หากใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนใหม่ให้กับตัวเองและตั้งราคาไว้ไม่สูงมาก และอาจจะเบื่อที่จะใช้สมาร์ทโฟนแบรนด์ติดตลาดทั้งหลาย วันนี้มีตัวเลือกใหม่มานำเสนอรีวิว นั่นก็คือ Acer Liquid Zest ซึ่งจะเข้ามาในประเทศไทย 2 รุ่นด้วยกันนั่นก็คือรุ่น 3G และ 4G ที่จะแตกต่างกันที่ฮาร์ดแวร์เล็กน้อย โดยรุ่น 3G จะมี Ram 1 GB/ROM 8 GB ส่วนรุ่น 4G นั้นจะมี Ram 2 GB/ROM 16 GB แต่จะเป็นรุ่น 3G ที่ถูกนำเข้ามาขายในประเทศไทยก่อน ในวันนี้เราจึงขอนำเสนอรีวิว Acer Liquid Zest 3G ให้คุณผู้อ่านที่สนใจได้ชมกัน
สเปค Acer Liquid Zest 3G
- หน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้วความละเอียดแบบ HD และเป็นหน้าจอแบบ Zero Air Gap
- ซีพียู MediaTek MT6580 แบบ Quad-core ความเร็ว 1.3 GHz
- แรม 1 GB
- หน่วยความจำภายใน 8 GB (รองรับการใช้งาน Micro SD)
- กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- ระบบปฎิบัติการ Android 6.0
- ระบบเสียง DTS Studio Sound
- แบตเตอรี่ความจุ 2,000 mAh
- ราคา 3,990 บาท
- สเปคแบบเต็มของ Acer Liquid Zest 3G
เห็นสเปคเบื้องต้นแล้วเทียบกับราคาก็ถือว่าสมเหตุสมผลกับสมาร์ทโฟนที่มีราคาอยู่ในระดับเริ่มต้น ซึ่งมีสเปคที่เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวันได้แบบสบาย ๆ แถมยังมีเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่นเทคโนโลยีหน้าจอ Zero Air Gap และ ระบบเสียง DTS Sound Studio ที่จะช่วยให้การให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จุดเด่น
– ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา
– รองรับ 2 ซิมและเพิ่มเมม ฯ ได้
– ระบบเสียง DTS Studio Sound
ข้อสังเกต
บทสรุป
BEST PRICE
Design
น้องเล็กของตระกูล Zest
อีกทางเลือกของสมาร์ทโฟน
ในระดับเริ่มต้น
สำหรับการออกแบบตัวเครื่องนั้นยังคงมีรูปแบบไม่ต่างไปจากตระกูล Liquid ของ Acer โดยเฉพาะลำโพงสนทนารูปวงกลมตัดขอบด้วยโลหะ และโลโก้ Acer ที่ด้านล่างของตัวเครื่องที่ถือเอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟนตัวของ Acer ซึ่งตัวเครืองมีขนาดอยู่ที่ 145.70 x 71.20 มม. และมีความบางที่ 8.4 มม. และมีน้ำหนัก 124 กรัม ซึ่งถือว่ามีน้ำหนักที่เบา
สำหรับวัสดุของ Acer Liquid Zest 3G จะเน้นไปที่ความประหยัด วัสดุจึงไม่หรูหรามาก โดยวัสดุด้านหลังเป็นพลาสติกด้านเรียบ ๆ มีความโค้งมนสวยงาม ส่วนวัสดุด้านหน้าเป็นกระจกทั้งหมดรวมไปกับหน้าจอขนาด 5 นิ้ว
การจับใช้งานตัวเครื่องนั้นถือว่าเหมาะกับคนมือเล็ก เนื่องจากสมาร์ทโฟนมีขนาดเล็กกระทัดรัดและมีน้ำหนักที่เบา ทำให้ใช้งานมือเดียวได้สะดวก
สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ ของตัวเครื่องจะมีปุ่ม Navigation สามปุ่มอยู่ในหน้าจอ นั่นก็คือปุ่มย้อนกลับ ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent App เหมือนกับสมาร์ทโฟน Android ทั่วไป สำหรับด้านบนของตัวเครื่องเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ถัดลงมาจะเป็นลำโพงสนทนาที่เป็นเอกลักษณรูปวงกลมของ Acer ส่วนกล้องหน้านั้นมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และบริเวณข้าง ๆ กันนั้นเป็นที่อยู่ของเซ็นเซอร์วัดระดับแสงและ Proximity Sensor
ต่อมาที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นช่องเสียบ microUSB ที่ใช้สำหรับชาร์จไฟและเชื่อมต่อรับส่งข้อมูล ส่วนด้านหลังของตัวเครื่องนั้น ซึ่งบริเวณฝาหลังเป็นที่อยู่ของกล้องหลังที่มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมกับ LED Flash และลำโพง Speaker จาก DTS Sound Studio ด้านขวาของตัวเครื่องมากับปุ่ม Power และปุ่มเพิ่มเสียงและลดเสียงในปุ่มเดียว ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นโล่งไม่มีปุ่มอะไรเลย
สำหรับการใช้งานจริงปุ่มทางด้านขวาของตัวเครื่องต้องออกแรงนิดหน่อย เพราะกดยากอยู่เหมือนกันเนื่องจากเป็นปุ่มที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดสามปุ่ม แต่คาดว่าปุ่มน่าจะกดง่ายขึ้นหลังจากการใช้งานไปนาน ๆ ข้อสังเกตอีกจุดหนึ่งคือลำโพงสนทนาคิดว่ามันใหญ่และเป็นหลุมมากไปจนทำให้ฝุ่นลงไปง่าย และทำความสะอาดออกยาก อีกข้อที่ควรระวังนั้นคือฝาหลังของตัวเครื่องแอบลื่นเล็กน้อย เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และวัสดุของฝาหลังนั้นเป็นพลาสติกด้านมีพื้นผิวเรียบ แต่ก็มีข้อดีคือเป็นรอยยากลดปัญหาจากรอยขนแมวได้ดี นอกจากนี้ด้วยน้ำหนักที่เบาและตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดทำให้สะดวกต่อการพกพา
Acer Liquid Zest 3G มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5 นิ้วซึ่งเป็นจอแบบ IPS ที่มีความละเอียด 1280 × 720 พิกเซล ซึ่งใช้เทคโนโลยีหน้าจอ Zero Air Gap ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดช่องว่างระหว่างจอ LCD กับกระจกให้ติดกัน เพื่อลดแสงสะท้อนและช่วยให้หน้าจอแสดงผลได้ดีขึ้นเมื่อใช้งานภายใต้แสงแดด ซึ่งมีขนาดกำลังดีพกพาง่าย เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และเมื่อเทียบกับมือถือยี่ห้ออื่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน ก็ต้องบอกเลยว่าหน้าจอของ Acer Liquid Zest 3G นั้นมีคุณภาพที่ดีกว่ามาก ๆ
Software
สำหรับซอฟต์แวร์ของ Acer Liquid Zest 3G จะมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ซึ่งง่ายต่อการใช้งานเหมือนกับ Android ทั่วไป โปรแกรมที่ติดตั้งมากับเครื่องก็พร้อมใส่ซิมการ์ดและพร้อมใช้งานได้ในทันที เมื่อเปิดเครื่องเข้าสู่ตัวเครื่องจะพบหน้าเมนูที่รวบรวมเครื่องมือเบื้องต้นที่เราใช้กัน ซึ่งถ้าหากอยากดูแอปพลิเคชันทั้งหมดก็เข้าไปที่ App Drawer ที่มีลักษณะเหมือนกับการใช้ Google Now Launcher
