Xiaomi เป็นแบรนด์ผู้ผลิตมือถือจากทางประเทศจีน มีจุดเด่นอยู่ที่สเปคเครื่องจัดเต็ม แต่วางขายในราคาที่เอื้อมถึงได้ โดยตัวที่สร้างชื่อให้กับ Xiaomi ที่เรารู้จักกันดีก็ได้แก่ Xiaomi Mi3 ซึ่งทางเราก็ได้จัดการรีวิวกันปเรียบร้อย จากบทความนี้ รีวิว Xiaomi Mi3 และนอกจาก Xiaomi Mi3 แล้ว ก็ยังมีมือถือรุ่นอื่นๆ ออกมาทำตลาดในช่วงราคาไม่ถึง 10,000 บาทอีกหลายรุ่น หนึ่งในนั้นก็คือ Xiaomi Redmi Note มือถือจอใหญ่ (แฟ็บเล็ต) สเปคไม่ธรรมดา และแบตเตอรี่ที่ให้ความจุสูงถึง 3200 mAh ที่สำคัญคือตอนนี้ก็ข่าวแว่วๆ มาว่า Xiaomi เตรียมบุกตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วด้วย อีกไม่นานพี่น้องชาวไทยก็คงจะหาซื้อกันได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นทีมงาน Specphone จึงไม่พลาดที่จะจับเจ้า Xiaomi Redmi Note มารีวิวให้ได้ชมกัน ว่าสรุปแล้ว Xiaomi Redmi Note น่าใช้มั้ย คุ้มจริงหรือไม่ มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร แต่ก่อนจะเข้าสู่การรีวิว Xiaomi Redmi Note ก็ตามธรรมเนียมครับ เรามาทำความรู้จักสเปคคร่าวๆ ของ Xiaomi Redmi Note กันก่อนเลย
สเปค Xiaomi Redmi Note
- ชิปประมวลผล Mediatek MT6592 ความเร็วสูงสุด 1.7 GHz 8 คอร์ มาพร้อมชิปกราฟิก Mali-450
- แรม 2 GB
- รอม 8 GB รองรับ MicroSD สูงสุด 32 GB
- หน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720
- มาพร้อมรอม MIUI ที่พัฒนามาจาก Android 4.2.2 Jelly Bean
- รองรับ 3G ความถี่ 900/2100 MHz (ซิม 1)
- Bluetooth 4.0 LE + WiFi 802.11b/g/n
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล f/2.2 รองรับการถ่ายวิดีโอ Full HD
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ 3200 mAh
- รองรับ USB-OTG
- รองรับวิทยุ FM
- สเปค Xiaomi Redmi Note
- ราคาเครื่องหิ้วในไทย ส่วนมากจะอยู่ที่ประมาณ 7,xxx บาท
เท่าที่ดูจากสเปคถ้าไม่รู้ราคามาก่อน เผลอๆ จะคิดว่าขายกันที่ประมาณ?10,000 บาทด้วยซ้ำไป แต่ราคาค่าตัวของ Xiaomi Redmi Note (เครื่องหิ้ว) ที่วางขายกันในบ้านเรานั้นเท่าที่ลองสำรวจราคาดูจะอยู่ที่ประมาณ 7,000 – 8,000 บาทเท่านั้นเอง ทำให้ Xiaomi Redmi Note เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่สเปคต่อราคาทำออกมาได้คุ้มค่าเอามากๆ
Design
ไฟที่ปุ่มกดนั้นโดดเด่นจริงๆ
ถ้าถามผมว่าประทับใจอะไรในดีไซน์ของ Xiaomi Redmi Note มากที่สุด คำตอบสำหรับผมก็คือปุ่มกดแบบสัมผัสทั้ง 3 ปุ่มด้านล่างของหน้าจอนั่นแหละครับ เพราะปุ่มกดของ Xiaomi Redmi Note จะเป็นปุ่มกดสีแดงที่เมื่อสัมผัสจะมีแสงไฟผ่านตัวปุ่มเหมือนว่าเป็นไฟสีแดง ทำให้ตัวเครื่องที่ปกติจะดูค่อนข้างเรียบๆ นั้นดูโดดเด่นขึ้นมามากเลยทีเดียว แต่สำหรับการจับตัวเครื่อง Xiaomi Redmi Note ครั้งแรก ต้องบอกว่าตกใจเล็กๆ เพราะตัวเครื่องค่อนข้างหนา และมีน้ำหนักพอสมควร เข้าใจว่าน่าจะหนักที่ตัวแบตเตอรี่ความจุ 3200 mAh
