Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Phone Review»รีวิว Infinix Zero 5G 2023 มือถือสเปคเกมมิ่งรุ่นอัพเกรด ได้ชิปใหม่ Dimensity 1080 ความจุมากขึ้นเป็น 256GB กล้องดีขึ้น ในราคาแค่ 9,499 บาท
    Phone Review

    รีวิว Infinix Zero 5G 2023 มือถือสเปคเกมมิ่งรุ่นอัพเกรด ได้ชิปใหม่ Dimensity 1080 ความจุมากขึ้นเป็น 256GB กล้องดีขึ้น ในราคาแค่ 9,499 บาท

    ACHI-SPBy ACHI-SP28 ธันวาคม 2022Updated:29 ธันวาคม 2022
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email
    Infinix Zero 5G 2023

    Infinix Zero 5G 2023 มือถือสเปคเกมมิ่งตัวใหม่ล่าสุดของ Infinix ที่เอา Infinix Zero 5G ตัวเดิมมาอัพเกรดใหม่ให้ดียิ่งขึ้น เปลี่ยนชิปเป็นตัวใหม่ Dimensity 1080 เพิ่มความจุเป็น 256GB อัพเกรดเซ็นเซอร์กล้องใหม่เป็นกล้อง 50MP ซึ่งนับว่าเป็นการอัพเกรดที่น่าสนใจมากสำหรับมือถือที่ขายในราคาไม่ถึงหมื่น โดย Infinix Zero 5G 2023 นั้นจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สีคือ PEARLY WHITE / CORAL ORANGE / SUBMARINER BLACK ซึ่งที่ทาง Specphone ได้มาคือสี CORAL ORANGE นั่นเอง

    • สเปค
    • ดีไซน์ตัวเครื่อง
    • ระบบปฏิบัติการ
    • การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
    • การเล่นเกม
    • การถ่ายภาพ
    • สรุปการรีวิว

    สเปคของ Infinix Zero 5G 2023

    • หน้าจอ : LTPS IPS-LCD, ขนาด 6.78 นิ้ว, ความละเอียด 2460 x 1080 พิกเซล (Full-HD+), Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate 240Hz
    • ชิปประมวลผล : MediaTek Dimensity 1080
    • แรม : 8GB + 5GB Extended RAM
    • ความจุ : 256GB รองรับ MicroSD สูงสุด 256GB
    • กล้องหลัง :
      • ตัวที่ 1 : 50MP, f/1.6, AF (wide)
      • ตัวที่ 2 : 2MP, f/2.4 (macro)
      • ตัวที่ 3 : 2MP, f/2.4 (depth)
    • กล้องหน้า : 16MP, f/2.0 (wide)
    • แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 33W Super Fast Charge
    • ระบบปฏิบัติการ : Android 12 ครอบทับด้วย XOS 12
    • การเชื่อมต่อ :
      • 5G NR (Sub-6GHz)
      • Wi-Fi 6
      • Bluetooth 5.2
      • GPS
      • USB Type-C / USB OTG
      • ช่องหูฟังขนาด 3.5 มม.
    • เซ็นเซอร์ :
      • FINGERPRINT (ด้านข้างตัวเครื่อง)
      • PROXIMITY SENSOR
      • LIGHT SENSOR
      • GYROSCOPE
      • E-COMPASS
      • G-SENSOR
    • ขนาด : 168.73 x 76.53 x 8.9 มม.
    • น้ำหนัก : 201 กรัม
    • สี : PEARLY WHITE / CORAL ORANGE / SUBMARINER BLACK
    • ราคา : 9,499 บาท

    หน้าสเปคเต็ม


    ดีไซน์ตัวเครื่อง

    Infinix Zero 5G 2023 นั้นมาพร้อมหน้าจอแบบ 2.5D Curved ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ที่เป็นพาแนล IPS มีความละเอียดระดับ Full-HD+ และมีอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz (ปรับได้แค่ 60Hz/120Hz/อันโนมัติ) และมีกล้องหน้าจอแบบ Punch hole อยู่ตรงกลางความละเอียด 16MP ซึ่งการที่เป็นหน้าจอแบบ IPS นั้นส่งผลให้ตัวเครื่องมีขอบหน้าจออยู่ประมาณหนึ่ง

