หลังจากที่เมื่อวาน Huawei ได้ทำการเปิดตัวมือถือเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Huawei Mate 9 และ Huawei Mate 9 PORSCHE Design เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเพื่อน ๆ ที่ได้ติดตามเว็บไซต์ SpecPhone.com ก็คงจะได้รับชมการ Live สด ๆ ในงาน และ [Hands-on] ลองจับ Huawei Mate 9 PORSCHE Design Ram 6 GB Rom 256 GB ราคาครึ่งแสน!! ไปแล้ว แต่สำหรับบทความนี้ จะเป็นการแกะกล่อง พรีวิว Huawei Mate 9 เครื่องขายจริง ส่งตรงจากประเทศเยอรมันนี
สเปค Huawei Mate 9
- ระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat
- หน้าจอขนาด 5.9 นิ้ว IPS LCD ความละเอียด Full HD (373 ppi)
- ขนาดตัวเครื่อง 156.9 x 78.9 x 7.9 หนัก 190 กรัม
- ชิปประมวลผล Hisilicon Kirin 960 Octa-Core (4 Core ความเร็ว 2.4 GHz Cortex-A73 และ 4 Core ความเร็ว 1.8 GHz Cortex-A53)
- ชิปประมวลผลกราฟฟิก ARM Mali-G71 MP8
- Ram 4 GB
- ความจุพื้นที่ภายใน 64 GB
- กล้องหลังสองตัว ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล (Monochrome) และความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (RGB) เทคโนโลยีจาก Leica รูรับแสงกว้าง f/2.2 มี OIS ซูม Optical 2 เท่า รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K มีฟีเจอร์ phase detection, contrast autofocus, Depth auto focus, laser autofocus และ Dual-LED (dual tone) Flash
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงกว้าง f/1.9
- รองรับ 4G LTE รองรับ 2 ซิม
- รองรับ MicroSD สูงสุด 256 GB (ใช้ซิมช่อง 2)
- แบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh รองรับ Super Charge Technology ชาร์จแบต 30 นาที 50 %
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- ราคาเปิดตัวประมาณ 27,000 บาท
กล่องของ Huawei Mate 9 ยังคงใช้กล่องลักษณะคล้ายกับตอน Huawei P9 คือเป็นกล่องกระดาษอย่างดี ด้านหน้ามีชื่อรุ่น Huawei Mate 9 และโลโก้ Leica Dual Camera และเท่าที่ทราบมา Huawei กับ Leica ไม่ได้ร่วมมือกันพัฒนากล้องมือถือแค่เพียงรุ่นสองรุ่น แต่มีการทำสัญญาระยะยาว มี Lab ที่ประเทศเยอรมันนี เพราะฉะนั้นเราคงได้เห็นมือถือ Huawei ที่ Co-Engineering กับทาง Leica จากนี้ไปอีกหลายรุ่นเลย
เมื่อเปิดกล่องมาก็จะพบ Huawei Mate 9 นอนรออยู่ สำหรับเครื่องรีวิว Huawei Mate 9 ที่ผมได้รับมาเป็นตัวเครื่องสีเงิน Moonlight Silver โดย Huawei Mate 9 จะมีสีให้เลือกด้วยกันถึง 5 สี ได้แก่ Space Gray, Moonlight Silver, Champagne Gold, Mocha Brown, และ Ceramic White