ในส่วนของการออกแบบ Xiaomi Redmi Note นั้นไม่ได้เป็นแบบยูนิบอดี้เหมือนอย่าง Xiaomi Mi3 ทำให้มันถอดฝาหลังได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่างานประกอบจะก๊องแก๊งนะครับ แต่งานประกอบของ Xiaomi Redmi Note นั้นจัดอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมเลย ไม่มีอาการหลังยวบแน่นอน วัสดุก็เทียบชั้นมือถือราคาหมื่นบาทได้สบายๆ แต่รูปทรงสำหรับผมยังรู้สึกไม่ค่อยว้าวเท่าไหร่ อย่างที่บอกไปครับ ถ้าตัดปุ่มกดสีแดง 3 ปุ่มออกไป เจ้า Xiaomi Redmi Note ก็มือถือบ้านๆ ธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลยหล่ะ
มาดูที่ตำแหน่งการจัดวางกันบ้าง สำหรับด้านหน้าของ Xiaomi Redmi Note เหนือหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วขึ้นไปจะประกอบไปด้วยกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, ลำโพงสำหรับสนทนาที่ให้เสียงคมชัด และเซนเซอร์วัดแสง ถัดมาที่ด้านล่างของหน้าจอก็จะเป็นปุ่มกดสีแดง 3 ปุ่มได้แก่ ปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ ส่วนไมค์สำหรับสนทนาและช่องเสียบสาย USB จะอยู่ตรงขอบเครื่องด้านล่าง หากดูจากทางขอบเครื่องฝั่งขวามือจะเห็นปุ่ม Power กับปุ่มปรับระดับเสียงที่ใช้สีเหมือนโลหะ ก็ถือว่าตัดกับสีตัวเครื่องได้ดี (เครื่องรีวิวสีขาว) ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร และไมค์ตัดเสียงครับ
สำหรับฝาหลังของ Xiaomi Redmi Note ใช้วัสดุเป็นพลาสติก เช่นเดียวกับวัสดุส่วนใหญ่ของตัวเครื่อง โดยพลาสติกฝาหลังจะเป็นแบบผิวมัน ส่วนตัวผมไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่นัก เพราะมันเก็บรอยนิ้วมือได้ง่าย ด้านหลังของ Xiaomi Redmi Note จะประกอบไปด้วยลำโพงหลักของตัวเครื่อง และกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช ฝาหลังสามารถเปิดได้ เมื่อเปิดฝาหลังจะพบกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ความจุ 3200 mAh ช่องใส่ซิมการ์ดจำนวน 2 ช่อง (ซิมขนาดปกติ) และช่องสำหรับใส่ MicroSD Card ครับ อย่างที่ได้บอกไปว่างานประกอบของ Xiaomi Redmi Note จัดว่าไม่ธรรมดา เพราะงานประกอบแน่นหนาดีจริงๆ แต่ตัวเครื่องกลับมีน้ำหนักมากไปหน่อย ทำให้ถือเล่นนานๆ เกิดอาการล้าได้ครับ
แบต 3200 mAh นี่แหละทำให้เครื่องหนัก แต่ก็แลกมากับการใช้งานได้ข้ามวัน
พูดถึงตัวเครื่องไปทั้งหมดแล้ว มาดูที่หน้าจอกันบ้างครับ Xiaomi Redmi Note มาพร้อมหน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD มาถึงตรงนี้หลายคนคงจะรู้สึกว่า ทำไมหน้าจอความละเอียดน้อยจัง?แม้หน้าจอของ Xiaomi Redmi Note จะมีความละเอียดแค่ระดับ HD แต่ในเรื่องของความคมชัด, สีสันของหน้าจอนี่กินขาดจอ Full HD บางเจ้าซะอีกครับ ต้องบอกว่าเป็นจอความละเอียด HD ที่สวยใช้ได้เลย แถมยังได้มุมมองที่กว้างจากอานิสงส์ของของจอแบบ IPS อีกต่างหาก
ถึงหน้าจอมีความละเอียดแค่ HD แต่ก็เนียนจนนึกว่าเป็นจอ Full HD นะเนี่ย