จุดเด่นจะอยู่ที่ความรวดเร็วและสามารถใช้งานได้ง่าย สำหรับการใช้งานสลับแอปพลิเคชันนั้นถือว่าใช้งานได้ในระดับพอใช้ สำหรับการใช้งานทั่วไป แต่ด้วยแรมที่มีขนาด 1 GB อาจมีหน่วยความจำไม่พอสำหรับการใช้งานหนัก ๆ จึงต้องเรียกโปรแกรมขึ้นมาใหม่บ่อยครั้ง แต่สำหรับการใช้งานทั่วไปถือว่าไม่มีปัญหาถือว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป
Feature
Zero Air Gap
สำหรับฟีเจอร์แรกที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องเทคโนโลยีหน้าจอ Zero Air Gap ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดช่องว่างระหว่างจอ LCD กับกระจกให้ติดกันเลยก็ว่าได้ เพื่อลดแสงสะท้อนและช่วยให้หน้าจอแสดงผลได้ดีขึ้นเมื่อใช้งานภายใต้แสงแดด และมาพร้อมกับเทคโนโลี On Cell Touch ที่ย้ายชั้นสัมผัสไปอยู่บนผิวกระจกด้านนอกของหน้าจอซึ่งทำให้โทรศัพท์นั้นบางลง ที่สำคัญยังมากับ Acer BluelightShield™ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยลดแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาทำลายสายตา ซึ่งจากการลองใช้ถือว่าหน้าจอมีสีสันที่ถือว่าสีสันที่สดใสจากเทคโนโลยี Zero Air Gap ซึ่ง Acer Liquid Zest 3G นั้นมากับหน้าจอ 5 นิ้วแบบ IPS ที่มีความละเอียด 1280 × 720 พิกเซล ถือว่ามีขนาดที่พอดีไม่เล็กไม่ใหญ่มากจนเกินไป
ระบบเสียง DTS® Sound Studio
เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ Acer Liquid Zest 3G โดดเด่นมากกว่าคู่แข่งในราคาระดับเดียวกัน เนื่องจากระบบเสียง DTS® Sound Studio จะช่วยขับเสียงที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ทั้งด้านความคมชัด และรายละเอียดที่เป็นธรรมชาติด้วยความละเอียดสูง ออกมาสมจริง และมีลำโพง Speaker ด้านหลังที่ให้คุณภาพเสียงที่ดังเกินราคา
Acer GameZone
ศูนย์รวมเกมบนเครื่องที่จะทำให้ผู้ที่ชอบเล่นเกมเข้าถึงเกมโปรดได้อย่างง่ายดาย และยังมีฟีเจอร์ที่สามารถบันทึกเกมขณะเล่นได้เพื่อนำไปแบ่งปันให้เพื่อนได้เห็นฝีมือในการเล่นเกมของเรา
Camera
สำหรับเรื่องกล้องของ Acer Liquid Zest 3G มากับกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลที่มีรูรับแสง f/2.0 พร้อมระบบออโต้โฟกัส และ LED Flash ส่วนกล้องหน้านั้นมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซลพร้อมเลนส์มุมกว้างถึง 85 องศาทำให้สามารถเก็บภาพถ่ายเซลฟี่ได้กว้างมากขึ้น ซึ่งจากทดลองการใช้งานมีลูกเล่นให้เราได้ปรับแต่งหลากหลายพอสมควร เริ่มจากการปรับโหมดในการบันทุกภาพ ไม่ว่าจะเป็นโหมด HDR โหมด Panorama หรือโหมด Beauty มาให้ใช้งานกันแบบครบ ๆ และมีโหมดถ่ายภาพตามสถานการณ์ให้เลือกใช้อีกด้วย สำหรับการถ่ายวิดีโอก็สามารถเลือกเอฟเฟคได้ สำหรับหากใครต้องการความเป็นมืออาชีพมากกว่านี้ ยังมี White Balance พร้อมกับการปรับค่าความสว่างของแสง หรือสีต่าง ๆ ไว้ให้ปรับกันด้วย ซึ่งถือว่าจัดเต็มในเรื่องกล้องอยู่เหมือนกัน
