Xiaomi 11T Pro มือถือเรือธงของ Xiaomi ที่เปิดตัวมาด้วยคอนเซปต์ CINEMAGIC ทำให้มีการจัดเต็มฟีเจอร์ด้านกล้องมากมาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมสเปคสุดโหด และระบบชาร์จเร็วรุ่นใหม่ของ Xioami ที่มีกำลังไฟชาร์จถึง 120W เลยทีเดียว ช่วยประหยัดเวลาชาร์จได้แบบสุดๆ ซึ่งสเปคที่ดูโหดแบบนี้นั้นกลับวางขายในราคาไม่ถึง 20,000 บาทด้วยซ้ำ ซึ่งวันนี้เราจะมาทำการรีวิวให้เพื่อนๆ ฟังกันว่าการใช้งานตัวเครื่องในชีวิตประจำวันเป็นอย่างไร
สเปคของ Xiaomi 11T Pro
- หน้าจอ : พาแนล AMOLED, ขนาด 6.67 นิ้ว, ความละเอียดระดับ Full-HD+ (2400 x 1080 พิเซล), อัตรารีเฟรช 120Hz, แสดงผลได้พันล้านสี, รองรับการแสดงผลแบบ Dolby Vision และ HDR10+, ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus
- ชิปประมวลผล : Snapdragon 888 5G
- แรม : 8GB / 12GB
- หน่วยความจำ : 128GB / 256GB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 108 MP, f/1.8 (wide)
- ตัวที่ 2: 8 MP, f/2.2, 120˚ (ultrawide)
- ตัวที่ 3: 5 MP, f/2.4 (telephoto macro)
- กล้องหน้า : 16 MP, f/2.5, (wide)
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 120W Xiaomi HyperCharge
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5
- การเชื่อมต่อ :
- Wi-Fi6
- Bluetooth 5.2
- GPS
- NFC
- USB Type-C
- USB OTG
- เซ็นเซอร์ :
- สแกนลายนิ้วมือ (ด้านข้างตัวเครื่อง)
- Accelerometer
- Gyroscope
- Proximity
- Compass
- ขนาด : 164.1 x 76.9 x 8.8 มม.
- น้ำหนัก : 203 กรัม
- ราคา :
- 8GB / 128GB : 16,990 บาท
- 8GB / 256GB : 18,990 บาท
- 12GB / 256GB : 20,990 บาท
สเปคเต็ม Xiaomi 11T Pro (รุ่นแรม 8GB)
สเปคเต็ม Xiaomi 11T Pro (รุ่นแรม 12GB)
จุดเด่น
- ได้หน้าจอ AMOLED ที่มีอัตรารีเฟรชถึง 120Hz แบบ AdaptiveSync
- ได้ชิปประมวลผล Snapdragon 888
- มีกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 108 MP
- มีโหมดบันทึกวิดีโอ Magic Zoom ที่ทำเอฟเฟคได้แบบ Dolly Zoom บนกล้องราคาแพง
- ได้ระบบชาร์จเร็วขนาด 120W ที่สามารถชาร์จจาก 0 – 100% ได้ใน 20 นาที
- ราคาเครื่องไม่แพงเลยสักนิดเมื่อเทียบกับสเปคที่ได้
- ได้ Harman Kardom จูนเสียงลำโพงให้
ข้อสังเกต
- ตัวเครื่องค่อนข้างมีน้ำหนักเล็กน้อย
- อะแดปเตอร์ 120W มีขนาดค่อนข้างใหญ่ (เล็กกว่าอะแดปเตอร์ Macbook Pro ไม่มาก)
- ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้เลย
- กล้องหน้าอัดวิดีโอได้แค่ 1080p @30fps เท่านั้น
ดีไซน์ของ Xiaomi 11T Pro
ในเรื่องของการดีไซน์ตัวเครื่องนั้น 11T Pro เครื่องนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Punch-hole Display ที่มาขนาดถึง 6.67 นิ้ว ที่ใช้พาแนลแบบ AMOLED (ตามคำเรียกร้อง) ซึ่งมีความละเอียดระดับ Full-HD+ ที่สามารถแสดงผลแบบ Dolby Vision ได้ นอกจากนี้ตัวหน้าจอยังมีอัตรารีเฟรชที่สูงถึง 120Hz อีกด้วย ช่วยให้การแสดงผลมีทั้งความลื่นไหลและความสวยงามในเวลาเดียวกัน
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นบริเวณมุมบนซ้ายเราจะสังเกตเห็นโมดูลกล้องอันโดดเด่นที่ใส่เลนส์ความละเอียดสูงมากถึง 108 MP เอาไว้ข้างใน โดยจะมีการเรียงลำดับดังนี้ (เรียงจากบนลงมา) เลนส์ ultrawide, เลนส์ telemarco และเลนส์หลัก นอกจากนี้ที่ด้านข้างของชุดเลนส์ยังมีไฟแฟลชแบบ Dual-LED และไมโครโฟนสำหรับรับเสียงอยู่ด้วย ส่วนที่มุมล่างซ้ายนั้นจะเห็นโลโก้ Xiaomi อยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า