ภาพรวมในส่วนของการออกแบบ, วัสดุและงานประกอบของ Xiaomi Redmi Note ก็เป็นมือถือจีนที่งานประกอบจัดว่าพรีเมียมเลยทีเดียว เรียกว่าลบภาพลักษณ์เดิมๆ ที่ว่ามือถือจีนต้องก๊องแก๊ง ดีไซน์เห่ยๆ ออกไปจนหมด แต่จะมีข้อสังเกตนิดหน่อยก็ตรงที่น้ำหนักตัวของเจ้า Xiaomi Redmi Note นี่แหละครับ เพราะมันมีน้ำหนักเกือบๆ 200 กรัม ทำให้ถือเล่นนานๆ เกิดอาการล้าได้ แต่ถ้าใครรับได้กับน้ำหนักตัวของ Xiaomi Redmi Note ก็ถือว่าเป็นมือถือสุดคุ้มรุ่นนึงเลยครับ วัดที่แค่งานประกอบก็เหนือกว่าหลายแบรนด์ในช่วงราคาใกล้เคียงกันแล้ว
สำหรับรูปตัวเครื่อง Xiaomi Redmi Note ในมุมอื่นๆ สามารถรับชมได้จาก Gallery ครับ
Software
ซอฟท์แวร์ของ Xiaomi Redmi Note?ในรอมมาตรฐาน (รุ่นเสถียร) จะใช้ระบบปฏิบัติการที่มีพื้นฐานมาจาก Android 4.2.2 Jelly Bean แล้วครอบด้วยอินเตอร์เฟส MIUI ซึ่งใครที่ชอบตกแต่งเครื่องก็น่าจะพอรู้จักกันดี ด้วยธีมที่เน้นสีสันของไอคอนดูสดใส น่ารัก ไปจนถึง Theme แบบแปลกๆ ใช้การวางไอคอนแอพทั้งหมดบนหน้าโฮม ไม่มีหน้ารวมแอพ ซึ่งก็จะใกล้เคียงกับทางฝั่ง iOS อยู่พอสมควร สำหรับการอัพเดตรอมของทีม MIUI นั้นจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจเลยครับ มีการอัพเดต แก้ไขรอมเวอร์ชันกำลังพัฒนากันค่อนข้างบ่อยอยู่ เผลอๆ จะอุ่นใจได้กว่ามือถืออินเตอร์แบรนด์เสียอีก การอัพเดตรอมบน Xiaomi Redmi Note ก็ทำได้ไม่ยากนัก เพียงแค่เข้าไปดาวน์โหลดรอมของ Xiaomi Redmi Note ที่เว็บไซต์ของ MIUI?โดยจะมีรอมให้เลือกแบ่งตามโมเดลของเครื่อง ส่วนตัวผมแนะนำให้ดาวโหลด Rom?Redmi Note-WCDMA Global น่าจะเป็นรอมที่เหมาะกับใช้ในบ้านเรามากที่สุด เพราะมีการตัดเซอร์วิสของ Xiaomi ที่ใช้งานเป็นภาษาจีนออกไป และใส่บรรดาแอพของ Google มาให้ตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็น Google Play Store, Gmail, Chrome เป็นต้น
สำหรับการแฟลชรอมก็ง่ายๆ ครับเมื่อดาวน์โหลดรอมจากลิ้งที่เราให้ไว้แล้วก็ให้เอา Rom ไปใส่ไว้ในเครื่อง จากนั้นก็เข้าไปที่แอพ Updater > กดปุ่มเมนู > เลือก Select update package แล้วเลือกอัพเดตรอมที่โหลดมาได้เลย?
ส่วนแอพติดเครื่อง เซอร์วิสต่างๆ บน Xiaomi Redmi Note?นั้น จะบอกว่าใกล้เคียงกับ iOS ก็คงไม่ผิดนัก ตัวอย่างแอพติดเครื่องก็เช่น แอพจดบันทึก, แอพบันทึกเสียง, แอพบันทึกรหัสผ่าน, แอพเลขาส่วนตัว (แบบเดียวกับ Siri) แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือมีระบบที่ชื่อว่า Mi Cloud ที่ลักษณะการทำงานใกล้เคียงกับ iCloud อีกด้วย คือมันสามารถใช้สำรองข้อมูลต่างๆ เช่นเบอร์โทร, รูปภาพ, โน้ตจดบันทึก, SMS, เสียงที่บันทึกไว้, ประวัติการโทรย้อนหลัง แถมยังมีบริการติดตามตำแหน่งเครื่องอีกด้วย เรียกว่าครอบคลุมการใช้งานหลายๆ ด้าน?แทบไม่ต้องโหลดแอพมาใช้เพิ่มเติมเลย
Camera
สำหรับกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซลของ Xiaomi Redmi Note จัดอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจครับ การเข้าแอพกล้องค่อนข้างทำได้ไว ระบบออโต้โฟกัสสามารถจับโฟกัสรวดเร็วใช้ได้ สำหรับสาวๆ ที่ชอบถ่ายภาพอาหาร หรือภาพหน้าชัดหลังเบอร์ก็สามารถทำได้ไม่ต้องพึ่งแอพเลยครับ (แต่วัตถุต้องเด่นพอนะ) ใช้ถ่ายภาพดอกไม้นี่แจ่มมากๆ ตัวแอพกล้องที่มากับเครื่องปรับแต่งอะไรไม่ได้มากมายนัก อันที่จริงคือมีโหมดเดียวด้วยครับสำหรับการถ่ายภาพนิ่ง จะมีพิเศษหน่อยก็แค่ HDR กับฟิลเตอร์ 4 แบบเท่านั้นเอง ทำให้กล้องของ Xiaomi Redmi Note เหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานกล้องสมาร์ทโฟนจริงๆ คือหยิบขึ้นมาแล้วกดถ่าย เพราะถ้าซีเรียสเรื่องการปรับตั้งค่าพวก WB, ISO คงต้องไปมองตัวอื่นแล้วหล่ะครับ ส่วนกล้องหน้าที่เป็นเลนส์ Wide ก็ทำได้ดีในสภาพที่มีแสงเพียงพอ แต่ไม่ได้มีโหมดหน้าสวย, หน้าฟรุ้งฟริ้งนะครับ มีแต่ Auto เท่านั้น
ในส่วนของคุณภาพรูปถ่ายจากกล้องหลังของ Xiaomi Redmi Note ก็ทำได้ดีตามมาตรฐานของสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 10,000 บาท ที่จะต้องมีเรื่องของสภาพแสงมาเกี่ยวข้อง คือถ้ามีแสงเพียงพอก็ถ่ายออกมาได้ดี แต่ถ้าสภาพแสงน้อยคุณภาพก็จะลดหลั่นกันไป สำหรับตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Xiaomi Redmi Note สามารถรับชมได้จาก Gallery เลยครับ (เปิดโหมด Auto ล้วนๆ และไม่ได้ใช้โปรแกรมแต่งภาพ)
Performance
ประสิทธิภาพและความแรงของ Xiaomi Redmi Note ถ้าดูจากสเปคแล้วก็ “ดูเหมือนว่าจะแรง” ไม่ว่าจะเป็น CPU 8 Core, Ram 2 GB แต่พอได้ลองใช้งานจริงกลับพบว่ายังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่นัก ซึ่งปัญหาจริงๆ ก็คงจะมาจาก CPU 8 Core ของมันนี่แหละครับ ถึงจะเป็น 8 Core จริง แต่ก็ไม่ได้เป็นเทคโนโลยีระดับสูงแต่อย่างใด ทำให้การใช้งานหนักๆ ค่อนข้างจะพบอาการหน่วงบ้างประปรายครับ เท่าที่พบปัญหาเลยก็เวลาที่เลื่อนหน้า Feed ของ Facebook ถ้าเลื่อนเร็วมากๆ ก็จะเกิดอาการหน่วงได้อย่างชัดเจนเลย เพราะฉะนั้นเกมที่กินสเปคบางเกมเช่น Asphalt 8 คงต้องปรับความละเอียดของภาพไว้ที่ระดับกลางก็พอจะเล่นได้ครับ แต่สำหรับการใช้งานทั่วไป ต้องบอกว่า Xiaomi Redmi Note สอบผ่านได้อย่างสบายๆ
อีกหนึ่งทีเด็ดของ Xiaomi Redmi Note นอกจากจะเป็นมือถือจอใหญ่ แรมเยอะ (น้ำหนักก็เยอะ) ยังมีทีเด็ดที่แบตเตอรี่ครับ เพราะให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 3200 mAh จากที่ลองใช้งานดูนี่แบตอึดมากเลยครับ เปิด 3G ใช้งานทั่วไป เน้นเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คนี่อยู่ข้ามวันได้สบาย เอาง่ายๆ ว่าผมเล่น Line เกมเศรษฐีไป 5 เกมต่อเนื่องนี่เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ลดไปไม่ถึง 15% ครับ แบตอึดดีจริงๆ
Overall