    ที่ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นจะมาด้วยดีไซน์แบบ Unibody ซึ่งในสี CORALO ORANGE นั้นจะมีฝาหลังที่ให้ผิวสัมผัสเหมือนหนัง ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับตัวเครื่องไม่น้อย ที่มุมเครื่องจะมีโมดูลกล้องซึ่งภายในจะจัดวางเลนส์เรียงเป็นแนวตั้ง และมีไฟแฟลช LED อยู่ข้างๆ สำหรับตัวโมดูลนี้จะมีความนูนขึ้นมาจากหลังเครื่องเล็กน้อย เพียงแต่ด้วยความใส่ใจในความสวยงามจึงได้มีการออกแบบส่วนนูนนี้ให้ดูกลมกลืนไปกับหลังเครื่อง ทำให้ถ้ามองตรงๆ ก็แทบจะไม่เห็นเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีการใส่ชื่อรุ่นไว้ที่ด้านล่างเครื่องอีกด้วย

    สำหรับรอบๆ ตัวเครื่องนั้นที่ด้านบนจะมีรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนและข้อความที่เขียนว่า “Powered by Infinix” อยู่ ปุ่มทั้งหมดจะรวมกันอยู่ที่ฝั่งขวาทั้งปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปิด-ปิด ซึ่งปุ่มเปิด-ปิดนี้จะเป็นที่สแกนลายนิ้วมือด้วยในตัว ส่วนฝั่งซ้ายจะมีถาดใส่ซิมอยู่ ที่ด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องลำโพง, พอร์ต USB Type-C, รูไมโครโฟน และช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. อยู่


    ระบบปฏิบัติการ

    ระบบปฏิบัติการของ Infinix Zero 5G 2023 นั้นเป็นระบบปฏิบัติการ XOS 12 ที่พัฒนาขึ้นมาบนพื้นฐานของ Android 12 มีการดีไซน์หน้า UI ให้เอื้อต่อการใช้งาน โดยเอาแอปฯ ทั้งหมดมาไว้ที่หน้า Home (AppDrawer ยังอยู่นะเออ) รวมถึงยังมีการเอาแอปฯ ที่ใช้งานล่าสุดมาไว้ที่หน้าแรกอีกด้วย เพื่อให้สามารถเรียกใช้ใหม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่อาจจะต้องปรับตัวสำหรับคนที่ไม่เคยใช้มาก่อนก็คือในการปัดเรียกหน้า Control Center และ Notification นั้นจะมีการแยกฝั่งกัน ไม่ได้รวมเหมือนหลายๆ แบรนด์ โดยถ้าปัดฝั่งบนซ้ายจะเป็น Notification ส่วนฝั่งบนขวาจะเป็น Control Center และถ้าใครเบื่อๆ UI เดิมๆ ก็สามารถเข้าไปปรับแต่งหรือดาวน์โหลดมาติดตั้งเพิ่มได้อีกด้วย


    การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ

    ในเรื่องของการใช้งานต่างๆ นั้นในด้านการใช้เล่นโซเชียลหรือการดูหนังนั้นถือว่าทำออกมาได้ดี การไถ่ฟีดมีความลื่นไหล (เมื่อปรับเป็น 120Hz) การดูหนังสตรีมมิ่งเองก็สบายหายห่วงด้วย Widevine ระดับ L1 ทำให้สามารถดูได้แบบเต็มความละเอียด (ดูได้สูงสุดที่ Full HD) ถึงจะน่าเสียดายตรงที่ลำโพงเป็นลำโพงเดี่ยว แต่ในเรื่องระดับความดังก็ทำออกมาได้ดี ถึงจะอยู่ในที่ๆ มีเสียงรบกวนก็ฟังรู้เรื่อง อีกทั้งยังเป็นระบบเสียง Hi-Res ด้วยนะเออ แต่ที่ช่วยได้เยอะคือการที่ตัวเครื่องมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้ ทำให้สามารถหาหูฟังดีๆ จิ้มได้ง่าย แถมยังสามารถใส่หูฟังและชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมๆ กันได้ (ถึงจะไม่ค่อยอยากแนะนำก็ตาม)

    ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นด้วยแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh จากที่ลองเล่นมาถือว่าถึกใช้ได้เลยทีเดียว เพราะขนาดเปิดเกมต่อเนื่องเป็นชั่วโมง แบตเตอรี่ก็ยังเหลือๆ เปิดได้ทั้งวันแถมไม่ร้อนด้วย เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่สุดยอดเลยสำหรับมือถือในเรทราคานี้ สำหรับการชาร์จนั้นตัวเครื่องมาพร้อมระบบชาร์จเร็ว 33W ซึ่งเราเริ่มทดสอบชาร์จตอนแบตเตอรี่หมด (0%) ใน 10 นาทีแรกได้แบตเตอรี่เพิ่มมาเป็น 18% และชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ในเวลาไป 32 นาที เมื่อรวมเวลาชาร์จจาก 0% – 100% จะใช้เวลารวมทั้งหมด 88 นาที หรือ 1 ชั่วโมง 28 นาที ซึ่งถือว่าเป็นเวลาเฉลี่ยของมือถือที่มีระบบชาร์จเร็วแล้ว


    การเล่นเกม

    ในเรื่องของการเล่นเกมนั้นตัวเครื่องมาพร้อมชิปประมวลผล Dimensity 1080 ที่เป็นชิประดับกลางรุ่นใหม่ของ MediaTek ซึ่งจากที่ได้ลองต้องบอกเลยว่าเป็นชิปที่สามารถใช้เล่นได้ทุกเกมจริงๆ (แต่ไม่สามารถปรับสุดได้) แถมยังสามารถจัดการพลังงานและความร้อนได้ดีอีกด้วย ทำให้สามารถเล่นต่อเนื่องได้นานโดยไม่ส่งผลต่อตัวเครื่องมากนัก โดยเกมที่ได้ลองจะมี RoV, Genshin Imapct และ APEX Legend โดยแต่ละเกมสามารถเล่นได้แบบลื่นๆ เลย เพียงแต่ไม่สามารถปรับสุดได้ เนื่องจากจะมีอาการกระตุก แต่ถ้าตั้งค่าต่ำๆ เน้นเอาเฟรมเรท ก็สามารถเล่นแบบลื่นๆ ได้โดยที่ตัวเครื่องไม่ได้ร้อนจนเกินไปด้วย นอกจากนี้ผู้เขียนได้เอาเกมประจำที่เล่นอยู่เพิ่มมาด้วยคือ Senki Zesshō Symphogear XD Unlimited ที่ถึงจะเป็นเกมที่ค่อนข้างเก่า แต่ลักษณะการเล่นเรียกได้ว่าทรมานเครื่องพอสมควร เนื่องจากเวลาหาทรัพยากรต้องเปิดเกมค้างไว้เป็นชั่วโมง ซึ่งจากที่แอดได้ลองนั้นบอกเลยว่ามีอึ้งเล็กน้อย เพราะแบตเตอรี่ที่เสียไปไม่ได้เยอะเท่าที่คิด สามารถเปิดฟาร์มทรัพยากรได้ทั้งวันโดยไม่ต้องปิดเลย แถมไม่มีอาการร้อนเลยสักนิดทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่ในห้องแอร์ ส่วนหนึ่งอาจจะต้องขอบคุณโหมดเกมและ Dar-Link Engine ที่ช่วยจัดการทรัพยากรเครื่องได้เป็นอย่างดี (เอาจริงๆ มีโหมดดับจอรันเกมด้วยนะ แต่แอดไม่ได้ใช้เพราะอยากรู้เรื่องความร้อนที่จะเกิดขึ้น)


