ถึงแม้ว่า Samsung จะมีชื่อเสียงในเรื่องการอัดสเปคใส่มือถือทำให้โดดเด่นกว่าเจ้าอื่นๆ (ถึงแม้ระยะหลังจะไม่เน้นมากเหมือนช่วงแรก) แต่ก็ใช่ว่าจะเพิ่มแบบฉาบฉวยแต่ซีพียู ขนาดหน้าจอ หรือแรมเท่านั้น เพราะจากข้อมูลล่าสุดนี้มีเทคโนโลยีหลายอย่างที่เพิ่มเข้ามาถึงแม้ว่าจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเหมือนสเปคมือถือหลักๆ ที่เราเห็นกันทั่วไป
อย่างแรกนั้นคือ Samsung Galaxy Note III เป็นมือถือเครื่องแรกที่ใช้ชิป QFE1100 จาก Qualcomm ที่เป็นตัวจัดการความถี่วิทยุแบบ Envelop Tracking ที่สามารถปรับสัญญาณให้ตรงกับช่วงที่เราใช้งานได้แม่นยำขึ้น แทนวิธีการจับสัญญาณแบบ Average power tracker ที่ปล่อยพลังงานออกมาเต็มกำลังแล้วจึงเลือกใช้ส่วนที่ต้องการเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะทำให้พลังงานนั้นสูญเปล่าไปบางส่วนแล้ว ยังทำให้ตัวเครื่องมีความร้อนมากอีกด้วย ซึ่งจะเห็นผลมากถ้าเครื่องนั้นมีการใช้งาน 4G เนื่องจากช่วงความถี่สูงสุด (ซึ่งต้องใช้พลังงานเพิ่มสูงตามไปด้วย) มากกว่าโดยขึ้นไปถึง 2500 ? 2600 MHz ซึ่งสูงกว่า 3G ที่สูงสุดที่ 2100 เท่านั้น โดยทาง Qualcomm บอกว่าชิปตัวนี้สามารถประหยัดพลังงานกว่าเดิมถึง 30%
อีกอย่างนั้นคือ Galaxy Note III นั้นเป็นมือถือเครื่องแรกที่รองรับมาตรฐาน microUSB 3.0 เป็นเครื่องแรก นอกจากจะช่วยในเรื่องของการโอนถ่ายไฟล์ที่เร็วขึ้นแล้ว microUSB 3.0 นั้นสามารถจ่ายไฟเพิ่มจาก 500 mAh ไปเป็น 900 mAh ผ่านพอร์ท USB 3.0 แบบปกติ เช่นจากคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กที่สนับสนุนนั่นเอง ซึ่งไฟที่จ่ายนั้นถือว่าใกล้เคียงกับอแดปเตอร์ที่ใช้ชาร์จสมาร์ทโฟนทั่วไปในขณะนี้แล้ว ทำให้สะดวกมากขึ้นเพราะสามารถชาร์จไฟจาก PC ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมากเกือบเท่าตัวทีเดียว
จุดที่ต้องสังเกตให้ดีคือพอร์ท microUSB 3.0 นั้นจะมีหัวเล็กๆ เพิ่มมาอีก 1 ช่อง ซึ่งถ้าต้องการใช้ความสามารถของ USB 3.0 ให้ครบนั้นก็จำเป็นต้องใช้สาย microUSB 3.0 เฉพาะด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่าสาย USB 2.0 แบบเดิมก็ยังเสียบได้ แต่ก็จะได้ความเร็วที่ช้ากว่าที่ควรจะเป็นและอาจจะใช้เสียบกับเครื่องที่ใช้ microUSB 3.0 ยากอยู่บ้างเรื่องจากพอร์ทมีขนาดใหญ่กว่าหัวของ microUSB 2.0 ครับ