HUAWEI nova 4 จัดเป็นสมาร์ตโฟนที่ถือเป็นอาวุธหนักของ HUAWEI ที่เปิดตัวกันตั้งแต่ต้นปี 2019 โดยจุดเด่นของ nova 4 คือการให้สเปคในระดับเรือธง พร้อมหน้าจอแบบ Punch Display ที่ให้ความแตกต่างจากสมาร์ตโฟนอื่น ๆ ในท้องตลาด จึงไม่แปลกที่ยอดจองในงาน TME 2019 จะสูงจนมีของไม่พอขายกันเลยทีเดียว
ในบทความนี้ผมจะพาทุกคนย้อนกลับไปสุ่จุดเริ่มต้นของ nova Series โดย nova หมายถึงดาวดวงใหม่อันเจิดจรัส ที่เกิดขึ้นเพื่อยกระดับมาตรฐานสมาร์ตโฟนระดับกลาง รุ่นแรกของสมาร์ตโฟนซีรี่ส์นี้เกิดขึ้นครั้งแรกในงาน IFA ที่เยอรมันเมื่อปี 2016 ได้แก่ HUAWEI nova และ nova Plus
HUAWEI nova และ HUAWEI nova Plus ปี 2016
ย้อนกลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว HUAWEI nova Series เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางราคาหมื่นต้น ๆ ที่ให้สเปคสูงกว่ารุ่นอื่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน รวมถึงดีไซน์และวัสดุตัวเครื่องที่ HUAWEI เลือกใช้โลหะอย่างอลูมิเนียมแบบ Unibody ไร้รอยต่อ และหน้าจอโค้ง 2.5D Glass ซึ่งเป็นการออกแบบที่ส่วนมากจะอยู่ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธงเท่านั้น
ความสุดยอดของ nova และ nova Plus ในปี 2016
ในส่วนของกล้อง nova และ nova Plus มาพร้อมกับกล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล (nova) และ 16 ล้านพิกเซล (nova Plus) ทั้ง 2 รุ่นมีหน้าความละเอียดสูง 8 ล้านพิกเซล โดยไฮไลท์ของกล้องหน้าอยู่ที่การมี Beauty Mode ที่เหนือกว่าสมาร์ตโฟนหลายรุ่นในตอนนั้น ทั้งฟีเจอร์ Perfect Selfie (วิเคราะห์ใบหน้าเจ้าของเครื่อง แล้วปรับแต่งให้เหมาะสม) หรือโหมด Beauty แต่งหน้า ถือเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับวงการสมาร์ตโฟน อย่าลืมนะครับว่าตอนนั้นเรายังไม่มีการใช้ AI เข้ามาช่วยประมวลผลด้วยซ้ำ
อีกหนึ่งความล้ำของ nova Series ก็คือใส่ Gyroscope 3 แกน (Tri-axial Gyroscope) สำหรับการเล่นเกม AR คือรองรับ AR Mode ในเกม Pokemon Go รวมถึง Google Cardboard ซึ่งมีสมาร์ตโฟนน้อยรุ่นมากในตอนนั้นที่รองรับ
ในตอนนั้น HUAWEI ประเทศไทยนำเข้าแค่ HUAWEI nova Plus แถมยังจำหน่ายแค่เฉพาะกับทางโอเปอร์เรเตอร์เพียงช่องทางเดียว แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับ nova Series ครับ ในตอนนั้นมีคนให้ความสนใจรุ่นนี้มาพอสมควรเลย
HUAWEI nova 2 และ nova 2i ปี 2017
HUAWEI ได้เปิดตัว HUAWEI nova 2 และ nova 2 Plus ที่เป็นรุ่นต่อยอดความสำเร็จจาก nova รุ่นแรก ในปี 2017 โดยจุดเด่นในตอนนั้นก็คือการมาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 20 ล้านพิกเซล ถือเป็นความละเอียดที่สูงอันดับต้น ๆ ในโลกสมาร์ตโฟน แถมยังเป็นเลนส์มุมกว้างถึง 85 องศา ตอบโจทย์เทรนด์การถ่ายภาพ Groupfie หรือการถ่ายภาพเซลฟี่หมูได้เป็นอย่างดี
น่าเสียดายที่ nova 2 และ nova 2 Plus ไม่ถูกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ส่วนตัวผมมองได้ 2 ประเด็น คือ ในด้านความแตกต่างจาก nova รุ่นแรกยังมีไม่มาก และตอนนั้นรุ่นกลางที่ทำตลาดในประเทศไทย เป็น GR5, GR5 2017 ซึ่งก็ถือว่าโดดเด่นมากในราคาหมื่นต้น ๆ อยู่แล้ว