สำหรับการใช้งานจริง ถือว่าทำออกมาได้เป็นที่น่าพอใจถ้าหากเทียบกับราคาที่ถูกขนาดนี้ มีโหมดต่าง ๆ ให้เลือกใช้อย่างครบถ้วนตามสถานการณ์ แต่ถ้าถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติก็ถือว่าปรับภาพถ่ายได้ออกมาดีในระดับหนึ่ง โดยกล้องหลังที่มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซลก็ถือว่าพอเพียงในการเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนแล้ว ซึ่งภาพถ่ายตัวอย่างจากกล้องหลังที่ถ่ายมานั้น ถ่ายในเวลาเช้ามีเมฆหนา ตัวกล้องเองก็พยายามดึงแสงออกมาช่วยได้อย่างเหมาะสม แม้จะออกสีซีด ๆ บ้างตามสภาพแสงในเวลาเช้า สำหรับการถ่ายภาพระยะใกล้นั้น ระบบโฟกัสถือว่าทำได้ดี มีความไวเหมือนสมาร์ทโฟนทั่วไปและเก็บสีสันได้ครบถ้วน สรุปแล้วเรื่องกล้องถือว่าใช้ได้นะ หากมองดูเรื่องของราคาแล้วตัวเครื่องแล้วก็ถือว่าคุ้ม
ภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ส่วนกล้องหน้านั้นมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซลพร้อมเลนส์มุมกว้างถึง 85 ซึ่งถือว่าให้ความละเอียดของกล้องหน้ามาเยอะเหมือนกัน ทำให้สาว ๆ อาจจะถูกใจเป็นพิเศษ ในเรื่องของคุณภาพจากกล้องหน้าก็ถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดี ไม่ทำให้นางแบบของเราดูด้อยลงแต่อย่างใด และมีโหมด Beauty ไว้ให้สาว ๆ ได้ถ่ายภาพเล่นกันโดยไม่ต้องพึ่งแอป ฯ แต่งอีกด้วย
ภาพถ่ายจากกล้องหน้า
Performance
Acer Liquid Zest 3G มากับซีพียู MediaTek MT6580 แบบ Quad-core ความเร็ว 1.3 GHz พร้อมกับแรมขนาด 1 GB เพียงพอกับการใช้งานทั่วไปอย่างดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเว็บต่าง ๆ ก็ทำได้สบายเนื่องจากชิปประมวลผลถึงแม้จะไม่ใช่ระดับท็อป แต่ก็มีแกนในการประมวลผลถึง 4 แกนซึ่งทำให้การใช้งานทั่วไปได้แบบลื่น ๆ และมีหน้าจอที่กำลังพอดีไม่เล็กเกินไป
แต่ถ้าหากจะเล่นเกมที่มีกราฟฟิกสูง หรือว่าใช้งานหนัก ๆ ก็อาจจะมีอาการหน่วงให้เห็นอยู่บ้างตามกำลังของชิปประมวลผล แต่หากเปรียบเทียบกับในเรื่องของราคาแล้วนั้นก็ถือว่า Acer Liquid Zest 3G เหมาะกับการใช้งานทั่วไปได้ดีในระดับนึงเลยทีเดียว สำหรับเรื่องแบตเตอรี่นั้นมีความจุ 2,000 mAh ซึ่งถือว่าน้อยไปหน่อย สำหรับการใช้งานในแต่ละวันนั้นหากใช้งานหนักทั้งวันอาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้งานครบวัน แต่ถ้าหากใช้เช็ค Social Media ประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวัน ฟังเพลงบ้างขณะในเดินทาง เข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ อีกประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถือว่าใช้งานได้ครบวันพอดี ส่วนเรื่องพื้นที่เก็บข้อมูลภายในนั้นให้มา 8 GB ซึ่งถือว่าน้อย แต่ก็สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลได้ด้วยช่องเสียบ microSD