OPPO Find X2 Series 5G เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของ OPPO ที่มาพร้อมกับสุดยอดนวัตกรรมหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการมาพร้อมชิปประมวลผลรุ่นท็อปสุดอย่าง Snapdragon 865 รองรับ 5G, กล้องถ่ายรูปคุณภาพสูง, เทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ระดับท็อป Super VOOC 2.0
แต่สิ่งที่ดูจะเป็นที่สุดจริง ๆ สำหรับ OPPO Find X2 Series 5G คงหนีไม่พ้นเรื่องหน้าจอคุณภาพสูง เรียกได้ว่าสูงที่สุดในท้องตลาด และในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนเลยก็ว่าได้ กับหน้าจอ Ultra Vision Screen ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงหลายอย่าง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในการใช้งาน ไปจนถึงการรับชมคอนเทนต์
และทั้งหมดนี้คือ 5 + 1 สิ่งที่ทำให้หน้าจอ Ultra Vision ของ OPPO Find X2 Series 5G เป็นหน้าจอสมาร์ตโฟนที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ครับ
1. ความละเอียด QHD+ 120Hz refresh rate และ 240Hz touch sampling rate
อัตรารีเฟรชหน้าจอ หรือ Refresh rate เป็นค่าที่ระบุว่าหน้าจอนั้น ๆ สามารถแสดงภาพนิ่งได้เป็นจำนวนกี่เฟรมต่อวินาที ยิ่งอัตรารีเฟรชหน้าจอมาก การแสดงผลก็จะมีความลื่นไหลมากยิ่งขึ้น โดยหน้าจอของสมาร์ตโฟนปกติทั่วไปจะมีอัตรารีเฟรชมาตรฐานที่ 60Hz หรืออย่างดีหน่อยก็ 90Hz แต่สำหรับ OPPO Find X2 Series 5G มีอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz หรือมากกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไปเป็นเท่าตัว
ความพิเศษของหน้าจอ Ultra Vision ของ OPPO Find X2 Series 5G อยู่ที่การเป็นพาแนลแบบ OLED แล้วยังมีอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz ทำให้ OPPO ต้องพัฒนาไดรเวอร์ใหม่เพื่อรองรับอัตราการรีเฟรชเรทที่สูงขึ้น ในส่วนของฮาร์ดแวร์มีการพัฒนา ICs driver ให้เร็วขึ้นเพื่อรองรับ pixel drivers และแผงวงจรได้รับการออกแบบถึง 8 ชั้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันการรบกวน และเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหน้าจอของ OPPO Find X2 Series 5G จะมีสเปคที่สูงมาก แต่ในด้านการจัดการพลังงานก็ยังออกแบบมาได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยฟีเจอร์การสลับอัตราเฟรมเรท 120 Hz และ 60Hz ด้วยเทคโนโลยี AI อันชาญฉลาดที่ช่วยให้การสลับอัตราเฟรมเรทเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด
หลักการทำงานของโหมดดังกล่าว เป็นการปรับอัตราเฟรมเรทตามสถานการณ์จริงในการใช้งานที่มีความแตกต่างกัน หากแอปพลิเคชั่นตัวไหนรองรับอัตรารีเฟรชเพียง 60Hz ระบบก็จะปรับอัตราการรีเฟรชให้เป็น 60 Hz แต่มีการตรวจจับการทำงานอยู่ตลอดเวลา หากมีการสัมผัสหน้าจอ ก็จะทำการปรับอัตราเฟรมเรทจะเพิ่มขึ้นเป็น 120 Hz เพื่อความลื่นไหลในการแสดงผล
