
– กล้อง B&W Portrait 2MP - กล้องหน้า 16MP
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.1
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C
- ปลดล็อกด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
- แบตเตอรี่ 5000 mAh
- รองรับชาร์จไว 30W Dart Charge
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วย realme UI 2.0
สเปค realme 8 5G
- หน้าจอ 90Hz Ultra Smooth Display ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+
- CPU MediaTek Dimensity 700 5G
- GPU Mali-G57
- RAM 8GB
- ความจุ 128GB (UFS 2.1) รองรับ microSD Card
- กล้องหลัง 3 กล้อง
– กล้องหลัก 48MP
– กล้อง Macro 2MP โฟกัสใกล้สุด 4 ซม.
– กล้อง B&W Portrait 2MP - กล้องหน้า 16MP
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.1
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C
- ปลดล็อกด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง
- แบตเตอรี่ 5000 mAh
- รองรับชาร์จไว 18W Quick Charge
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วย realme UI 2.0
แกะกล่อง realme 8 และ realme 8 5G
สำหรับกล่องเครื่องรีวิว realme 8 และเครื่องรีวิว realme 8 5G ที่ได้รับมา เป็นกล่องสีเหลืองเหมือนกันทั้งคู่ อุปกรณ์เสริมข้างในกล่องก็มีให้เท่า ๆ กัน ได้แก่
- ตัวเครื่อง realme 8/ realme 8 5G
- เข็มจิ้มถาดซิม
- เคส TPU
- สายชาร์จแบบ USB Type-C (สาย Type-A to Type-C)
- อะแดปเตอร์ (18W/ 30W)
ความแตกต่างของอุปกรณ์เสริมจะเป็นอะแดปเตอร์ ที่จ่ายไฟได้ไม่เท่ากัน โดยในกล่องของ realme 8 5G จะเป็นอะแดปเตอร์ 18W (9V/ 2A) ส่วนอะแดปเตอร์ของ realme 8 5G จะเป็นรุ่นที่รองรับ 30W Dart Charge (5V/ 6A)
พรีวิว realme 8 5G – ความเร็วไร้ขีดจำกัด
เริ่มด้วยการพรีวิว realme 8 5G สมาร์ตโฟนที่มาพร้อมกับสโลแกน “ความเร็วไร้ขีดจำกัด” รุ่นนี้มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 700 5G รองรับเทคโนโลยี 5G Dual Standby ใช้งาน 5G พร้อมกันได้ 2 ซิม ในตัวเครื่องดีไซน์บางเฉียบ 8.5 มิลลิเมตร พร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5000 mAh
ด้านหน้า realme 8 5G มีหน้าจอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตรารีเฟรชหน้าจอ 90Hz Ultra Smooth Display ขอบหน้าจอบางทีเดียว และมี Screen-to-body ratio สูงถึง 90.5% เพราะนอกจากขอบหน้าจอบางแล้ว ยังย้ายตำแหน่งกล้องหน้า 16MP ไปอยู่บริเวณมุมซ้ายบนหน้าจอ อีกทั้งกล้องหน้าก็มีขนาดเล็ก ไม่รบกวนสายตา ไม่รบกวนการใช้งาน
รายละเอียดด้านข้างของ realme 8 5G เริ่มจากด้านขวามือ เป็นตำแหน่งของปุ่ม Power ที่ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ในตัว ใช้ในการปลดล็อกตัวเครื่องได้สะดวก
ปุ่ม Power วางตำแหน่งไว้ได้ดี เป็นตำแหน่งที่พอดีกับนิ้วโป้ง (มือขวา) หรือนิ้วชี้ (มือซ้าย) เมื่อถือเครื่อง ทำให้ใช้งานได้สะดวก อีกทั้งตัวปุ่มขนาดใหญ่ มีพื้นที่ในการสแกนนิ้วค่อนข้างเยอะ
ด้านซ้ายเป็นปุ่มปรับระดับเสียง และถาดใส่ซิมการ์ดแบบ 3-Card Slot รองรับ 2 นาโนซิม และ 1 microSD Card
ด้านล่างเป็นพอร์ตเชื่อมต่อ ได้แก่ พอร์ตชาร์จไฟ USB Type-C, พอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟน และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ด้านหลังตัวเครื่อง realme 8 5G ประกอบไปด้วยกล้องแบบ AI Triple Camera วางบนโมดูลกล้องทรงสี่เหลี่ยม มีความละเอียดกล้องหลักสูงถึง 48MP ส่วนอีก 2 กล้องที่เหลือ เป็นกล้อง B&W Portrait กับกล้อง Macro ที่รองรับการถ่ายภาพใกล้สุดถึง 4 เซนติเมตร พร้อมกับแฟลช LED จำนวน 1 ดวง ส่วนตัวค่อนข้างแปลกใจกับสเปคกล้องหลัง ที่ไม่มีเลนส์มุมกว้างติดมาให้อยู่เหมือนกัน
ความน่าสนใจอีกอย่างของฝาหลัง realme 8 5G คือสีของตัวเครื่องทั้ง 2 สี ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ Fast and Furious ตัวเส้นที่สะท้อนตรงฝาหลัง มาจากเส้นแสงไฟหน้ารถที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง จนเกิดเป็น Dynamic Speed Light ประกอบไปด้วยสี Supersonic Blue และสีดำ Supersonic Black