ผ่านไปแล้วนะครับสำหรับการรีวิว Xiaomi Redmi Note แฟ็บเล็ตตัวคุ้มที่ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ งานประกอบ หรือแม้แต่สเปคที่ดูจะคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่จ่ายไปซะเหลือเกิน เพราะสเปคในระดับนี้ถ้าเป็นมือถืออินเตอร์แบรนด์ ราคาน่าจะดีดไปที่เกินหมื่นบาทแน่นอน แต่ Xiaomi กลับทำราคาออกมาได้น่าประทับใจมาก อย่างราคาเครื่องหิ้วที่ขายกันในบ้านเราอยู่ที่ประมาณ 7,000 – 8,000 บาทเท่านั้นเอง ถึงกระนั้น Xiaomi Redmi Note ก็ยังมีข้อด้อยอยู่ที่ศูนย์บริการนี่แหละครับ ณ เวลาปัจจุบันยังไม่มีศูนย์บริการ Xiaomi อย่างเป็นทางการในประเทศไทย (แต่ก็ใกล้แล้วหล่ะ คาดว่าเดือนหน้าคงมีความคืบหน้ามากขึ้นกว่าเดิม) เมื่อถึงตอนนี้ผมเชื่อว่า Xiaomi Redmi Note จะเป็นมือถืออีกหนึ่งรุ่นสุดคุ้มที่น่าจับตามองเป็นพิเศษเลยหล่ะครับ
ข้อดี
- วัสดุ งานประกอบอยู่ในเกณฑ์ดีมาก
- หน้าจอคมชัดแม้จะมีความละเอียดเพียง HD
- แบตเตอรี่สุดอึด ใช้งานได้ข้ามวัน
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม
- กล้องถ่ายรูปใช้งานง่าย คุณภาพรูปถ่ายอยู่ในเกณฑ์ดี
- สเปคต่อราคาจัดว่าคุ้มค่ามาก
ข้อสังเกต
- ยังไม่มีศูนย์บริการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
- ตัวเครื่องค่อนข้างหนัก
- CPU 8 Core ไม่เหมาะกับการใช้งานหนักๆ และร้อนไว
Compare
มาถึงส่วนสุดท้ายของรีวิว Xiaomi Redmi Note?ซึ่งก็คือการเปรียบเทียบกับมือถือรุ่นอื่นๆ ที่มีราคาใกล้เคียงกับ Xiaomi Redmi Note?ที่ราคาประมาณ 8,000 บาท จำนวน 5 รุ่นด้วยกัน ก็จะมีดังนี้ครับ
ในช่วงราคาประมาณ 8,000 บาทยังไงก็ต้องยกให้กับ Xiaomi Redmi Note เขาเลยครับ เพราะถ้าวัดที่เรื่องความคุ้มค่าก็กินขาดแล้ว Ram 2 GB, แบตเตอรี่ 3,200 mAh งานประกอบและวัสดุก็อยุ่ในเกณฑ์ดีอีกต่างหาก จะมีข้อด้อยแค่ตรงที่รองรับ 3G แค่ความถี่ 900/2100 (ซิม 365, My by Cat หมดสิทธิ์) และน้ำหนักตัวที่หนักที่สุดในบรรดา 5 รุ่นเท่านั้นเอง ส่วนตัวผมมองว่ามือถือที่ดูพอฟัดพอเหวี่ยงกับ Xiaomi Redmi Note ได้ก็น่าจะเป็น Asus Zenfone 6 (เพิ่มเงินประมาณ 2,000 บาท) กับ Huawei Honor 3C แต่หน้าจอก็จะเล็กกว่า, แบตเตอรี่น้อยกว่า และ CPU แรงน้อยกว่าครับ
ส่วนตัวเลือกอื่น นอกเหนือจาก Xiaomi Redmi Note?ก็ขอสรุปง่ายๆ ดังนี้ครับ
- ถ้าอยากได้มือถือสเปคใกล้เคียงกับ Xiaomi Redmi Note แต่รับไม่ได้กับหน้าจอและน้ำหนักเกือบ 200 กรัม แนะนำให้จัด Huawei Honor 3C ครับ
- ถ้าต้องการมือถือจอใหญ่กว่า Xiaomi Redmi Note และอยากได้ประกันศูนย์ไทย, แบตอึดพอกัน แต่น้ำหนักเบา แนะนำ Lenovo S930 ครับ
- ถ้าต้องการมือถือจอใหญ่, ติดละคร และต้องการใช้งาน 3G ทุกเครือข่าย แนะนำ I-Mobile IQ 6.8 DTV (แต่ต้องเลือกโมเดลให้ตรงกับเครือข่ายที่ใช้อยู่นะครับ)
- ถ้าต้องการมือถือจอใหญ่กว่า Xiaomi Redmi Note ซีเรียสเรื่องประกันศูนย์ไทย เน้นใช้งาน 2 ซิมทุกเครือข่าย และอยากสัมผัสประสบการณ์บน Android 4.4 Kitkat แนะนำให้จัด Asus Zenfone 6 เลยครับ