สำหรับในยุคโควิดแบบนี้ การจะเลือกมือถือมาใช้งานซักเครื่องก็ต้องมองถึงปัจจัยหลาย ๆ ด้าน นอกเหนือจากสเปคที่ดีแล้ว ยังมีเรื่องของงานประกอบ การผลิตที่มีมาตรฐาน ไปจนถึงแนวทางการสนับสนุนด้านซอฟต์แวร์ เพื่อให้สามารถใช้งานเครื่องได้คุ้มที่สุด ซึ่งต้องบอกว่าหลัง ๆ มานี้ Samsung ทำได้ดีขึ้น และสามารถรักษามาตรฐานได้ดี นับตั้งแต่รุ่นท็อปมาจนถึงรุ่นที่เน้นความคุ้มค่า อย่างในรอบนี้เราก็มีมาอีก 1 รุ่นที่จะมารีวิวให้ชมกัน ได้แก่ Samsung Galaxy M12
Samsung Galaxy M12 ได้รับการออกแบบมาให้เป็นสมาร์ตโฟนในระดับเริ่มต้นที่ตอบโจทย์พื้นฐานได้ค่อนข้างครบครัน มีจุดเด่นในเรื่องของแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน ฮาร์ดแวร์ในส่วนอื่น ๆ ก็ให้มาอย่างลงตัว ในขณะที่ซอฟต์แวร์ก็เป็นเวอร์ชันล่าสุด รองรับการใช้งานแอปจำเป็นต่าง ๆ ในไทยได้เป็นอย่างดี ทั้งหมดนี้มาในราคาเพียง 4,799 บาท ซึ่งพอฟัดพอเหวี่ยงกันกับมือถือแบรนด์จีนหลาย ๆ รุ่นได้เลยทีเดียว
สเปค Samsung Galaxy M12
- ชิปประมวลผล Exynos 850 มี 4 คอร์ ความเร็ว 2.0 GHz
- แรม 4 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง 64 GB รองรับ MicroSD สูงสุด 1 TB
- หน้าจอ Infinity-V 6.5″ PLS LCD ความละเอียด 1600×720 (HD+)
- กล้องหลัง 4 เลนส์
- กล้องหลัก 48MP f/2.0
- เลนส์อัลตร้าไวด์ 5MP f/2.2
- เลนส์มาโคร 2MP f/2.4
- เลนส์ Depth 2MP f/2.4
- กล้องหน้า 8MP f/2.2
- ใส่ได้ 2 ซิม รองรับ 4G VoLTE ทั้ง 2 ช่อง
- มีช่อง 3.5 มม.
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มด้านข้าง
- แบตเตอรี่ 5000 mAh
- รองรับการชาร์จเร็ว 15W ผ่านช่อง USB-C
- Android 11 ครอบด้วย One UI 3.1
- จำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น เช่น บนหน้าเว็บไซต์ Samsung และ Shopee
ภาพรวมด้านสเปคของ Galaxy M12 จัดว่าเป็นมือถือที่เหมาะสำหรับการใช้งานพื้นฐาน คือใช้เป็นโทรศัพท์ ใช้เล่นเน็ต เล่นโซเชียล เล่นแอปยอดนิยมได้หมด ด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ความละเอียด HD+ ทำให้ส่วนของ UI ปุ่มกดต่าง ๆ นั้นดูใหญ่ กดง่าย แบตเตอรี่ก็ให้มาจุใจ ใช้งานได้ข้ามวัน ส่วนในด้านของการเล่นเกมนั้น อาจจะใช้เล่นเกมที่กราฟิกสูง ๆ และใช้พื้นที่เก็บข้อมูลเยอะไม่ได้มากนัก เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านพลังกราฟิก และก็พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวเครื่องที่ให้มา 64 GB ซึ่งอาจจะทำให้ติดตั้งเกมใหญ่ ๆ ไม่ได้มากนัก
ตัวเครื่อง
รูปทรงของ Galaxy M12 ก็ยังคงมาในสไตล์ที่คล้ายกับสมาร์ตโฟนในระดับเริ่มต้นของ Samsung เอง คือการใช้หน้าจอแบบ Infinity-V ที่มีติ่งจอรูปตัววีสำหรับกล้องหน้า พื้นที่แสดงผลก็เรียกได้ว่าจัดเต็มมาก ๆ เมื่อเทียบกับมือถือในช่วงราคาเดียวกัน ด้วยหน้าจอที่มีขนาด 6.5″ ความละเอียดระดับ HD+