ที่ด้านข้างของตัวเครื่องนั้นจะมีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปิด-ปิดอยู่ ซึ่งปุ่มเปิด-ปิดนี้ทำหน้าที่เป็นจุดวางเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ด้วย ทำให้เวลาเปิดเครื่องก็จะเป็นการสแกนนิ้วไปในตัว
ที่ด้านบนของตัวเครื่องนั้นจะมีลำโพงและไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนอยู่ พร้อมด้วยข้อความที่บอกว่าลำโพงของ 11T Pro เครื่องนี้ได้รับการปรับแต่งโดย Harman Kardon เพื่อให้ได้เสียงที่ดีที่สุด
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องนั้นจะประกอบไปด้วยถาดใส่ซิม, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ต USB Type-C และลำโพงอีกตัว
สำหรับถาดใส่ซิมนั้นจะเป็นแบบ Dual-SIM คือสามารถใส่ได้ 2 ซิม โดยจะใส่ซิมลงไปได้ทั้ง 2 ฝั่ง แต่ไม่ช่องสำหรับใส่ MicroSD Card นะ ทำให้เครื่องนี้ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำทีหลังได้
สำหรับชุดชาร์จที่ Xiaomi ใส่มาในกล่องนั้นจะเป็นอะแดปเตอร์ชาร์จขนาด 120W และสาย USB Type-A to Type-C นอกจากนี้ในกล่องยังมีเคสซิลิโคนมาให้ด้วย (ส่วนฟิล์มกันรอยมีการติดมาให้เลย)
ระบบปฏิบัติการของ Xiaomi 11T Pro
Xiaomi 11T Pro มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบทับด้วย MIUI 12.5 ซึ่งการออกแบบหน้า UI ของ Xioami นั้นเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างใช้งานง่าย ทำให้ใช้เวลาแปปเดียวในการทำความเคยชิน ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่ใช้งานง่ายเพราะแอพทั้งหมดนั้นจะอยู่บนหน้า Home ทั้งหมด ไม่มี App Drawer ทำให้หาแอพง่าย แต่สิ่งที่อาจจำต้องใช้ความเคยชินเล็กน้อยหากย้ายมาจากแบรนด์อื่นเลยก็คือการเลื่อนแถบ notification ลงมา เพราะทาง Xiaomi นั้นได้ทำการแยกส่วนการแจ้งเตือนและส่วนคอนโทรลเครื่องออกจากกัน
แต่ถ้าเกิดไม่ชอบหน้าจอ UI เดิมๆ ของ Xiaomi เราก็สามารถไปหาธีมใหม่สวยๆ มาใช้งานได้ มีทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงินให้เลือกเลย นอกจากนี้ถ้าไม่รู้ว่าจะหา Wallpaper สวยๆ จากไหน Xiaomi เขาก็จัดให้ครบครันเลย
ความน่าสนใจอย่างหนึ่งของรุ่น 11T Pro นี้ก็คือสามารถปล่อย Hotspot แบบ Wi-Fi6 ได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้ช่วยให้เราไม่จำเป็นต้องไปแย่งช่องสัญญาณกับใคร
การใช้งาน Xiaomi 11T Pro
การใช้งานทั่วไป, ดูหนัง, โซเชียล
ในด้านการใช้งานทั่วๆ ไป อย่างการโทร, เล่นโซเชียล และการดูหนังนั้น เรียกได้ว่าสมกับเป็นเรือธง ทั้งความลื่นไหล การแสดงผลสี ทำได้อย่างยอดเยี่ยม แถมด้วยการที่หน้าจอรองรับการแสดงผลแบบ Dolby Vision หากหนังที่เปิดรองรับ Dolby Vision ก็จะช่วยให้สีสันมีความสมจริงยิ่งขึ้น ช่วยให้ได้อรรถรสยิ่งกว่าเดิม
สำหรับหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรช 120Hz นั้นเป็นแบบ AdaptiveSync ทำให้ตัวเครื่องสามารถปรับอัตรารีเฟรชให้เข้ากับหน้าจอที่ใช้งานในขณะนั้นได้ด้วย (แต่ก็ทำให้กินพลังงานเพิ่มเล็กน้อย)
ในเรื่องของการชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 120W นั้นจากที่ลองใช้จนหมดแล้วค่อยชาร์จ จะใช้เวลารวม 20 นาที แบตเตอรี่ถึงจะเต็ม และถ้าใครที่รีบก็ให้รอเพียงแค่ 12 นาทีเท่านั้นก็จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึง 50% แล้ว ซึ่งที่น่าสนใจก็คือถึงแม้จะมีกำลังไฟขนาด 120W และชาร์จจนเต้มแล้ว แต่ความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างชาร์จนั้นเป็นอะไรที่น่าพอใจมาก เพราะความร้อนที่ได้เทียบได้กับการเอามือถือไปเล่นเกมโหดๆ สักชั่วโมงเอง