เมื่อแสดงภาพได้ลื่นไหลจากการเป็นหน้าจอ 120Hz แล้ว การตอบสนองจำเป็นที่จะต้องมีอัตราการตอบสนองที่สูงขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับหน้าจอดังกล่าวด้วย ตัวเลขในการตอบสนองหน้าจอของ OPPO Find X2 Series 5G จึงออกมาที่ 240Hz Touch sampling rate ทำให้การตอบสนองหน้าจอมีความหน่วงเพียง 4.2ms เร็วในระดับเสี้ยววินาที เพราะฉะนั้นในการเล่นเกมที่ต้องการตอบสนองไว ๆ อย่างเกม fps หน้าจอของ OPPO Find X2 Series 5G จะได้เปรียบคู่แข่งพอสมควรครับ
ความลับของ 240Hz Touch sampling rate ของหน้าจอ OPPO Find X2 Series 5G อยู่ที่การใช้หน้าจอสัมผัสแบบ Y-OCTA ที่สามารถเข้าถึงอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสหน้าจอสูงถึง 240 Hz ไม่เพียงแต่รองรับอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสหน้าจอที่สูง แต่แผงวงจร Y-OCTA ยังช่วยให้หน้าจอโทรศัพท์มีความบางเบา นอกจากนี้ OPPO Find X2 Series 5G ยังแยกระบบสัมผัสบนหน้าจอ เพื่อลดการแทรกแซงด้านการทำงานบนชั้นการแสดงผลภาพและชั้นการสัมผัสบนจอภาพ
2. หน้าจอแสดงสีระดับ 10Bit True Billion Color
หน้าจอความละเอียด QHD+ อัตรารีเฟรช 120Hz ยังเป็นแค่เสี้ยวเดียวของความสุดยอดในหน้าจอ OPPO Find X2 Series 5G เพราะไม่เพียงแค่แสดงผลได้ยอดเยี่ยมแล้ว การแสดงสีสันยังอยู่ในระดับสูงของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนอีกด้วย
ในการพัฒนาหน้าจอของ OPPO Find X2 Series 5G วิศวกรของ OPPO ทำงานร่วมกับ Qualcomm และ Samsung โดยหน้าจอ OPPO Find X2 Series 5G รองรับการแสดงสีที่ 10Bit (color depth 8 bit และอัลกอริธึม 2 bit dither) หรือราว 1.07 พันล้านสี เมื่อเทียบกับหน้าจอสมาร์ตโฟนปกติทั่วไปแบบ 8Bit จะแสดงเฉดสีได้เพียง 16 ล้านสีเท่านั้น
3. ความแม่นยำในการแสดงผลระดับท็อป
ไม่เพียงแค่รองรับการแสดงเฉดสีระดับ True Billion Color แต่ในเรื่องความแม่นยำในการแสดงสีของหน้าจอ OPPO Find X2 Series 5G เมื่อสแตนบายด์อยู่ในโหมด soft หรือในโหมดภาพยนตร์ หน้าจอจะมีความแม่นยำของสี (Absolute Color Accuracy) อยู่ที่ 0.4 JNCD และความแม่นยำของระดับความเข้ม (Intensity Scale Accuracy) 2.2 Gamma เป็นค่าการแสดงผลที่สมบูรณ์แบบทั้งคู่ และยังอยู่ในระดับสูงที่สุดของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนอีกด้วย
ความลับของการแสดงผลสีได้แม่นยำในระดับสมบูรณ์แบบของ OPPO Find X2 Series 5G อยู่ที่การถูกปรับเทียบ (Screen calibration) จากโรงงานในขั้นตอนสุดท้ายของสายการผลิต OPPO Find X2 Series 5G ทุกเครื่อง โดยขั้นตอนการ Screen calibration ประกอบไปด้วยการรวบรวมข้อมูลดิบของหน้าจอ การสร้างไฟล์การปรับเทียบ และการอัปเดตเป็นโมดูลการประมวลผลการแสดงผลของโทรศัพท์ เพื่อให้มั่นใจว่าสีที่แสดงผลอยู่บนหน้าจอ OPPO Find X2 Series ทุกเครื่องจะมีความแม่นยำสูงสุด
4. หน้าจอแสดงผลได้แม่นยำทุกสภาวะ และถนอมดวงตาด้วย AI Adaptive Eye Care