กระจกหน้าจอจะมีแสงสะท้อนพอสมควรนะครับ อาจจะทำให้ต้องอาศัยการป้องมือตอนใช้งานกลางแจ้งซักนิดนึง ส่วนติ่งหน้าจอเองนั้นก็จัดว่าไม่รบกวนสายตามากนัก ขอบจอก็ไม่ได้เป็นแบบโค้งลงไปหาขอบเครื่อง ทำให้สามารถติดตั้งพวกฟิล์มและกระจกกันรอยหน้าจอได้ง่าย
ด้านของสีสันหน้าจอเอง Galaxy M12 ก็ทำได้ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับกลุ่มมือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท มีระบบปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ แต่ในบางครั้งก็ดูมืดไปซักนิดนึง เลยอาจต้องอาศัยการปรับความสว่างเพิ่มเองซักเล็กน้อย เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น ส่วนเรื่องมุมมองภาพและสีสัน ถ้าใช้งานในมุมตรงก็ไม่มีปัญหา ซ้ายขวาก็ยังจัดว่าโอเค ส่วนมุมบน/ล่าง ภาพจะดูมืดลงเล็กน้อยครับ
การใช้งานก็สามารถตอบโจทย์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะใช้อ่านคอนเทนต์ทางโซเชียลมีเดีย การดูหนัง ดูคลิปสตรีมมิ่งต่าง ๆ ไปจนถึงการเล่นเกมเพื่อความเพลิดเพลิน
ส่วนในเรื่องของการจับถือ ก็ต้องบอกว่าตัวเครื่อง M12 นั้นทำมาได้หนักแน่นดี มาพร้อมน้ำหนักเครื่องประมาณ 221 กรัม ซึ่งหลัก ๆ เลยก็น่าจะมาจากแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 5000 mAh นี่แหละครับ คิดซะว่ายังเบากว่าน้ำหนักเมื่อต้องถือมือถือ 1 เครื่อง คู่กับ powerbank 1 ก้อนอยู่พอสมควรเลย ประกอบกับหน้าจอเอง ทาง Samsung ก็ออกแบบมาให้ใช้แผงจอที่ประหยัดพลังงาน ส่งผลให้สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้นานตลอดวัน ไปจนถึงข้ามวันก็ยังไหว
หนึ่งฟังก์ชันที่ Samsung ใส่ให้มาเหมือนกับมือถือรุ่นท็อป ๆ คือ Edge panel ที่เป็นทางลัดในการเรียกใช้แอปที่ใช้งานบ่อย ๆ และแอปที่ใช้งานล่าสุด โดยสามารถลากขึ้นมาใช้งานได้จากแถบสีเทา ๆ ที่แอบอยู่ตรงขอบจอทางขวามือ ส่วนการปรับแต่งก็สามารถทำได้จากในเมนู Setting ของหน้าจอได้เลย
ฝาหลังของ Samsung Galaxy M12 เป็นพลาสติกที่มีความขอบมน พื้นผิวจะมีลายเป็นร่องลงมา ดูคล้ายพวกลายกระเป๋าเดินทางอยู่เหมือนกัน ซึ่งพอประกอบกันกับฝาหลังที่เป็นสีฟ้าโทนสว่างอีก ก็ยิ่งทำให้ตัวเครื่องดูโดดเด่นขึ้นมาอีกระดับ ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยลดความลื่นมือขณะใช้งานด้วยในตัว
โมดูลกล้องหลังทั้ง 4 ตัวจะอยู่ในกรอบที่นูนขึ้นมาจากฝาหลังเล็กน้อย ส่วนแฟลช LED จะแยกออกมาอยู่เดี่ยว ๆ เลย
ส่วนตำแหน่งของกล้องหลังแต่ละเลนส์ เรียงจากบนสุดตามภาพด้านบนก็จะเป็น
- บนสุด – อัลตร้าไวด์
- กลางซ้าย – กล้องหลัก
- กลางขวา – มาโคร
- ล่าง – Depth
ขอบด้านบนมีเพียงช่องรับเสียงของไมค์ตัวบน ส่วนขอบด้านล่างจะมีทั้งลำโพง ช่อง USB-C ช่องรับเสียงของไมค์สนทนา และก็ช่อง 3.5 มม.