สเปคอื่น ๆ ของ realme 8 5G รุ่นนี้มาพร้อมกับ RAM 8GB LPDDR4x ส่วนความจุ หรือ ROM 128GB UFS 2.1 รองรับการเชื่อมต่อ 5G ทั้งแบบ SA และ NSA การเชื่อมต่อ Wi-Fi รองรับทั้งความถี่ 2.4 GHz และ 5 GHz พร้อม Bluetooth 5.1 ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ก็ตามที่ได้ระบุไปในสเปค ว่ารุ่นนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5000 mAh และยังมีโหมดประหยัดพลังงาน, โหมด Smart 5G ที่สลับการใช้งาน 5G/ 4G โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานมากขึ้น
พรีวิว realme 8 – เก็บภาพไม่มีที่สิ้นสุด
ถัดมาเป็นการพรีวิว realme 8 รุ่น LTE หรือ 4G แม้ว่ารุ่นนี้จะไม่รองรับ 5G แต่ก็มีความสามารถหลายด้านที่ใส่มาให้ทดแทนในจุดนั้น และส่วนตัวผมเองมองว่าน่าสนใจทีเดียวครับ ถ้าใครไม่เน้น 5G และเป็นคนชอบถ่ายภาพ รุ่นนี้ตอบโจทย์แน่นอน เพราะชุดกล้องหลังนอกจากจะให้ระยะมาครบแล้ว ยังมีความละเอียดสูงสุดถึง 64MP อีกด้วย
เริ่มจากด้านหน้าของ realme 8 รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีอัตราการตอบสนองหน้าจอ หรือว่า Touch Sampling Rate สูงถึง 180Hz เหมาะกับการใช้เล่นเกม เพราะให้การตอบสนองที่รวดเร็วกว่าหน้าจอปกติทั่วไป อีกทั้งชิปเซ็ตในรุ่นนี้ ก็มาพร้อมกับ MediaTek Helio G95 ที่ออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ
สีสันหน้าจอของ realme 8 จะแสดงสีได้สดกว่าหน้าจอของ realme 8 5G ในระดับหนึ่ง รวมถึงเร่งความสว่างได้มากถึง 1,000 nits มุมซ้ายบนฝังกล้องหน้า 16MP ไว้เช่นเดียวกับ realme 8 5G
อีกหนึ่งสิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง realme 8 กับ realme 8 5G อยู่ที่การปลดล็อกตัวเครื่อง realme 8 จะใช้การปลดล็อกด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ แต่ในการปลดล็อก เท่าได้ทดสอบมา realme 8 5G ที่ปลดล็อกด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่อง จะปลดล็อกได้แม่นยำ และรวดเร็วกว่าเล็กน้อย
รายละเอียดด้านข้างของ realme 8 เริ่มจากด้านขวา มีปุ่ม Power สำหรับเปิด – ปิดเครื่อง กับปุ่มปรับระดับเสียง และจุดเด่นอีกอย่างคือรุ่นนี้มีความบางเพียง 7.99 มิลลิเมตร กับน้ำหนักตัว 177 กรัม ทำให้พกพาได้สะดวก มีความคล่องตัวในการใช้งาน
ด้านซ้ายมีเพียงถาดใส่ซิมการ์ดแบบ 3-Card Slot รองรับ 2 นาโนซิม และ 1 microSD Card ที่ความจุสูงสุด 256GB
ส่วนด้านล่าง เป็นตำแหน่งของพอร์ตเชื่อมต่อต่าง ๆ ได้แก่ พอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C, พอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟน และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน 1 ตัว
ด้านหลังของ realme 8 ประกอบไปด้วยกล้องหลัง 4 กล้อง AI Quad Camera วางบนโมดูลสี่เหลี่ยม กล้องหลักความละเอียดสูง 64MP มีเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide-angle ความละเอียด 8MP และมี B&W Portrait กับ Macro Lens เช่นเดียวกับ realme 8 5G
ดีไซน์ฝาหลังของ realme 8 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคดิจิทัลที่มีความล้ำสมัย วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Cyber Silver (สีของเครื่องรีวิว realme 8) และสี Cyber Black ที่ใช้การออกแบบแยกส่วน ฝั่งซ้ายจะเป็นพื้นที่ ๆ มี Texture ลวดลาย ส่วนฝั่งขวาตรงที่เป็นสโลแกน DARE TO LEAP จะเป็นลวดลายแบบ Chroma สื่อถึงความล้ำสมัย
สำหรับสเปคอื่น ๆ ของ realme 8 รุ่นนี้มาพร้อมกับ RAM 8GB + 128GB ROM แบบ UFS 2.1 แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมรองรับชาร์จเร็ว 30W Dart Charge ที่ชาร์จไฟจาก 0 – 50% ในเวลาเพียง 26 นาที
realme 8 Series เปิดตัวเมื่อไหร่?
สำหรับงานเปิดตัว realme 8 Series ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ realme 8 และ realme 8 5G จะเปิดตัวแบบ Online ในวันที่ 21 เมษายน 2564 เวลา 18.00 น. พร้อมกับเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่ อั้ม พัชราภา และแน่นอนว่าราคาวางจำหน่าย พร้อมกับโปรโมชั่นต่าง ๆ ก็จะทราบกันในวันนั้นด้วยครับ
ส่วนรีวิวฉบับเต็มทั้ง realme 8 และ realme 8 5G ติดตามได้จากเว็บไซต์ SpecPhone.com ได้ในเร็ว ๆ นี้ครับ