ก็เรียบร้อยไปแล้วนะครับ กับงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ครั้งแรกในปีนี้ของ Apple ซึ่งในงานนี้พระเอกก็อยู่ที่ Apple Watch นั่นเอง แต่อย่าลืมว่าในงานนี้ Apple เองก็มีเปิดตัว มีข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่างเลย ในบทความนี้ทางเราได้สรุปเอาไว้แล้วครับ มีอะไรใหม่ๆ บ้าง มาดูกันเลย
Apple TV
Apple TV เหลือ $69 หรือประมาณ 2,200 บาท จากเดิมราคา $99 หรือประมาณ 3,000 กว่าบาทด้วยกัน ราคาขายใน Apple Store Online ประเทศไทยอยู่ที่ 3,300 บาท
iPhone
ตอนนี้ ยอดขาย iPhone รวมกันทุกรุ่น สูงถึงกว่า 700 ล้านเครื่องแล้ว และนับจากเปิดขาย iPhone 6 ก็ทำให้ iPhone กลับมาเป็นสมาร์ทโฟนที่มียอดขายสูงสุดในปัจจุบัน และลูกค้าในอเมริกากว่า 99% พอใจในตัว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ซึ่งถือว่าสูงมากๆ เลยทีเดียว (ไม่ใช่สถิติทั่วโลกนะ)
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวชุดพัฒนา ResearchKit ที่ช่วยให้สามารถนำข้อมูลสุขภาพมาวิเคราะห์สุขภาพของผู้ใช้งานได้ด้วยการใช้งาน iPhone ซึ่งดูแล้วเราน่าจะได้เห็นการนำ iPhone มาใช้ในวงการสุขภาพเยอะขึ้นไปกว่าเดิมอีก โดยข้อมูลสุขภาพจะถูกเก็บเป็นความลับ แม้แต่ Apple ก็ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของแต่ละคนได้เลย และที่สำคัญคือ ชุดพัฒนาแอพตัวนี้ เปิดเป็น Open Source ให้คนอื่นนำไปใช้ได้ด้วย
The new MacBook
เปิดตระกูล MacBook ด้วย The new MacBook ซึ่งอันที่จริงมันก็คือ MacBook Air 12″ ที่มีข่าวลือกันก่อนหน้านี้ล่ะครับ มารอบนี้อัดเทคโนโลยีใหม่มาแบบจัดเต็มเลย ไม่ว่าจะเป็น
- ชิปประมวลผล Intel Core M กินไฟแค่ 2W
- ไม่มีพัดลมระบายความร้อน
- หน้าจอขนาด 12 นิ้ว ความละเอียดระดับ Retina Display (2304 x 1440) พาเนลกระจกหน้าจอบางกว่าเดิม สว่างกว่าเดิม แต่กินไฟน้อยลง 30%
- ตัวเครื่องบางกว่าเดิม ส่วนหนาสุดเพียงแค่ 13.1 มิลลิเมตร หนักแค่ 0.9 กิโลกรัม
- ปรับกลไกของคีย์บอร์ดใหม่ ใช้งานดีกว่าเดิม ไฟ LED ส่องสว่างดีกว่าเดิม สว่างกว่าเก่า
- Trackpad เปลี่ยนใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยี Force Touch ที่ช่วยตรวจจับแรงกดได้ ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น
- พอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ เช่น USB, Mini Display Port, HDMI ถูกยุบเหลือพอร์ตเดียวคือ USB-C ซึ่งสายต่อสามารถกลับด้านได้
- แบตเตอรี่มีขนาดใหญ่มาก และมีการออกแบบในลักษณะขั้นบันได เพื่อให้จุแบตได้เยอะๆ สามารถใช้งานได้ทั้งวัน
- เมนบอร์ด (Logic Board) ลดขนาดลงเหลือพอๆ กับ Trackpad (เล็กลงกว่าบอร์ดของ MacBook Air 11″ ถึง 67%)
- มีให้เลือก 3 สี คือสีเงินตามปกติ, สีดำ Space Grey และสีทอง (เหมือน iPhone)
- เริ่มขายวันที่ 10 เมษายน
- ราคาเริ่มต้นที่ $1299 หรือประมาณ 42,000 บาท
MacBook Air ปกติ
- อัพสเปคแรงขึ้น ทั้ง CPU และ SSD
- เริ่มขายทันที
MacBook Pro Retina 13″
- อัพสเปคแรงขึ้น ทั้ง CPU และ SSD
- เพิ่ม Trackpad แบบ Force Touch
- เริ่มขายทันที
Apple Watch
ในงานนี้ หลักๆ ก็จะเน้นโชว์ฟีเจอร์ที่เคยพูดถึงไปแล้วในงานรอบแรกครับ เหมือนเป็นการย้ำว่ามันทำอะไรได้บ้างมากกว่า เช่น ใช้ควบคุมการเล่นเพลง ใช้กดรับสาย ใช้กดถ่ายรูป ใช้งาน Siri เป็นต้น รวมถึงสามารถปรับแต่งหน้าตาของหน้าจอได้หลากหลาย สามารถแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ เป็นต้น
- สามารถดูรูปจาก Instagram ได้ กดไลค์ได้
- สามารถเรียกรถแท็กซี่จากแอพ Uber ได้จาก Apple Watch เลย
- มีแอพ Shazam สำหรับใช้ค้นหาเพลงจากเสียงเพลงที่ดังอยู่ได้
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ทั้งวัน (ราวๆ 18 ชั่วโมง)
- Apple Watch Sport ราคา $349 หรือประมาณ 11,000 บาท (38 mm) และ $399 หรือประมาณ 13,000 บาท (42 mm)
- Apple Watch Collection ที่ใช้สแตนเลสสตีล ขนาด 38 mm ราคาอยู่ในช่วง $549-$1049 หรือประมาณ 17,900 – 34,100 บาท
- Apple Watch Collection ที่ใช้สแตนเลสสตีล ขนาด 42 mm ราคาอยู่ในช่วง $599-$1099 หรือประมาณ 19,500 – 35,800 บาท
- Apple Watch Edition ที่ทำจากทอง จะมีจำนวนจำกัด มีขายแค่บางที่เท่านั้น
- เริ่มเปิดสั่งจองวันที่ 10 เมษายน เริ่มขายจริงวันที่ 24 เมษายน
- เริ่มขายใน 9 ประเทศแรก ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกง ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และอเมริกา
- ข้อมูลที่น่าสนใจ ฟีเจอร์ หน้าตาของ Apple Watch อย่างละเอียด อ่านต่อที่นี่
iOS 8.2
มีแอพ Apple Watch สำหรับเชื่อมต่อ จัดการ Apple Watch มาให้เลย เริ่มเปิดให้ดาวน์โหลดมาใช้งานวันนี้เลย