ฝั่งขวามีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง แล้วก็ปุ่ม Power ที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้วย ทำให้สามารถปลดล็อกหน้าจอในขณะที่กดปุ่มเพื่อเปิดจอขึ้นมาได้เลย ซึ่งส่วนตัวผมก็คิดว่ามันสะดวกดี แต่อาจจะทำให้คนที่ใช้งานเครื่องด้วยมือซ้ายไม่ค่อยถนัดนัก ต้องอาศัยการเพิ่มลายนิ้วชี้ซ้ายด้วย เพื่อทำให้สามารถปลดล็อกจอด้วยมือซ้ายได้สะดวก
ฝั่งขวาก็จะมีเพียงถาดใส่ซิมการ์ดเท่านั้น ซึ่งเป็นถาดที่มีช่องใส่นาโนซิมได้ 2 ซิม พร้อมกับมีช่อง MicroSD แยกมาให้อีกด้วย ทำให้สามารถใช้ 2 เบอร์ พร้อมกับเพิ่มความจุในการเก็บไฟล์ เก็บรูปภาพได้สบาย ๆ
การใช้งาน / Software
Samsung Galaxy M12 มาพร้อมกับซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ทั้งในแง่ของตัว OS เองที่เป็น Android 11 และก็ One UI เวอร์ชัน 3.1 ทำให้ประสบการณ์ใช้งานในด้านต่าง ๆ ไม่ได้แตกต่างจากมือถือรุ่นใหม่ของ Samsung เองเลย ส่วนเรื่องพื้นที่เก็บข้อมูล จุดนี้ต้องแจ้งนิดนึงว่าเครื่องที่เราได้รับมาในการรีวิวนี้ เป็นเครื่องทดสอบที่มีสเปคบางจุดแตกต่างจากเครื่องขายจริงในไทยนิดนึง เพราะรุ่นที่ขายในไทยจะเป็น 4/64 GB แต่ในเครื่องรีวิวนี้เป็น 3/32 GB อย่างไรก็ตาม ในด้านของประสิทธิภาพพื้นฐานนั้นไม่ได้แตกต่างกันเยอะมาก เนื่องจากชิปเป็น Exynos 850 ตัวเดียวกัน แต่อาจจะมีความแตกต่างกันบ้างในด้านการสลับแอปไปมา หรือการเปิดแอป เปิดเกมที่กินแรมเยอะหน่อยเท่านั้นเอง
ในด้านของการใช้งานอินเตอร์เน็ต Galaxy M12 จะรองรับ WiFi สูงสุดที่ 802.11n 2.4 GHz เท่านั้น ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ดูหนังแบบสตรีมมิ่ง ไปจนถึงการเล่นเกมได้สบาย ส่วน NFC ถ้าตามสเปคในไทยจะไม่มีนะครับ ก็น่าเสียดายนิดนึง
การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ cellular ก็สามารถใช้งาน 4G LTE และ VoLTE ทั้ง 2 ซิมได้เลย ช่วยให้ได้เสียงที่คมชัด ทำให้สามารถใส่ซิมที่จะใช้คุยโทรศัพท์ได้สบาย
สำหรับใครที่อยากได้เอาไว้ใช้งานพวกแอปธนาคาร ไปจนถึงแอปที่ใช้งานกับโครงการภาครัฐเช่นแอป “เป๋าตัง” ก็ไม่มีปัญหาเลย สามารถติดตั้งจาก Play Store และใช้งานได้อย่างราบรื่น ซึ่งเรื่องความเข้ากันได้กับแอปต่าง ๆ ในไทย จุดนี้เป็นสิ่งที่ Samsung ทำได้ดีมาตลอด เรียกได้ว่าถ้าอยากได้มือถือราคาไม่สูงมาก ที่รองรับการใช้งานแอปต่าง ๆ ในไทย มือถือ Samsung คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีเลย
กล้องของ Samsung Galaxy M12
กล้องหลังของ Samsung Galaxy M12 ให้มาถึง 4 เลนส์ ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย ทั้งการถ่ายรูปปกติ ถ่ายรูปมุมกว้างพิเศษ ถ่ายรูปแบบโคลสอัพสไตล์มาโคร ไปจนถึงการถ่ายรูปแบบเบลอฉากหลังด้วยโหมด Live Focus ซึ่งสามารถเลือกปรับเปลี่ยนโหมดได้อย่างง่ายดายในแอปกล้อง
โดยโหมดกล้องที่มีให้ใช้งานก็เช่น Live Focus, Pro, Panorama, Food และก็โหมด Macro ส่วนพวกโหมดถ่ายกลางคืน ถ่าย Timelapse อันนี้จะไม่ได้ใส่มาด้วย ก็น่าเสียดายนิดนึงเหมือนกัน แต่ก็น่าจะมาจากข้อจำกัดในด้านประสิทธิภาพ ด้านของการถ่ายวิดีโอก็ทำได้สูงสุดที่ FHD 30fps
ด้านบนนี้คือตัวอย่างของภาพที่ได้จากโหมดถ่ายอาหาร ซึ่งจะมีการเร่งสีสันให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น รับรองว่าถ้าอัพลงโซเชียล ต้องมีคนสนใจแน่นอน
ส่วนในการถ่ายภาพทั่ว ๆ ไป กล้องหลังก็สามารถเก็บรายละเอียดและสีสันได้ค่อนข้างดี เมื่อใช้งานในสภาพแสงที่สว่างเพียงพอ เช่น ถ่ายกลางแจ้งในช่วงกลางวัน รองรับการซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุด 10 เท่า
กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซลมี Beauty mode ที่สามารถใช้ปรับแต่งหน้าตาทั้งด้านความเนียน โทนความสว่าง ปรับแก้มให้ดู V-shape มากขึ้น รวมถึงยังปรับตาให้กลมโตขึ้นได้ด้วย ซึ่งเท่าที่ลองก็พบว่าทำได้ค่อนข้างดี และไม่ดูโอเวอร์เกินไปด้วย
ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Samsung Galaxy M12 นะครับ คลิกชมทีละภาพได้เลย
ประสิทธิภาพ และการเล่นเกม
ชิป Exynos 850 จัดเป็นชิปที่มีประสิทธิภาพในกลุ่มเพื่อการใช้งานพื้นฐานทั่วไป ให้คอร์ประมวลผลมาที่ 8 คอร์ ซึ่งเท่าที่ผมทดสอบด้วยแอปทดสอบประสิทธิภาพก็ต้องบอกว่าคะแนนอาจจะไม่สูงมากนัก แต่สำหรับในการใช้งานจริง ต้องบอกว่าเหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไปแล้ว จะใช้เล่นเฟซ ดูคลิปวิดีโอ เล่นเกมเบา ๆ จะมีที่ต้องรอนิดนึงคือการประมวลผลภาพหลังกดถ่าย ซึ่งจะยังไม่สามารถพรีวิวภาพได้ทันที ต้องรอประมวลผลภาพซักนิดนึง แต่ที่เหลือก็ไม่ได้ติดขัดอะไรครับ
