Samsung ได้ทำการพัฒนา Galaxy A Series บนแนวคิดที่ว่า ทุกคนควรมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุดของนวัตกรรมของ Samsung เพราะฉะนั้นฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ Galaxy A Series จึงเป็นการนำประสบการณ์เรือธงที่ดีที่สุดในสมาร์ทโฟนระดับเดียวกันให้เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลินกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ทำให้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้นกว่าเดิม
เจาะลึกกล้อง Samsung Galaxy A Series 2022 มีอะไรที่เหนือกว่า?
สมาร์ทโฟน Galaxy A Series รุ่นใหม่ในปี 2022 ประกอบไปด้วย Samsung Galaxy A73, Galaxy 53 และ Galaxy 33 5G มีระบบกล้องสี่ตัวอันทรงพลัง รวมทั้งกล้องกันสั่น OIS ความละเอียดสูงพร้อมเทคโนโลยี VDIS ช่วยให้สามารถถ่ายภาพได้คมชัดและได้ภาพที่นิ่งขึ้น ไร้ซึ่งการสั่นไหว
นอกจากนี้ยังมีการใช้ AI engine ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทำให้การถ่ายภาพอย่างมืออาชีพเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าที่เคย แม้สำหรับผู้ที่เป็นมือใหม่ในการถ่ายภาพ โดย AI engine จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการถ่ายภาพดังนี้
- การวิเคราะห์สิ่งที่อยู่ในเฟรมภาพ แบบเรียลไทม์และแนะนำการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- การระบุใบหน้าในภาพ และแบ่งส่วนใบหน้าออกจากรายละเอียดอื่นๆ ในฉาก ทำให้การถ่ายภาพ Portrait แม่นยำยิ่งขึ้น
- ช่วยในการเพิ่มรายละเอียด ปรับปรุงคุณภาพของภาพ และสามารถลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากเฟรม
ฟีเจอร์เด่นของกล้อง Samsung Galaxy A Series 2022
สมาร์ทโฟน Galaxy A series มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า AI Scene Optimizer ที่เป็นการใช้ AI เพื่อตรวจจับสิ่งที่อยู่ในเฟรมโดยอัตโนมัติและปรับการตั้งค่าภาพตามนั้น ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพออกมาได้สวยงาม และสามารถเลือกใช้โหมดต่าง ๆ จาก Scene Optimizer ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแต่การปรับค่าแสง, คอนทราสต์, ไวท์บาลานซ์ และอื่นๆ เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์แบบในทุกสถานการณ์
ในปีนี้ สมาร์ทโฟน Galaxy A series ได้เปิดตัว Night mode แบบใหม่ ซึ่งจะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่ออุปกรณ์ตรวจพบว่าถูกใช้งานอยู่ในที่มืด (โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 80 ลักซ์) – โดยฟีเจอร์นี้รองรับทั้งใน Galaxy A73 5G และ A53 5G
หรือจะเป็นฟีเจอร์อย่าง AI Document Segmentation ก็ทำให้การสแกนเอกสารรวดเร็ว ง่ายดาย และแม่นยำด้วย AI ที่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างเอกสารที่สแกน กับพื้นหลังได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเอกสารจะไม่อยู่ในแนวราบก็ตาม ทำให้สามารถได้การสแกนที่สมบูรณ์แบบทุกครั้ง
Single Take หนึ่งในฟีเจอร์ที่ถูกยกมาจากสมาร์ทโฟนซีรี่ส์เรือธงอย่าง Galaxy S Series โหมดนี้จะสามารถบันทึกทั้งวิดีโอและภาพถ่ายของช่วงเวลาที่ดีที่สุดในสไตล์และมุมที่หลากหลายได้ เพียงแค่แตะชัตเตอร์เพียงครั้งเดียว