ในช่วงปลายปี 2017 ก็ได้มีเซอร์ไพรส์จากทาง HUAWEI อีกครั้ง ในช่วงเวลานั้นทุกคนโฟกัสไปที่รุ่นเรือธงอย่าง HUAWEI Mate 10 Series แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์คือ HUAWEI เปิดตัว nova 2i ที่ผมมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้ใช้ชาวไทย รู้จักซีรี่ส์ nova ของ HUAWEI อย่างจริงจังมากขึ้น
ความสุดยอดของ HUAWEI nova 2i
HUAWEI nova 2i จัดว่าเป็นสมาร์ตโฟน 4 กล้อง พร้อมหน้าจอ FullView Display 18:9 เครื่องแรกของโลก และด้วยสเปคที่ให้มาแบบจัดเต็ม ฟีเจอร์ที่แทบจะถอดจากรุ่นเรือธงมาใส่ไว้ในราคาเปิดตัวเพียงหมื่นต้น ๆ จึงไม่แปลกที่รุ่นนี้จะได้รับความนิยมสูงมาก
สเปคของกล้อง HUAWEI nova 2i คือมาพร้อมกับกล้องหน้าคู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล และกล้องหลังคู่ 16 + 2 ล้านพิกเซล จุดเด่นในตอนนั้นคือการถ่ายรูปหน้าชัด – หลังเบลอได้ทั้งกล้องหน้ากล้องหลัง และมีโหมด Portrait ที่กดถ่ายแล้วได้ภาพหน้าชัดหลังเบลอพร้อมแต่งสวยได้ในครั้งเดียว
HUAWEI nova 3 และ HUAWEI nova 3i ปี 2018
เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่ใกล้เวลาเปิดตัว nova 3 กับ nova 3i ส่วนตัวผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตสมาร์ตโฟน HUAWEI พร้อมรับฟังข้อมูลของทีมพัฒนา nova 3 Series อย่างละเอียด เลยทำให้รู้ว่า HUAWEI ไม่ได้สร้าง nova Series แบบที่เน้นเอาฟีเจอร์เรือธงรุ่นเก่ามาใส่ แล้วขายใหม่เป็นรุ่นกลาง แต่เป็นการตั้งทีมขึ้นมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใน nova Series โดยเฉพาะ
กระบวนการดังกล่าวใช้ศูนย์ R&D ที่มีอยู่ทั่วโลกของ HUAWEI ในการสร้าง nova 3 Series ทั้งในด้านการออกแบบ, ซอฟท์แวร์ รวมถึงเรื่องกล้องทั้ง nova 3 และ nova 3i ก็ถือเป็น World’s 1st 4 Camera Smartphone with AI หรือสมาร์ตโฟน 4 กล้อง สมองกลครั้งแรกในโลกนั่นเอง
ความสุดยอดของ nova 3, nova 3i
สิ่งที่ HUAWEI เซอร์ไพรส์วงการสมาร์ตโฟนใน HUAWEI nova 3 ก็คือการถอดสเปคที่เป็นแฟลกชิป เข้ามาใส่ในสมาร์ตโฟนระดับกลางนั่นล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Kirin 970 (ที่อยู่ใน Mate 10 Pro, P20 Pro) และไหนจะกล้องหลังที่มาพร้อมกับเลนส์ขาวดำ Monochrome อันเลื่องชื่อของ HUAWEI ที่ปกติจะอยู่ในรุ่นแฟลกชิปหรือรุ่นเรือธงเท่านั้น
แต่สิ่งที่ผมรู้สึกว่าเจ๋งที่สุดของ nova 3 Series อยู่ที่ความพยายามในการก้าวข้ามข้อจำกัดของสมาร์ตโฟนระดับกลางในด้านการประมวลผล ถึงแม้ nova 3 จะใช้ชิประดับเรือธง ส่วนในรุ่นรอง nova 3i ใช้ชิปเซ็ต Kirin 710 ซึ่งเมื่อเทียบแล้วก็เป็นชิปเซ็ตระดับกลาง ถ้าว่ากันตามตรง CPU ของ nova 3i จะให้ประมวลผลหนัก ๆ เช่นการเล่นเกม ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้เล่นได้ทุกเกมแบบลื่น ๆ
GPU Turbo ถูกใส่เข้ามาใน nova 3 Series เป็นครั้งแรก เทคโนโลยีเป็นการเร่งประสิทธิภาพการ์ดจอให้สูงขึ้นถึง 60% แต่มีอัตราการใช้พลังงานลดลงถึง 30% เอาเป็นว่าเมื่อรันเกมที่รองรับ GPU Turbo ไม่ว่าจะใช้ nova 3 หรือ nova 3i ก็สามารถเล่นในโหมดเฟรมเรทสูงได้สบาย ๆ
