Samsung Galaxy S20 Ultra 5G อดีตมือถือเรือธงกล้องเทพของทาง Samsung ที่เปิดตัวตัวมาเมื่อปี 2020 พร้อมด้วยกล้อง 108MP ตัวแรกของโลก อีกทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์ Space Zoom ที่สามารถซูมได้สูงสุดถึง 100 เท่า โดยตอนเปิดตัวมานั้นมีราคาถึง 39,900 บาท บาทเลยทีเดียว ทว่าในปัจจุบันนั้นสามารถหาซื้อผ่านร้านออนไลน์ได้ในราคาเฉลี่ยเพียง 20,000 บาท และถ้าโชคดีอาจจะได้ต่ำกว่านั้นด้วย แล้วปัญหาคือในปัจจุบันมือถือรุ่นนี้ยังน่าซื้ออยู่ไหมในเมื่อมันเป็นของตกรุ่นไปแล้ว วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กันว่าตกลงมันยังน่าซื้ออยู่ไหม
ราคาในร้านค้าออนไลน์ที่เราเจอนั้นเป็นราคาของมือ 1 เครื่องศูนย์ไทยทั้งนั้น แต่ในเรื่องประกันจะขึ้นอยุ่กับทางร้าน เนื่องจากมีทั้งประกันร้านและประกันศูนย์ ทว่าถ้าซื้อแบบประกันร้านราคาอาจจะถูกสุด แต่ก็ต้องแลกกับระยะประกันที่อาจจะสั้นพอสมควร (เจอระยะประกันสั้นสุดที่ 3 เดือน)
Samsung Galaxy S20 Ultra 5G ยังน่าซื้ออยู่ไหม
ในปัจจุบันนี้คือช่วงที่ยังไงก็ต้องหาทางประหยัดดังนั้นการหันไปหามือถือตกรุ่นก็เป็นทางเลือกหนึ่ง ซึ่งสำหรับมือถือระดับเรือธงเองก็เป็นหนึ่งในของที่น่าจับตามองเนื่องจากสเปคที่ให้มานั้นมีความแรงระดับที่สามารถใช้งานลื่นๆ ได้หลายปี ทำให้ถึงแม้จะตกรุ่นไป 1 ปีก็ยังน่าสนใจอยู่ ทีนี้เราเลยจะมาดูกันว่า Galaxy S20 Ultra 5G ยังน่าซื้ออยู่ไหม เมื่อเทียบกับมือถือรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน โดยจะทำการแยกออกเป็นดังนี้
Samsung Galaxy S20 Ultra 5G : หน้าจอ
ในเรื่องของหน้าจอนั้น Galaxy S20 Ultra 5G ใช้หน้าจอพาแนล Dynamix AMOLED 2X รุ่นแรกของทาง Samsung ทีไ่ด้พัฒนราขึ้นมาเพื่อใช้ในมือถือเรือธงเท่านั้น โดยตัวหน้าจอนั้นจะมีสีสันที่สวยสดยิ่งขึ้น มีความเที่ยงตรงของสีสูงกว่าเดิม อีกทั้งยังทำให้มีค่า Refresh Rate ที่สูงถึง 120Hz อีกด้วย ถึงในปัจจุบันนี้จะได้รับการปรับปรุงต่างๆ เพิ่มขึ้นมาแล้วก็ตาม แต่ถ้าวัดกันในเรื่องการแสดงผลแล้วก็ยังนับว่าเหนือกว่ามือถือแบรนด์อื่นๆ ในตลาดมากนัก
แต่ด้วยการที่เป็นหน้าจอรุ่นแรกทำให้สามารถปรับค่า Refresh Rate ได้แค่ 60Hz และ 120Hz เท่านั้น แถมยังต้องมาคอยปรับเองอีก ทำให้หากใช้งานโดยตั้งค่า Refresh Rate ที่ 120Hz ตลอดเวลาจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้นมาก (ปัญหานี้ถูกแก้ไขแล้วในรุ่นใหม่อย่าง Galaxy S21 Ultra 5G) ทำให้ถ้าอยากจะเซฟแบตเตอรี่ก็จำเป็นต้องคยอไปเปลี่ยนการตั้งค่าให้เข้ากับการใช้งานเอง (จะเล่นเกมค่อยไปเปลี่ยนเป็น 120Hz นะ หรือถ้าเป็นพวกชอบไถฟีดโซเชียลเร็วๆ จอ 120Hz ก็ช่วยให้ไม่ปวดตาได้นะ)
Samsung Galaxy S20 Ultra 5G : ชิปประมวลผล
ในเรื่องของชิปประมวลผลนั้น Galaxy S20 Ultra 5G นั้นใช้เป็นชิป Exynos 990 ที่เป็นอดีตชิประดับเรือธงของ Samsung ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้มีความแรงมากขึ้นและประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น จนเกือบจะเทียบเคียงชิป Snapdragon 865 ได้เลย แต่ในด้านการใช้งานจริงนั้นเรื่องความแรงก็เป็นอะไรที่ต้องยอมรับ ทว่าก็มีสิ่งที่ต้องเตือนอยู่บางเรื่อง นั่นก็คือปัญหาเรื่องความร้อน เนื่องจากชิป Exynos 990 นั้นค่อนข้างร้อนเร็วพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือใช้กล้อง แค่ไม่กี่นาทีความร้อนก็เริ่มขึ้นแล้ว ถ้าเปิดใช้กล้อง 108MP หรือบันทึกวิดีโอ 8K เครื่องจะร้อนขึ้นเร็วมากเลย