หลักการทำงานของ Single Take จะใช้ AI ในการเก็บข้อมูลสิ่งที่เกิดขึ้นในฉาก โดยระบุช่วงเวลาพีคและทริกเกอร์การเคลื่อนไหว พร้อมจับภาพและวิดีโอคลิปที่ดีที่สุดได้ในทันที จากนั้นสามารถปรับแต่ง หรือเลือกเนื้อหาที่แชร์ได้ เช่น ภาพถ่ายขาวดำ และบูมเมอแรงสำหรับโซเชียลมีเดีย
เมื่อผู้ใช้กดบันทึก สมาร์ทโฟน Galaxy A series จะจับภาพวิดีโอได้นานถึง 10 วินาที ส่งผลให้มีภาพถ่ายมากถึง 7 ภาพและคลิปวิดีโอ 3 คลิปให้เลือก
โหมด Auto Framing ในสมาร์ทโฟน Galaxy A series สามารถระบุ และตรวจจับผู้คนในเฟรมเมื่อใช้เลนส์ Ultra-Wide ด้านหลัง หรือในการใช้กล้องหน้า กล้องจะปรับการแสดงตัวอย่างภาพให้พอดีกับทุกคนในกลุ่มโดยอัตโนมัติ (รองรับคนในเฟรมสูงสุด 5 คน)
โหมด Portrait จะเบลอพื้นหลังของภาพเพื่อให้กล้องสามารถโฟกัสที่วัตถุ จับภาพรายละเอียดของใบหน้า และทำให้ภาพถ่ายบุคคลดูมีชีวิตชีวา ด้วยเอฟเฟกต์โบเก้และเลนส์คู่ที่สามารถทำให้ สมาร์ทโฟน Galaxy A series สามารถทำให้ภาพถ่าย Portrait โดดเด่นได้
การมี AI เข้ามาช่วยในการประมวลผลภาพถ่ายบุคคล จะใช้ในการคาดคะเนความลึกเพื่อแบ่งสัดส่วนภาพอย่างแม่นยำ ทำให้มั่นใจได้ว่าตัวแบบจะมีความโดดเด่นมากที่สุด ในขณะที่พื้นหลังเบลอได้อย่างเป็นธรรมชาติ และมีการใช้เทคโนโลยี Stereo Depth ในการวัดระยะห่างระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ในภาพ เช่น ตัวแบบของภาพถ่ายและฉากหลัง
นอกจากนี้ ยังมีการใช้ AI engine ที่ช่วยให้กล้องหน้าเซลฟี่ ทำงานในโหมด Portrait ได้เช่นกัน โดย AI Engine ที่ได้รับการปรับปรุงนี้ช่วยให้ทั้งการจำแนกตัวแบบ และการปรับแต่งภาพในแบบ Beauty Mode ไปพร้อม ๆ กัน เพื่อช่วยลดการใช้หน่วยความจำ และปริมาณการประมวลผลข้อมูลในขณะถ่ายภาพ
ในกระบวนการ Post-Process หรือการแต่งภาพหลังถ่ายรูป ยังมีเอฟเฟกต์การจัดแสงและการแก้ไขมากมายที่พร้อมให้ผู้ใช้ปรับแต่งภาพจนกว่าจะได้ภาพถ่ายที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น เอฟเฟกต์ Studio และ Backdrop โดย AI สามารถเรียนรู้การตั้งค่าแสงที่ดีที่สุด และด้วยฟีเจอร์ 360 Relighting ยังสามารถควบคุมทิศทางและความเข้มของแสงในภาพหลังจากที่ถ่ายภาพไปแล้วได้อีกด้วย
ฟีเจอร์ Detail Enhancer (เฉพาะ Galaxy A73 5G) ช่วยให้เพิ่มรายละเอียดลงในรูปภาพความละเอียดสูงได้ โดยเมื่อเปิดใช้งานโหมด Detail Enhancer จะมีการปรับใช้ AI ไปช่วยในการประมวลผลสัญญาณภาพ (ISP) แทนการประมวลผลภาพแบบปกติ
หรือจะเป็นฟีเจอร์อย่าง Remaster Picture ที่สามารถตรวจจับความผิดพลาดในการถ่ายภาพที่มีแสงน้อยหรือคุณภาพต่ำได้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังสามารถรีทัชภาพให้โดยอัตโนมัติเช่นเดียวกัน
ฟีเจอร์อื่น ๆ ของ Galaxy A Series ที่มีการใช้ AI และ NPU เข้ามาช่วยในการประมวลผล
AI Upscaler: ในการดาวน์โหลดรูปมาจาก Social Media มักจะได้ภาพความละเอียดต่ำ หรือบ่อยครั้งที่รูปภาพจากโซเชียลมีเดียมีความละเอียดน้อยจนเกินไป แต่ใน Gallery App ในสมาร์ทโฟน Galaxy A series มีการใช้ AI เพื่อขยายรูปภาพได้สูงสุดถึงสี่เท่า ทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง ทำให้ได้ภาพที่คมชัดมากขึ้น
AI HDR: ในการปรับแต่งภาพถ่ายย้อนแสงที่อาจดูเปิดรับแสงมากเกินไปหรือเปิดรับแสงน้อยเกินไป สมาร์ทโฟน Galaxy A series จะรักษาความสว่างของภาพต้นฉบับและรีทัชส่วนที่เปิดรับแสงน้อยเกินไปเพื่อคืนค่าสีดั้งเดิมให้กับภาพ
AI Deblur: สิ่งนี้จะตรวจจับวัตถุที่เคลื่อนไหวหรือความเบลอที่เกิดจากมือที่สั่นไหวโดยอัตโนมัติ และปรับปรุงความชัดเจนของภาพ
