เป็นที่รู้กันดีว่า Samsung นั้นเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการโทรศัพท์ โดยในแต่ละปีก็ได้ผลิตโทรศัพท์ออกมามากมายมีหลายรุ่นหลายซีรีส์ แต่ซีรีส์ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในตอนนี้นั้นก็คือ Galaxy J7 โดยตระกูลนี้จะถูกวางระดับไว้รองลงมาจากตระกูล Galaxy A ในเรื่องของการใช้วัสดุและสเปคบางอย่าง มีจุดเด่นในเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 5.5 นิ้ว มีแบตเตอรี่ที่ทนทาน จึงเป็นอีกรุ่นที่ขายดีมากในไทย
แต่ว่าถ้าเราดูดี ๆ เห็นว่า Galaxy J7 นั้นไม่ได้มีแค่รุ่นเดียว ยังมีรุ่นย่อยออกมาอีกตั้งหลายรุ่นมีสเปกและวัสดุงานประกอบที่แตกต่างกันไป เชื่อว่าหลายคนคงลังเลเลือกกันไม่ได้ใช้ไหม เราจะมาแยกรุ่นกันดีกว่าว่า Galaxy J7 รุ่นไหนเหมาะกับการใช้งานของแต่ละคน
Samsung Galaxy J7 2016
เป็น Galaxy J 7 รุ่นที่ 2 หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างมากกับรุ่นแรก โดยมีจุดเด่นในเรื่องของการใช้กรอบตัวเครื่องเป็นโลหะ ทำให้ดูมีความแข็งแรงมากกว่ารุ่นแรก เป็นรุ่นที่สเปคใกล้เคียงกับ Galaxy J7 Core แต่จะเหมาะกับคนที่ต้องการงานประกอบและวัสดุตัวเครื่องที่ดีกว่า
สเปค Samsung Galaxy J7 2016
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD 720p
- ชิปประมวลผล Exynos 7870 Octa-core 1.6GHz
- ชิปกราฟิก Mali-T830MP2
- แรม 2GB
- รอม 16GB
- รองรับ Micro-SD สูงสุด 256GB
- แบตเตอรี่ 3300 mAh
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล f/1.9
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล f/1.9
- รองรับ 2 ซิม
Samsung Galaxy J7 Prime
Galaxy J7 Prime ถือว่าเป็น Galaxy J7 2016 รุ่นตีบวกสเปคขึ้นมาอีกนิดหน่อยโดยเปิดตัวตามมาในเวลาไล่เลียกันกับ Galaxy J 7 2016 หลัก ๆ ก็จะมีการเปลี่ยน Body ตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งหมด เพิ่ม RAM กับความละเอียดของกล้องหน้า และมีที่สแกนลายนิ้วมือ
สเปค Samsung Galaxy J 7 Prime
- หน้าจอ TFT ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full-HD 1080p
- ชิปประมวลผล Exynos 7870 Octa-core 1.6GHz
- ชิปกราฟิก Mali-T830MP2
- แรม 3GB
- รอม 32GB
- รองรับ Micro-SD สูงสุด 256GB (รุ่นนี้แถมฟรี Micro-SD 32GB)
- แบตเตอรี่ 3300 mAh
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล f/1.9
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล f/1.9
- รองรับ 2 ซิม
- รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
Samsung Galaxy J7 Core
Galaxy J7 Core เป็นรุ่นเริ่มต้นของตระกูล J7 ที่มีราคาถูกที่สุด มีจุดเด่นในเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใหญ่ แต่วัสดุตัวเครื่องทำมาจากพลาสติกขอบเครื่องเป็นโครเมียม การใช้งานทั่วไปถือว่าสามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
สเปค Samsung Galaxy J7 Core
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD 720p
- ชิปประมวลผล Exynos 7870 Octa-core 1.6GHz
- ชิปกราฟิก Mali-T830MP2
- แรม 2GB
- รอม 16GB
- รองรับ Micro-SD สูงสุด 256GB
- แบตเตอรี่ 3000 mAh
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล f/1.9
- รองรับ 2 ซิม
Samsung Galaxy J7 Pro
เป็นรุ่น TOP สุดในตระกูล J7 ที่มีขายในประเทศไทย มีจุดเด่นในเรื่องของการออกแบบที่เหมือนกับเรือธงของค่ายอย่าง Galaxy S กล้องหน้าความละเอียดสูง กล้องหลัง f/1.7 สามารถถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้ดี แบตเตอรี่ขนาด 3600 mAh ถือว่าเป็นรุ่นที่สเปคดีที่สุดในตระกูล J7
สเปค Samsung Galaxy J7 Pro
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080p
- ชิปประมวลผล Exynos 7870 Octa-core 1.6GHz
- ชิปกราฟิก Mali-T830 MP2
- แรม 3 GB
- รอม 32 GB
- รองรับ Micro-SD สูงสุด 256GB
- แบตเตอรี่ 3600 mAh
- กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล f/1.7
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล f/1.9
- รองรับ 2 ซิม
สรุป
ราคาอ้างอิงจาก s-estore
จากตารางด้านบนถ้าดูสเปคและราคาก็พอจะมีความแตกต่างอยู่บ้าง ตามระดับราคาของแต่ละรุ่นโดยจะขอสรุปเป็นรุ่น ๆ ไปดังนี้
- Galaxy J7 Core เหมาะกับคนที่ต้องการโทรศัพท์จอใหญ่ ไม่ซีเรียสในเรื่องของวัสดุงานประกอบที่เป็นพลาสติก
- Galaxy J7 2016 เหมาะกับคนที่ต้องการความแข็งแรงทนทานของตัวเครื่องขึ้นมาอีกระดับ ใช้กรอบตัวเครื่องเป็นโลหะ
- Galaxy J7 Prime เหมาะกับคนที่อยากได้โทรศัพท์วัสดุดี ๆ สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ แต่สีจอรุ่นนี้จะสู้รุ่นอื่นไม่ได้เพราะเป็นจอเป็น TFT ไม่ใช่ AMOLED
- Galaxy J7 Pro เหมาะกับคนที่ชอบวัสดุงานประกอบที่ดี ชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว เพราะกล้องหลังมี f/1.7 สามารถถ่ายในที่แสงน้อยได้ดี
โดยส่วนตัวตัวคิดว่ารุ่นที่น่าซื้อจะมีอยู่ 2 รุ่นก็คือ Galaxy J7 Core สำหรับคนที่ต้องการเน้นด้านราคาที่ถูก กับ Galaxy J7 Pro ที่เน้นการจัดเต็มด้านการใช้งาน เพราะว่าทั้ง 2 รุ่นนี้ออกว่าจำหน่ายมาไม่นาน ต่างกับ Galaxy J7 2016 ที่เปิดตัวมานานพอสมควร ส่วน Galaxy J7 Prime นั้นมีสเปคที่ดีก็จริงแต่หน้าจอที่เป็นแบบ TFT นั้นสู้รุ่นอื่น ๆ ไม่ได้เลยในเรื่องของมุมมองหน้าจอ และในราคาที่ต่างกันแค่ 1,000 บาท Galaxy J7 Pro ดูจะคุ้มค่ามากกว่า