จุดที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ก็คือแบตเตอรี่ความจุถึง 5000 mAh ซึ่งเมื่อใช้งานร่วมกับฮาร์ดแวร์อื่นที่ได้รับการออกแบบมาให้มีการใช้พลังงานไม่สูงมากนัก จึงทำให้สามารถใช้งานข้ามวันยังได้เลย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสมาร์ตโฟนซักเครื่องมาใส่ซิมสำหรับสแตนด์บายรับสาย หรือใช้เป็นโทรศัพท์เครื่องหลักในการคุยได้เลย ด้วยความที่แบตอึด ไม่ต้องชาร์จบ่อย ๆ ส่วนถ้าจะชาร์จ Galaxy M12 ก็รองรับการชาร์จเร็ว Adaptive Fast Charge สูงสุดที่ 15W ด้วย ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จที่ไม่นานจนเกินไป
ลองจับมาเล่นเกมกันบ้าง เริ่มด้วย RoV ซึ่งก็ต้องบอกว่าชิป Exynos 850 ใน Samsung Galaxy M12 สามารถทำประสิทธิภาพได้ในระดับที่น่าพอใจเลย กับการปรับกราฟิกในระดับเกือบสูงสุด เฟรมเรตที่ได้ในระหว่างเล่นก็จะอยู่ที่ประมาณ 30fps แบบค่อนข้างนิ่ง (ไม่มีโหมดเฟรมเรตสูงให้ใช้งาน)
ส่วนของ PUBG Mobile ก็สามารถปรับสูงสุดได้ตามภาพด้านบนครับ สำหรับในเวลาเล่นจริง ก็อยู่ในระดับที่พอเล่นได้อยู่ มีเฟรมไม่นิ่งอยู่บ้าง ถ้าอยากเพิ่มความนิ่งขึ้น ก็อาจจะต้องปรับระดับกราฟิกลงมาอยู่ในระดับ Balanced หรือ Smooth จะชัวร์กว่า
ปิดท้ายด้วย Genshin Impact ที่แน่นอนครับว่าต้องปรับกราฟิกไปที่ระดับต่ำสุด ผลที่ได้คือก็ยังมีเฟรมกระตุกอยู่เป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะระหว่างการแพนมุมกล้อง ซึ่งอาจจะทำให้เล่นได้ไม่ค่อยไหลลื่นเท่าไหร่
สรุปปิดท้ายรีวิว Samsung Galaxy M12
Samsung Galaxy M12 เป็นมือถือราคาคุ้ม ๆ อีกหนึ่งรุ่นของ Samsung ที่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในด้านของหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ แบตอึดใช้ได้ยาวนาน รวมถึงความมั่นใจของผู้ใช้งาน ว่าเมื่อซื้อมาแล้วจะได้รับการสนับสนุนทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในไทยในระหว่างการใช้งาน รวมถึงยังรองรับการใช้งานแอปสำคัญต่าง ๆ เช่น แอปสายธนาคาร แอปที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานบริการของภาครัฐ เช่น แอปเป๋าตัง ซึ่งทั้งหมดนี้ Samsung Galaxy M12 ทำได้ดีมาก ๆ ในราคา 4,799 บาท
ในแง่ของประสิทธิภาพ ก็ต้องบอกว่า M12 สามารถรองรับการใช้งานสมาร์ตโฟนในระดับพื้นฐานได้ค่อนข้างครอบคลุม สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลด้วย MicroSD ได้ จะใช้หูฟัง small talk แบบใช้สายก็ไม่มีปัญหา ส่วนในการเล่นเกมนั้น ด้วยข้อจำกัดในด้านประสิทธิภาพกราฟิก จึงทำให้มันค่อนข้างเหมาะกับการเล่นเกมเบา ๆ ที่กราฟิกไม่สูงมาก หรือถ้าจะเล่นเกมยอดนิยมอย่างพวก RoV กับ PUBG Mobile ก็คงต้องปรับกราฟิกลงมาในระดับต่ำสุด เพื่อความลื่นไหลในการเล่นที่ดีที่สุด