AI DeMoire: สามารถลบลายมัวเรที่มักเกิดจากการถ่ายภาพหน้าจอ Monitor หรือหน้าจอโทรทัศน์ได้
AI สามารถตรวจจับสีผิว สี รูปแบบสัญญาณรบกวน และอื่นๆ รวมทั้งยังสามารถ ขจัดสัญญาณรบกวนและฟื้นฟูภาพได้
Object Eraser ครั้งแรกใน Galaxy A Series
ในกรณีที่ถ่ายรูปติดคนที่ไม่รู้จัก ทำให้รูปที่ถ่ายออกมาดูไม่สมบูรณ์ ก็มีฟีเจอร์ Object Eraser ที่สามารถลบวัตถุที่ไม่ต้องการในรูปภาพได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว ฟีเจอร์นี้สามารถใช้ได้บน Galaxy A33 5G, A53 5G และ A73 5G ถือเป็น Galaxy A Series รุ่นแรก ๆ ที่มีฟีเจอร์ Object Eraser
หลักการทำงานของ Object Eraser จะใช้ AI ในอุปกรณ์เพื่อลบวัตถุออกจากภาพถ่าย และทำให้แน่ใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติและไร้ร่องรอยการลบโดยการกู้คืนส่วนที่ลบไปแล้วเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ที่สำคัญคือ AI บนอุปกรณ์ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ (ใช้ได้โดยที่ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต) เพื่อสร้างการประมวลผลที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โดย Samsung ได้ทำการเทรน AI engine ของ Galaxy A series ด้วยการทดสอบกับภาพนับล้าน โดยใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การแบ่งสัดส่วนและวิธีการในการวาดภาพ เพื่อให้มั่นใจถึงความแม่นยำของระบบ และด้วยวิธีการ in-painting เราเทรน AI ด้วยรูปภาพเดียวกันในหลายเวอร์ชัน โดยนำวัตถุที่ต่างกันออกจากแต่ละภาพ เนื่องจาก AI ไม่รู้ว่าภาพต้นฉบับเป็นอย่างไร AI จึงกู้คืนส่วนที่ลบไปของแต่ละภาพซ้ำๆ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น 24hr time lapse: ฟีเจอร์นี้ได้สร้างไทม์แลปส์แบบวันต่อคืนโดยใช้ภาพเพียงภาพเดียว AI จะสร้างภาพหกภาพพร้อมการปรับแสงในช่วงเวลาต่างๆ ของวัน—ตั้งแต่ตอนเช้า ตอนเย็น พระอาทิตย์ตก ชั่วโมงสีน้ำเงิน กลางคืน และรุ่งอรุณ จากนั้นจะรวมภาพเหล่านี้ไว้ในวิดีโอเหลื่อมเวลาสั้นๆ โดยผสมผสานแสงจากกลางวันเป็นกลางคืนได้อย่างลงตัว เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของท้องฟ้า น้ำ ต้นไม้ และอาคารในภาพวิวทิวทัศน์ การเหลื่อมเวลา 24 ชั่วโมงใช้ Cyclic Generative Adversarial Network (GAN) ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กของแมชชีนเลิร์นนิงที่ได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับสไตล์และเอฟเฟกต์การถ่ายภาพที่หลากหลาย และส่งผลกับการคืนค่าขอบและฟีเจอร์อย่างเป็นธรรมชาติ
ภาพรวมสำหรับกล้อง Samsung Galaxy A Series รุ่นใหม่ นอกจากการใส่ฮาร์ดแวร์กล้องที่คุณภาพสูง มีกันสั่น OIS + VDIS ซึ่งก็เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้สเปคกล้องของสมาร์ทโฟนซีรี่ส์นี้เหนือกว่าคู่แข่งบางรุ่น แต่ถ้าจะให้สรุปจากงาน MX Roundtable on A series Camera เนื้อหาหลักที่เน้นจะโฟกัสไปที่ฟีเจอร์ต่าง ๆ ของกล้อง จากการที่มี AI engine เข้ามาช่วยในการประมวลผลภาพถ่าย ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ขั้นพื้นฐานอย่าง AI Scene Optimizer ไปจนถึงการลบวัตถุได้อย่างแม่นยำด้วย AI Object Eraser คือไปเน้นที่ประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้ ให้รู้สึกว่ากล้องของ Galaxy A Series นั้นใช้งานง่าย ถ่ายออกมาสวย ไม่จำเป็นต้องถ่ายรูปเก่ง ก็สามารถถ่ายรูปด้วย Galaxy A Series ออกมาได้อย่างสวยงาม