สำหรับมือถือ Samsung ในปี 2025 ต้องบอกว่ามีการเปิดตัวรุ่นใหม่ ๆ มาค่อนข้างครบไลน์แล้ว โดยเฉพาะซีรีส์ Galaxy A ที่เปิดตัวและวางขายรุ่นลงท้ายด้วยเลข 6 ในไทยมาหลายรุ่นแล้ว ในบทความนี้เราจะมาแนะนำรุ่นที่ใช้งานง่าย ตอบโจทย์การใช้งานหลายด้าน โดยแบ่งเป็นช่วงงบ 5,000 / 10,000 / 15,000 และ 20,000 บาท ครอบคลุมตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นมาจนถึงรุ่นที่สเปคกำลังดี ใช้งานได้หลากหลายโดยที่ยังไม่จำเป็นต้องรุ่นท็อป ซึ่งน่าจะเหมาะกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
งบ 5,000 บาท – Samsung Galaxy A16 5G
เริ่มต้นที่งบ 5,000 บาทด้วย Samsung Galaxy A16 5G รุ่นแรม 4GB พื้นที่เก็บข้อมูล 128GB ที่จะเป็นรุ่นขยับขึ้นมาจากรุ่นเริ่มต้นสุดอย่าง A06 เล็กน้อย โดยที่ราคาบวกขึ้นมาแค่หลักร้อย แต่ได้สเปคหลายจุดที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาทิ หน้าจอชัดขึ้น กล้องมีเลนส์อัลตร้าไวด์ให้ใช้ เป็นต้น สำหรับสเปคที่ได้ก็จะค่อนข้างจัดว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน โดยจะได้เป็นชิป Dimensity 6300 ที่มี 8 คอร์ หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.7″ ความละเอียดระดับ FHD+ รีเฟรชเรต 90Hz รองรับการเชื่อมต่อ 5G กล้องหลังให้มา 3 เลนส์ ได้แก่กล้องหลัก 50MP กล้องอัลตร้าไวด์ 5MP และเลนส์มาโคร 2MP ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมือถือในช่วงราคานี้หลายรุ่นมักจะไม่มีเลนส์อัลตร้าไวด์มาให้ ส่วนแบตเตอรี่ก็ให้มา 5000 mAh รองรับการชาร์จเร็วสุดที่ระดับ 25W
ในด้านของระบบก็จะรองรับการอัปเกรด OS ได้ถึง 6 รุ่น และแพตช์ความปลอดภัยได้นานถึง 6 ปีเช่นกัน ทำให้น่าจะใช้งานไปได้ยาว ๆ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Auto Blocker ที่จะช่วยปกป้องอันตรายจากเหล่ามิจฉาชีพในขั้นต้นด้วย จะมีจุดที่เป็นข้อสังเกตนิดนึงคือจะได้แรม 4GB เท่านั้น ซึ่งอาจจะตึง ๆ นิดนึงหากต้องการใช้งานไปอีกซัก 3-4 ปีเป็นขั้นต่ำ หรือใช้งานจนไม่สามารถอัปเกรด OS ได้ ส่วนถ้าต้องการรุ่นแรมสูงกว่านี้ก็จะมี Samsung Galaxy A16 5G รุ่น 8/256GB ให้เลือกในราคา 6,999 บาท ส่วนถ้าไม่จำเป็นต้องใช้ 5G ก็จะมีรุ่น 4G 8/256GB ที่วางขายในราคา 6,499 บาทอยู่
ข้อมูลเพิ่มเติม / รีวิว Samsung Galaxy A16 5G
งบ 10,000 บาท – Samsung Galaxy A26 5G
สำหรับมือถือ Samsung งบ 10,000 บาทก็จะมี Samsung Galaxy A26 5G ที่มีการอัปเกรดขึ้นมาจาก A16 ในหลายจุด โดยดีไซน์ตัวเครื่องจะใกล้เคียงกัน แต่บริเวณกล้องหลังจะมีกรอบล้อมเพื่อสร้างความแตกต่างจาก A16 หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.7″ FHD+ รีเฟรชเรตขยับเพิ่มมาเป็น 120Hz ส่วนชิปเซ็ตจะเปลี่ยนไปใช้ Exynos 1380 แทน ทำงานร่วมกับแรม 8GB พื้นที่เก็บข้อมูล 256GB ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้งานทั่วไปได้อย่างคล่องตัว กล้องหลังก็จะเพิ่มความละเอียดของเลนส์อัลตร้าไวด์เป็น 8MP ทำให้ภาพที่ได้มีความคมชัดขึ้น กล้องหลักมีระบบกันสั่น แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 25W กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 ซึ่งสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบาย พอจะตากฝนพรำ ๆ ได้ในระดับหนึ่ง กระจกหน้าและหลังใช้เป็น Gorilla Glass Victus+ ที่ทำให้อุ่นใจยิ่งขึ้นในเรื่องของความแข็งแกร่ง ทนทาน
มาพร้อม Android 15 ที่รองรับการอัปเกรด OS ได้ถึง 6 เวอร์ชัน และอัปเดตแพตช์ความปลอดภัยได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2031 ที่สำคัญคือรองรับ Galaxy AI ซึ่งก็จะมีฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้เลือกใช้ อาทิ Circle to Search สำหรับใช้ค้นหาข้อมูลสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ Object Eraser สำหรับช่วยลบสิ่งที่ไม่ต้องการในภาพถ่าย เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้งานเครื่องได้สนุกยิ่งขึ้น