อย่างไรก็ตาม ในการแสดงผลสีสันหน้าจอให้แม่นยำขณะที่ใช้งาน เพียงแค่ Screen calibration ยังคงไม่เพียงพอ เนื่องจากหน้าจอที่ส่องสว่าง อุณหภูมิสีจะต้องปรับตามแสงรอบข้างที่แตกต่างกัน ใน OPPO Find X2 Pro 5G มีฟีเจอร์อย่าง Ambient color adaption และ AI brightness adjustment โดยการใช้เซ็นเซอร์ six-channel color (ด้านหน้า และด้านหลังตัวเครื่อง) ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์สีสามารถรับความเข้มของแสงกับอุณหภูมิสีของแสงโดยรอบได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้การแสดงผลเข้ากับอุณหภูมิสีของสภาพแวดล้อมโดยรอบ และปรับความสว่างได้อย่างชาญฉลาด เมื่อผู้ใช้งานเปิดแอปพลิเคชั่นขึ้นมา ความสว่างของหน้าจอจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงโดยอัตโนมัติขึ้นอยู่กับการทำงานของแอปพลิเคชั่นนั้น ๆ
ด้านความปลอดภัยในการใช้งานหน้าจอ OPPO Find X2 Series 5G ผ่านมาตรฐาน TÜV Rheinland Eye Care certification ลดแสงสีฟ้าได้ถึง 40% ลดปัญหาเรื่องกระพริบของหน้าจอ AMOLED ในความสว่างต่ำ อีกทั้งมีฟีเจอร์ถนอมดวงตาอย่าง AI Adaptive พร้อมการรับรองจาก TÜV Rheinland Full Care Display Certification
5. Motion Clear และ HDR ทุกคอนเทนต์ด้วย O1 Ultra Engine Vision
ในบรรดาความสุดยอดของเทคโนโลยีหน้าจอของ OPPO Find X2 Series 5G ส่วนตัวผมเองมองว่าชิปประมวลผลหน้าจอ O1 Ultra Vision Engine คือที่สุด การมีชิปดังกล่าวช่วยให้ทุกคอนเทนต์ที่แสดงผลบนหน้าจอ OPPO Find X2 Series 5G มีทั้งความลื่นไหล และสามารถแปลงวิดีโอธรรมดา ให้เป็น HDR ได้อีกด้วย (SDR to HDR)
แต่เมื่อเปิดคอนเทนต์วิดีโอบนหน้าจอของ OPPO Find X2 Series 5G ชิป O1 Ultra Vision Engine จะทำการแทรกเฟรมได้สองแบบ ได้แก่ 60 fps ละ 120 fps โดยเทคโนโลยี Motion Clear เหมาะกับฉากกีฬาที่ใช้เฟรมความเร็วสูง หรือภาพยนตร์แอคชั่น เนื่องจากมันจะช่วยหลีกเลี่ยงการข้ามเฟรม ลดความเบลอและการสั่นของภาพในแต่ละเฟรมได้นั่นเอง
O1 Ultra Vision Engine ใน OPPO Find X2 Series มีหน้าที่หลัก ๆ ดังนี้
Motion Clear: ฟีเจอร์นี้ทำให้หน้าจอของ OPPO Find X2 Series 5G แตกต่างไปจากหน้าจอ 120Hz ของแบรนด์อื่นที่มีในท้องตลาด เพราะเป็นการแทรกเฟรมเข้าไปในขณะที่รับชมวิดีโอ ที่โดยปกติวิดีโอที่รับชมกันอยู่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นรายการโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ แม้จะถ่ายทำที่ความละเอียดสูง (4K) แต่อัตราเฟรมเรตมักจะอยู่ที่ 24/ 30/ 60 fps
หลักการทำงานของ Motion Clear คือการประมวลผลการเคลื่อนที่ของภาพในแต่ละเฟรมตามรอยต่อระหว่างเฟรมสองเฟรม ด้วยการคาดคะเนผลอิงตามเฟรมแรกและเฟรมที่สอง เพื่อกำหนดความแตกต่างขององค์ประกอบการเคลื่อนไหวในแต่ละเฟรม จากนั้นทำการสร้างและแทรกเข้าไประหว่างเฟรมภาพที่ได้ ตามรูปตัวอย่าง วิดีโอปกติเฟรมภาพจะเป็นจาก เฟรม A ไป C เพราะฉะนั้นช่วงที่ว่างตรงกลางหากเป็นฉากที่เคลื่อนไหวเร็ว ๆ ก็จะเกิดความเบลอได้
แต่เมื่อเทียบกับด้านล่างที่ถูกแทรกด้วย เฟรม B ทำให้วิดีโอที่รับชมผ่านหน้าจอ Ultra Vision ของ OPPO Find X2 Series 5G มีความลื่นไหลมากกว่าเมื่อเทียบกับหน้าจอสมาร์ตโฟนทั่วไปในท้องตลาดครับ