อุปกรณ์ภายในกล่องของ Huawei Mate 9 ก็ให้มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นอะแดปเตอร์ Super Charge, สาย USB Type-C และหูฟัง ตัวเครื่องเองก็มีการติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมาให้ตั้งแต่โรงงาน รวมถึงมีเคสแถมมาให้ด้วย ข้อสังเกตคือเคสจะเปลี่ยนไปตามสีครับ อย่างเครื่องรีวิว Huawei Mate 9 ที่ผมได้มาเป็นสีเงิน Moonlight Silver เคสก็จะเป็นเคสใส แต่ถ้าเป็นสีโทนเข้ม อย่าง Mocha Brown เคสก็จะเป็นสีดำ เป็นต้น
ดีไซน์ของ Huawei Mate 9 ยังคงไว้ซึ่ง DNA ของ Huawei Mate Series คือหน้าตายังดูคล้าย ๆ กัน แต่สิ่งที่สัมผัสได้ใน Huawei Mate 9 คือมันมีดีไซน์ที่ Compact จับถนัดกระชับมือมากขึ้น คล่องตัวมากขึ้น อย่างในงานเปิดตัวจะมีการเทียบกับ iPhone 7 Plus ที่มีหน้าจอ 5.5 นิ้ว ผลก็คือขนาดตัวเครื่องโดยรวมของ Huawei Mate 9 ที่มีหน้าจอ 5.9 นิ้ว ยังจะมีตัวเครื่องเล็กกว่าเสียอีก
ด้านหน้าของ Huawei Mate 9 มาพร้อมกับหน้าจอ 5.9 นิ้ว 2.5D Glass ความละเอียดระดับ Full HD เรื่องความคมชัดไม่น่าใช่ปัญหาของมือถือรุ่นนี้ (ถ้าไม่เอาไปเล่น VR) ความเที่ยงตรงของสีสูงถึง 96% ในมาตรฐาน NTSC
ด้านบนหน้าจอ ประกอบไปด้วยกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/1.9 ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดี โหมด Beauty และ Perfect Beauty มีให้ใช้เหมือนรุ่นก่อน ๆ ข้าง ๆ จะเป็นลำโพงสำหรับสนทนาโทรศัพท์
ด้านล่างหน้าจอมีเพียงโลโก้ Huawei ซึ่งตรงนี้จะแตกต่างจาก Huawei Mate 9 PORSCHE DESIGN ที่ด้านล่างจะเป็นปุ่มโฮม กับ Back/ Recent App ด้วยเหตุผลทางด้านดีไซน์
รายละเอียดทางด้านข้างของ Huawei Mate 9 เริ่มจากด้านขวามือ ประกอบไปด้วยปุ่มเปิด/ ปิดเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียง ตัวเครื่อง Huawei Mate 9 มีความบางอยู่ที่ 7.9 มิลลิเมตรเท่านั้น
ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะเป็นถาดใส่ซิมการ์ด โดย Huawei Mate 9 รองรับ 2 ซิม และสามารถใส่ MicroSD Card ได้ด้วย โดยเครื่องรีวิว Huawei Mate 9 ที่ผมได้รับมา เป็นโมเดล MHA-L29 ที่รองรับ 2 ซิม แต่ถ้าเป็นโมเดล MHA-L09 จะรองรับแค่ซิมเดียวครับ
ด้านล่างประกอบไปด้วยลำโพงหลักของตัวเครื่อง และไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์
ด้านบนของ Huawei Mate 9 จะมีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร และ IR สำหรับใช้เป็นรีโมทคอนโทรลควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า