    การถ่ายภาพ

    ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้น Infinix Zero 5G 2023 มาพร้อมกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวเป็นกล้องหลักความละเอียด 50MP ส่วนที่เหลือเป็นกล้องมาโครและชัดลึกความละเอียด 2MP ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยได้ใช้สักเท่าไรหรอก แต่มีก็ดีกว่าไม่มี ส่วนกล้องหน้าเป็นกล้องความละเอียด 16MP โดยจากที่ได้ลองถ่ายนั้นต้องบอกเลยว่ามีอึ้งนิดๆ เนื่องจากภาพที่ได้ไม่ว่าจะเป็นสีสันหรือรายละเอียดทำออกมาได้ดี การละลายหลังก็คำนวนออกมาได้ดี ถึงจะมีวืดไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะ แถมยังมีลูกเล่นให้เล่นเพียบ เรียกได้ว่าถ่ายสนุกทีเดียว ถึงจะน่าเสียดายตรงที่ไม่มีกล้อง Ultra-Wide มาให้ก็ตาม สำหรับกล้องหน้านั้นเองก็รับว่าไม่เลวถึงจะมีบางจังหวะที่แสงฉากหลังจะโอเวอร์ไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เอาไปปรับเพิ่มในแอปฯ แต่งรูปนิดเดียวก็ได้แล้ว บอกเลยว่าถึงจะเป็ฯมือถือเกมมิ่งแต่กล้องก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

    ตัวอย่างภาพถ่าย


    สรุปการรีวิว Infinix Zero 5G 2023

    สรุปการรีวิว Infinix Zero 5G 2023 จากการที่ได้เอาไปลองใช้งานมาระยะหนึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นมือถือราคาไม่เกินหมื่นที่ค่อนข้างน่าสนใจ ไม่ว่าจะในด้านการเล่นเกมหรือถ่ายภาพ ถึงจะมีจุดที่น่าเสียดายไปบ้าง แต่ด้วยสเปคที่ให้มาและราคาขายที่ 9,499 บาทแล้วก็ถือว่าอยู่ในจุดที่ไม่ได้เสียเปรียบอะไรมากนัก นอกจากนี้ด้วยการที่เน้นขายแบบออนไลน์เป็นหลักยังช่วยให้สามารถหาซื้อในราคาที่ถูกลงไปอีกได้ด้วย สำหรับคนที่สนใจ Infinix Zero 5G 2023 สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ infinixmobility.com/th และสามารถสั่งซื้อได้แล้วที่ Lazada

    จุดเด่น

    • ดีไซน์โดนเด่นแบบสุดๆ
    • ได้หน้าจอ Full-HD+ 120Hz
    • ชิป Dimensity 1080 รุ่นใหม่ล่าสุด แรงและประหยัดพลังงาน เล่นเกมนานๆ ไม่ค่อยร้อน
    • มาพร้อมความจุ 256GB
    • กล้องหลัง 50MP ถ่ายได้ทุกสภาพแสง
    • มาพร้อมระบบชาร์จเร็ว 33W
    • รองรับ Wi-Fi 6
    • ยังมีช่องหูฟัง 3.5 มม. ให้ใช้อยู่

    ข้อสังเกต

    • หน้าจอ IPS มีขอบจอที่หนาเล็กน้อย
    • ไม่มีกล้อง Ultra-Wide
    • การตัดขอบบางครั้ง AI ก็ตัดกินเข้ามาในตัวแบบ
    • กล้องหน้ามีการเก็บแสงที่ฉากหลังโอเวอร์ (เข้าใจว่าเพื่อให้ตัวแบบสว่างคมชัด)
    • อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W มีขนาดค่อนข้างใหญ่ อาจพกพาลำบากหน่อย
    Infinix Infinix Zero 5G 2023 Review
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    ACHI-SP

    Related Posts

    รีวิว Alldocube iPlay 50 mini และ iPlay 60 Pad Pro แท็บเล็ตตัวคุ้มที่มาขายไทยอย่างเป็นทางการ

    7 พฤษภาคม 2025

    อินฟินิกซ์ เปิดตัว NOTE 50 Series พาร์ทเนอร์สมาร์ทโฟนอย่างเป็นทางการของการแข่งขัน PMNC Thailand 2025

    2 พฤษภาคม 2025

    รีวิว Redmi A5 สมาร์ทโฟนจอใหญ่ 6.88 นิ้ว 120Hz แบตอึด 5,200 mAh ในราคาเริ่มต้นเพียง 2,499 บาท

    27 เมษายน 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X