สำหรับในเรื่องการรองรับแอพใหม่ๆ ในอนาคตนั้น ด้วยชิป Exynos 990 ที่มีอายุไม่ถึง 2 ปี ก็ช่วยการันตีได้ในระดับหนึ่งว่ายังสามารถรองรับแอพใหม่ๆ ได้อีกหลายปี (จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับเวอร์ชั่น Android มากกว่า) ยกตัวอย่างเช่น Samsung Galaxy S9 ที่ใช้ชิป Exynos 9810 ที่มีอายุกว่า 3 ปีแล้วในปัจจุบันนี้ยังสามารถใช้งานได้ดีอยู่ ยังสามารถเล่นเกมในยุคปัจจุบันได้อยู่เลย
Samsung Galaxy S20 Ultra 5G : กล้องถ่ายภาพ
สำหรับกล้องถ่ายภาพของ Galaxy S20 Ultra 5G นั้นจะมีทั้งหมด 4 ตัวคือกล้องหลัก 108MP, กล้อง Telephoto 48MP ที่รองรับการซูมแบบ Hybrid Optic ได้ 10 เท่า ซูมแบบความละเอียดสูง Super Resolution Zoom (Optical + Digital Zoom) ได้สูงสุด 100 เท่า (Space Zoom), กล้อง Ultrawide 12MP และ ToF โดยในเรื่องของคุณภาพรูปถ่ายที่ได้นั้นเรียกได้ว่าสมกับเป็นเครื่องเรือธง เพราะทั้งการเก็บรายละเอียดของภาพในทุกสภาพแสง รวมถึงการตัดขอบ การละลายหลังสามารถทำได้อย่างเรียบเนียน คมกริบ ซึ่งที่เป็นอย่างนั้นเพราะเทคโนโลยี Nonacell ที่รวม 9 ภายให้กลายเป็นภาพเดียว ช่วยลด Noise ได้ ทำให้ได้รายละเอียดที่ดีขึ้น นอกจานี้ยังมีฟีเจอร์ที่สามารถเอาภาพอื่นๆ มาใช้เป็นฟิลเตอร์ได้ด้วย ช่วยลดเวลาในการแต่งภาพให้เป็นแบบที่ชอบได้เร็วขึ้น
สำหรับกล้องหน้านั้นมีความละเอียดถึง 40MP ซึ่งเวลาถ่ายเซลฟี่จะสามารถถ่ายได้ 2 แบบคือแบบปกติและแบบมุมกว้าง อีกทั้งยังรองรับการถ่ายรูปด้วย Bright Night อีกด้วย ทำให้การถ่ายรูปในที่แสงน้อยทำได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยในเรื่องของกล้องหน้านั้นค่อนข้างคมจนน่ากลัว ด้วยความละเอียดที่สูงและเทคโนโลยี Dual Pixel PDAF ทำให้ได้ภาพที่คมมากๆ จนถ้าซูมนี่แทบจะมองเห็นรูขุมขนบนใบหน้าได้เลย นอกจากนี้ฟีเจอร์หลายๆ อย่างที่กล้องหลังใช้ได้ กล้องหน้าก็ใช้ได้ด้วยเช่นกัน
ถ้าเอากล้องเหล่านี้ไปเทียบกับมือถือรุ่นอื่นๆ ในปัจจุบันแล้ว ในเรื่องคุณภาพเองก็ไม่ได้ด้อยกว่า แต่ด้วยการที่เป็นเซ็นเซอร์ 108MP ตัวแรกทำให้มีทั้งความใหญ่และหนักกว่ารุ่นหลังๆ เล็กน้อย แต่ถ้าใช้ไปสักระยะน่าจะชินกับน้ำหนักเครื่องได้อยู่
Samsung Galaxy S20 Ultra 5G : อื่นๆ
ในเรื่องการเชื่อมต่อนั้นตัวเครื่องรองรับคลื่น 5G ทั้งแบบ sub-6 GHz / mmWave นอกจากนี้ยังรองรับ Wi-Fi 6 อีกด้วย ซึ่งรองรับเทคโนโลยีทั้งหมดที่ไทยใช้ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสบาย แต่ด้วยการที่ไม่ได้มีการติดตั้งโมเด็มในชิปประมวลผลทำให้ต้องสิ้นเปลืองพลังงานค่อนข้างมาก ทำให้แบตเตอรี่ของ Galaxy S20 Ultra 5G หมดเร็วกว่าที่ควรเป็น ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ระบบชาร์จเร็ว Adaptive Fast Charge มาช่วยชดเชย แต่ทว่าถึงอย่างไรแล้วก็ขึ้นอยู่กับการจัดสรรค์พลังงานของผู้ใช้เองด้วยอีกที
โดยรวมแล้วถ้าหากเพื่อนๆ เจอ Galaxy S20 Ultra 5G ในราคา 20,000 บาทต้นๆ หรือต่ำกว่า 20,000 บาทแบบมือ 1 แล้วก็นับว่าเป็นอะไรที่น่าจิ้มมาก และถ้ายิ่งได้ล่วนลดหรือคูปองเพิ่มด้วยจะเป็นอะไรที่น่าซื้อว่ามือถือรุ่นใหม่ๆ ตอนนี้เสียอีก เพราะจะได้มือถือเรือธงจริงๆ ในราคาของมือถือระดับกลาง(ค่อนบน) เรียกได้ว่าคุ้มสุดๆ เลยทีเดียว สำหรับใครที่อยากรู้ว่า Galaxy S20 Ultra 5G นั้นเป็นอย่างไรก็สามารถเข้าไปดูรีวิวในลิ้งด้านล่างนี้ได้เลย
[Review] Samsung Galaxy S20 Ultra 5G สุดยอดกล้องซูมแห่งยุค ด้วยกล้อง 108MP Space Zoom 100x VDO 8K