รายละเอียดทางด้านหลังของ Huawei Mate 9 เริ่มจากกล้องหลังแบบ Dual Camera ที่ร่วมกับพัฒนากับ Leica โดยเป็นเจนเนอร์เรชันที่ 2 แล้ว แน่นอนว่าสเปคกล้องก็ต้องสูงขึ้นจากตอน Huawei P9 โดยตัวเซนเซอร์ Monochrome หรือเซนเซอร์ขาวดำ มีความละเอียดเป็น 20 ล้านพิกเซล ส่วนเซนเซอร์สี RGB มีความละเอียดที่ 12 ล้านพิกเซล f/2.2 มีกันสั่น OIS ติดมาให้ รองรับการถ่าย 4K Video และสามารถซูม Optical ได้ 2 เท่า แบบ Hybrid Zoom ด้วยการใช้กล้อง 2 ตัว
ส่วนข้าง ๆ ก็เป็นตัวช่วยในการโฟกัส โดย Huawei Mate 9 มาพร้อมกับระบบโฟกัสแบบ 4 in 1 ได้แก่ PDAF, CAF, Laser และ Depth auto focus ซึ่งผมจะไปลงรายละเอียดในรีวิวฉบับเต็ม Huawei Mate 9 อีกทีครับ ถัดมาหน่อยก็จะเป็นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ส่วนตัวเสาอากาศเป็นเพียงเส้นบาง ๆ คาดผ่านบนล่างเท่านั้น ไม่ได้จัดว่ารบกวนสายตาเหมือนตอน iPhone 6/ iPhone 6s
ขนาดตัวเครื่อง Huawei Mate 9 เมื่ออยู่ในมือก็จะประมาณนี้ครับ ส่วนตัวผมว่ามันจับกระชับมือมากขึ้น ใช้งานได้ถนัดขึ้น โหมดต่าง ๆ ก็มีออกมาซัพพอร์ตการใช้งานมือเดียวได้เป็นอย่างดี
Huawei Mate 9 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ EMUI 5.0 ที่มีพื้นฐานบน Android 7.0 Nougat ซึ่งเป็นอานิสงส์ของการได้ทำ Huawei Nexus 6P ล้วน ๆ เลย ที่ทำให้ Huawei เด่นเรื่องซอฟท์แวร์ขึ้นมาอย่างชัดเจน โดยตัว UI บน Huawei Mate 9 จะเน้นที่ความเรียบง่าย สะอาด ดูคลีน ๆ ไม่เยอะเหมือนเมื่อตอน EMUI 2.1, EMUI 3.0 แล้ว แต่ก็ยังสามารถปรับแต่ง Theme ได้หลากหลายอยู่เหมือนเดิม
ลองเล่นซอฟท์แวร์กล้อง Huawei Mate 9 เล็กน้อย ภาพรวมก็ยังคงคล้ายกับซอฟท์แวร์กล้องใน Huawei P9 มีโหมดให้เลือกใช้มากมาย โหมดที่เคยมีในรุ่นก่อน ๆ เช่น Light Painting ก็ยังคงพบได้ใน Huawei Mate 9 อยู่ และแน่นอนว่า Monochrome หรือโหมดขาวดำอันเลื่องชื่อก็มีเหมือนกัน รวมถึงโหมด Pro สำหรับคนถ่ายรูปก็มีให้เลือกปรับกันตามอัธยาศัย
ตัวอย่างภาพถ่ายเล็กน้อยจากกล้อง Huawei Mate 9 – **รออัพเดตนะครับ ต้องขออภัยจริง ๆ อินเทอร์เน็ตที่เยอรมัน
ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่**
แถมผลเทส AnTuTu ให้เล็กน้อย สำหรับชิปเซ็ต Kirin 960 และ GPU Mali-G71 MP8 ซึ่งเคลมว่ามีประสิทธิภาพดีกว่า GPU ตัวก่อนถึง 180% น่าจะหมดปัญหาคอขวดในชิป Kirin เสียที สิ่งที่น่าสนใจคือคะแนน Benchmark ก็ไม่ได้โดดไปเท่า ๆ กับ Apple A10 หรือ Snapdragon 820 แต่เท่าที่ลองใช้เล่นเกมก็ถือว่าทำได้ดี
คะแนน Benchmark ของ Huawei Mate 9 ด้วย AnTuTu
สำหรับบทความแกะกล่อง Huawei Mate 9 ก็คงไว้เพียงเท่านี้ก่อน รายละเอียดอื่น ๆ เช่น ฟีเจอร์, ความแรง, แบตเตอรี่, เอาไว้เราไปจัดหนัก จัดเต็มกันในบทความรีวิว Huawei Mate 9 รอติดตามกันได้ที่ SpecPhone.com เลยครับ