อีกฟีเจอร์เด่นที่เพิ่มเข้ามาครั้งแรกใน nova 3 Series ก็คือ 3D Qmoji ที่สามารถตอบสนองการเคลื่อนไหวของใบหน้าได้แบบเรียลไทม์ โดยฟีเจอร์ดังกล่าว เมื่อต้นปี 2018 ยังอยู่ในสมาร์ตโฟนเรือธงบางยี่ห้อด้วยซำ้ไป แต่ในเวลาไม่ถึงปี HUAWEI กลับนำมาใส่ในสมาร์ตโฟนระดับกลางเป็นที่เรียบร้อย
ล่าสุด HUAWEI nova 4 อาวุธหนักต้นปี 2019
มาถึงรุ่นล่าสุดอย่าง nova 4 ที่ผมมองว่าเป็นอาวุธหนักของ HUAWEI ที่ปล่อยออกมาตั้งแต่ต้นปี 2019 ด้วยสเปคที่ยังคงใช้คอนเส็ปเดิม Premium Mid-range Smartphone คือเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลาง ขายในช่วงราคาเดิม หมื่นกลาง ๆ แต่ให้สเปคหลายอย่างเทียบเท่ารุ่นแฟลกชิป (Kirin 970 + Ram 8 GB) หรือบางอย่างให้มามากกว่าแฟลกชิปด้วยซ้ำ
สิ่งแรกที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั่นก็คือหน้าจอแบบ Punch Display เป็นอีกความพยายามในการก้าวข้ามข้อจำกัดของสมาร์ตโฟน นั่นก็คือการผลิตสมาร์ตโฟนที่หน้าจอไร้ขอบ ไร้ notch screen โดย HUAWEI เลือกที่จะใส่กล้องหน้าไว้ใต้หน้าจอ ส่วนเซ็นเซอร์อื่น ๆ ก็ยังคงอยู่ครบครัน แค่เปลี่ยนตำแหน่งจากมือถือปกติทั่วไป
แต่การที่จะใส่กล้องหน้าไว้ใต้หน้าจอได้อย่างแนบเนียนนั้น จะต้องผ่านกระบวนการมากมาย ทั้งการผลิตกล้องหน้าให้มีขนาดเล็กที่สุดในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน รวมถึงวิธีการฝังกล้องหน้า ที่ HUAWEI เลือกใช้วิธีที่มีชื่อว่า Blind-hole คือเป็นการผสานกล้องหน้าเข้ากับหน้าจอ ทำให้พื้นที่ ๆ เป็นกล้องหน้า สามารถสัมผัสหน้าจอได้ด้วย แตกต่างจากการฝังกล้องหน้าแบบปกติ ที่จะไม่สามารถแตะใช้งานพื้นที่นั้นได้เลย
ด้านกล้อง อันเป็นจุดเด่นของ nova Series มาโดยตลอด HUAWEI nova 4 ก็ยังคงเจ๋งอยู่ โดยรอบนี้ให้กล้องหลังมาถึง 3 ตัวด้วยกัน เป็นกล้องหลัก 20 ล้านพิกเซล + กล้องเก็บระยะ 2 ล้านพิกเซล และไฮไลท์อย่างเลนส์ Ultra wide-angle ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่สามารถเก็บภาพได้กว้างถึง 117 องศา
ส่วนกล้องหน้า แม้จะเหลือเพียงกล้องหน้า 25 ล้านพิกเซลตัวเดียว แต่ในการใช้งานจริงแทบจะไม่ต่างจากการมีกล้องคู่ ด้วยความที่เทคโนโลยี AI พัฒนาขึ้นมาในระดับที่สามารถแยกตัวแบบออกจากฉากหลังได้เนียนมาก เพราะฉะนั้น Portrait Mode ก็ยังคงมีใน nova 4 อยู่ แถมยังเป็น Portrait Lighting ที่สามารถจัดไฟได้อีกด้วย
อีกเทคโนโลยีใน HUAWEI nova 4 ที่น่าสนใจในการเล่นเกม นอกจาก GPU Turbo ก็คงเป็น Wi-Fi+ ที่สามารถปรับแต่งได้เองโดยอัตโนมัติ ว่าจะเลือกใช้ Wi-Fi หรือสัญญาณ Cellular 4G เพื่อให้การเชื่อมต่อออกมาเสถียรที่สุด ซึ่งมีผลมากในการเล่นเกม Online และเกมมือถือสมัยนี้ก็มักจะเป็นเกมออนไลน์แทบจะทั้งนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นใน nova Series ตั้งแต่รุ่นแรก มาจนถึงรุ่นล่าสุดอย่าง HUAWEI nova 4 แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของ HUAWEI ในการที่จะขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลกสมาร์ตโฟนได้เป็นอย่างดี การที่หยิบเอาเทคโนโลยีในระดับแฟลกชิป เข้ามาใส่ในรุ่นกลางเร็วขนาดนี้ หากไม่มีเทคโนโลยี หรือไม่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ในมือมากพอ คงเป็นเรื่องยากมากที่จะทำได้แบบนี้ครับ