HDR Video Enhancement: อีกหนึ่งจุดเด่นของ O1 Ultra Vision Engine ที่ช่วยให้หน้าจอของ OPPO Find X2 Series 5G มีความสามารถในการแปลงวิดีโอ SDR (standard-dynamic-range) เป็นวิดีโอ HDR (high-dynamic-range) เพื่อให้ได้คุณภาพวิดีโอที่ดีขึ้น รวมถึงมีการแสดงผลที่ชัดเจน สีสดใส ช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น แสดงผลรายละเอียดส่วนที่มืด และเก็บรายละเอียดบางอย่างที่หายไปในส่วนที่สว่างได้
OPPO Find X2 Series 5G กับการรับรองจาก DisplayMate และ TÜV Rheinland
ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีหน้าจอระดับท็อป แต่ OPPO Find X2 Series 5G ยังได้การรับรองจากองค์กรระดับโลกอย่าง DisplayMate และ TÜV Rheinland ในแง่คุณภาพหน้าจอ OPPO Find X2 Series 5G ได้รับการรับรองมาตรฐาน Grade A+ จาก DisplayMate ระบุว่าจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการ OPPO Find X2 Series 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกขณะนี้ การแสดงผลสีได้คมชัด แม่นยำ รวมถึงยังแสดงคอนทราสต์ของภาพได้ถูกต้องสมบูรณ์แบบที่สุด
ส่วนด้านความปลอดภัยของหน้าจอ OPPO Find X2 Series 5G ผ่านมาตรฐาน TÜV Rheinland Eye Care certification ลดแสงสีฟ้าได้ถึง 40% ลดปัญหาเรื่องกระพริบของหน้าจอ AMOLED ในความสว่างต่ำ อีกทั้งมีฟีเจอร์ถนอมดวงตาอย่าง AI Adaptive พร้อมการรับรองจาก TÜV Rheinland Full Care Display Certification
อ่านรีวิว OPPO Find X2 Series 5G
สำหรับ OPPO Find X2 Series 5G ประกอบไปด้วย OPPO Find X2 5G และ OPPO Find X2 Pro 5G ทั้งสองรุ่นวางจำหน่ายในราคาที่แตกต่างกัน 7,000 บาท ส่วนที่แตกต่างกันก็จะเป็นเรื่องกล้องถ่ายภาพ, แบตเตอรี่, ความจุ และรายละเอียดเล็กน้อยบางอย่าง ส่วนเรื่องหน้าจอ ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับหน้าจอ Ultra Vision ขนาด 6.7 นิ้ว เทคโนโลยีแบบเดียวกันทั้งสองรุ่น เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าทั้ง OPPO Find X2 | Find X2 Pro 5G จะมอบประสบการณ์รับชมคอนเทนต์บนสมาร์ตโฟนที่แตกต่างไปจากที่เคยสัมผัสอย่างแน่นอน
สามารถเป็นเจ้าของ OPPO Find X2 5G ในราคาจำหน่าย 33,990 บาท และ OPPO Find X2 Pro 5G ในราคาจำหน่าย 40,990 บาท ได้แล้ววันนี้ ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ พร้อมรับฟรี OPPO Enco Free True Wireless Headphones มูลค่า 3,999 บาท นอกจากนี้ยังรับส่วนลดสูงสุด 15,000 บาท เมื่อซื้อ OPPO Find X2 Series 5G ผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย พิเศษสำหรับ OPPO Find X2 Pro 5G รับฟรี OPPO Enco Free True Wireless Headphones มูลค่า 3,999 บาท
และในช่วงที่สถานการณ์ไวรัส COVID-19 ระบาด เพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ สามารถสั่งซื้อสมาร์ตโฟน OPPO ผ่านช่องทางออนไลน์ https://bit.ly/oppoth-lzd ได้อีกด้วยครับ