งบ 15,000 บาท – Samsung Galaxy A56 5G
มือถือ Samsung งบ 15,000 จะมีตัวของ Samsung Galaxy A56 5G ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของซีรีส์ Galaxy A ในขณะนี้ แต่ถ้าเทียบสเปคกับ A26 5G ก็จะดูเหมือนว่ามีบางจุดที่อาจมองว่าเป็นการอัปเกรดที่ไม่ห่างกันมากนัก เช่นหน้าจอ ตามสเปคก็จะยังเป็น Super AMOLED ขนาด 6.7″ FHD+ 120Hz แรม 8GB เท่ากัน จะมีส่วนที่เปลี่ยนไปก็คือชิปเซ็ตที่ขยับขึ้นมาใช้ Exynos 1580 ที่ประสิทธิภาพสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด กล้องหลังก็มีเลนส์อัลตร้าไวด์ที่เพิ่มความละเอียดขึ้นมาเป็น 12MP และระบบชาร์จเร็วจะรองรับที่กำลังไฟสูงสุด 45W ทำให้สามารถชาร์จได้ไวทันใจ มี Galaxy AI ให้ใช้งาน รวมถึงยังรองรับการอัปเกรด Android ได้ถึง 6 เวอร์ชันด้วย เรียกว่าสามารถใช้ไปยาว ๆ ได้ถึงปี 2031 เลย
แต่จุดที่อาจจะมีส่วนเสริมในการตัดสินใจ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางต่างประเทศบ่อย ๆ หรืออาจต้องสลับใช้หลายเบอร์ ก็คือ Samsung Galaxy A56 5G รองรับการใช้ eSIM ด้วย โดยอาจจะใช้งานสองซิมพร้อมกันในรูปแบบ ซิมการ์ด 2 ใบ / ซิมการ์ด + eSIM หรือจะเป็น eSIM ทั้งสองเบอร์พร้อมกันเลยก็ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกได้มากทีเดียว เพราะจะสามารถเลือกเปิดใช้งาน eSIM เบอร์ที่ต้องการในแต่ละสถานการณ์ แต่ละสถานที่ได้ง่ายมาก ไม่ต้องคอยถอดถาดใส่ซิมเพื่อเปลี่ยนซิมการ์ดและเสี่ยงซิมหล่นหาย นอกจากนี้ยังรองรับ Wi-Fi 6 (802.11ax) ด้วย ทำให้เรื่องของการเชื่อมต่อจะค่อนข้างครบเครื่องดีทีเดียว สำหรับราคาก็จะเริ่มที่ 13,999 บาทในรุ่นความจุ 128GB และ 15,999 บาทในรุ่น 256GB ซึ่งส่วนตัวมองว่าถ้ามีงบ 15,000 ก็แนะนำให้เพิ่มงบอีกซักพันไปเลือกรุ่น 256GB เลยจะอุ่นใจกว่า
งบ 20,000 บาท – Samsung Galaxy S24 FE
ปิดท้ายที่งบ 20,000 บาท มือถือ Samsung รุ่นที่จะแนะนำในบทความนี้ก็คือ Samsung Galaxy S24 FE ที่จัดอยู่ในกลุ่มรุ่นรองของซีรีส์เรือธง ซึ่งตอนนี้จะถูกวางไว้จับกลุ่มเครื่องราคาไม่เกิน 20,000 บาท แตได้สเปคหลายส่วนที่ใกล้เคียงรุ่นสูง ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต Exynos 2400e ที่ยังมีประสิทธิภาพในระดับสามารถใช้งานได้ดี แรม 8GB พื้นที่เก็บข้อมูล 128GB แต่ถ้าต้องการรุ่น 256GB ราคาก็จะอยู่ที่ 20,900 บาท ซึ่งจัดว่าน่าสนใจมากหากต้องการมือถือ Samsung ในราคา 20,000 แบบมีบวกเพิ่มได้ซักพันนึง หน้าจอจะเป็นแบบ Dynamic AMOLED 2X แบบเดียวกับในรุ่นท็อป ขนาด 6.7″ FHD+ 120Hz ความสว่างสูงสุดถึง 1900 nits ด้านของซอฟต์แวร์ก็แน่นอนว่ารองรับ Galaxy AI มีฟังก์ชันช่วยเสริมการใช้งานมากมาย เช่น ระบบช่วยแปลสด ช่วยสรุปเนื้อหา ไปจนถึงการช่วยแต่งภาพด้วย
กล้องหลังจะได้มาเป็นชุดกล้องหลัก 50MP + อัลตร้าไวด์ 12MP + เลนส์เทเล 8MP สามารถซูมแบบออปติคอลได้สูงสุด 3 เท่า และยังมี ProVisual Engine ที่ใช้ AI ช่วยในการประมวลผลภาพอีกด้วย เรียกว่าถ้าต้องการกล้องที่ใช้งานทั่วไปได้ ถ่ายทั้งกลางวัน กลางคืนเพื่อลงโซเชียล Galaxy S24 FE สามารถตอบโจทย์ได้สบาย แบตเตอรี่ให้มา 4700 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 25W และการชาร์จไร้สายได้สูงสุด 15W
ข้อมูลเพิ่มเติม / รีวิว Samsung Galaxy S24 FE
และสำหรับใครที่กำลังสนใจจะซื้อมือถือจาก Samsung รุ่นปี 2025 อยู่ โดยเฉพาะถ้าหากกำลังจะตัดสินใจเลือกซักรุ่นจาก Galaxy A26, A36 และ A56 สามารถเข้าไปดูบทความเปรียบเทียบสเปคแบบละเอียดกันได้ที่นี่เลย