ส่วนในเรื่องของระยะเวลาในการใช้งานนั้นจากที่ได้ลองมาอยู่ได้เกินวันแบบสบายๆ ถึงแม้ว่าจะเปิดแบบ 120Hz ตลอดเวลา มีทั้งการเล่นเกมและดูหนังความละเอียดสูงด้วยก็ตาม (เล่นตามช่วงเวลาพักของพนักงานออฟฟิศปกติ) และถึงแม้จะเผลอเล่นจนเกือบหมดก้แค่ทำการเสียบชาร์จแล้วรอสักแปปก็สามารถเอาไปใช้ต่อยันถึงบ้านได้สบาย ถึงแม้สิ่งแลกเปลี่ยนของการชาร์จเร็วแบบนี้ก็คืออะแดปเตอร์ขนาดใหญ่ (ขนาดพอๆ กับแบตเตอรี่สำรองขนาดพกพาเลย)
การเล่นเกม
ในด้านการเล่นเกมนั้นด้วยการที่ใช้ชิปประมวลผลระดับเรือธงอย่าง Snapdragon 888 5G นั้นในเรื่องความลื่นไหลของเกมก็หายห่วงได้เลย สามารถปรับค่าสุดได้ทุกเกม ซึ่งจากที่ลองทั้งเกม RoV, PUBG Mobile, Pokemon UNITE และ Genshin Impact นั้น ก็สามารถเล่นได้แบบสบายๆ แถมนอกเหนือจากเกม Genshin Impact ที่ทำเอาเครื่องร้อนเร้วแล้ว เกมที่เหลือนั้นขนาดเล่นไปหลายเกมแล้วความร้อนก็เรียกได้ว่าแทบไม่มีเลย งานนี้ต้องยอมรับเลยว่า Xiaomi นั้นจัดการเรื่องความร้อนได้ดีสุดๆ
ในระหว่างการเล่นเกมนั้นก็มักจะเจอปัญหาจากการเชื่อมต่อหรือการแจ้งเตือนต่างๆ Xiaomi จึงได้ทำการใส่ Game Turbo เข้ามาให้ ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยจำกัดการติดต่อสื่อสารต่างๆ รวมถึงจะสามารถใช้ดูการทำงานของ CPU/GPU, FPS ในขณะนั้น รวมถึงยังสามารถใช้บันทึกภาพหน้าจอทั้งแบบภาพถ่ายและคลิปวิดีโอได้อีกด้วย
การถ่ายภาพ
ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นรุ่น 11T Pro นี้มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์และกล้องหน้า 1 เลนส์ ที่ประกอบไปด้วยเลนส์หลักความละเอียด 108 MP, เลนส์ ultrawide ความละเอียด 8 MP และเลนส์ telemarco ความละเอียด 5 MP ส่วนกล้องหน้านั้นมีความละเอียดอยู่ที่ 16 MP พร้อมทั้งยังได้มีการยัดฟีเจอร์มาเพียบสมกับคอนเซปต์ CINEMAGIC เลยทีเดียวทั้ง Magic Zoom, Audio Zoom, One Click AI Cinema และอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับในการถ่ายภาพบุคคลนั้นนอกจากจะสามารถปรับค่ารูรับแสงได้เองแล้วยังมีลูกเล่นอย่าง เอฟเฟกต์ภาพยนตร์ ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพมีความสนุกมากยิ่งขึ้น โดยเอฟเฟกต์นี้จะช่วยเพิ่มสีสันให้กับภาพมีความสวยงามยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมี Night Mode ที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพในที่แสงรน้อยได้ดียิ่งขึ้นด้วย ถึงโดยส่วนตัวแล้วจะไม่ค่อยถูกใจในบางจังหวะก็ตาม เนื่องจากกล้องเก็บแสงจากภาพได้มากขึ้น ทำให้สีสันของไฟตอนกลางคืนในบางจังหวะถูกกลบนั่นเอง
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว Xiaomi 11T Pro
จากการที่ได้ลองเอา Xiaomi 11T Pro มาระยะหนึ่งนั้นต้องบอกเลยว่าเป็นเครื่องที่น่าโดนไม่ใช่น้อยๆ (ขนาดคนรีวิวยังอยากได้เลย) ด้วยาเปคที่ให้มาโหดมา รวมถึงฟีเจอร์ที่อลังการเกินกล้องมือถือ รวมถึงระบบชาร์จเร็วที่ใช้เวลาสั้นมากๆ ในการชาร์จ (แถมเครื่องไม่ร้อนด้วยนะ) และด้วยราคาขายที่เริ่มต้นเพียง 16,990 บาททำให้เป็นมือถือระดับเรือธงที่เข้าถึงได้ง่ายสุดๆ แต่ด้วยการที่ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้แนะนำให้ซื้อรุ่น 256GB ไปเลยจะดีที่สุด เพราะไฟล์ที่ถ่ายจากกล้องความละเอียเต็ม 108 MP หรือวิดีโอที่ใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ของตัวเครื่องนั้นจะมีไฟล์ที่ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว สำหรับใครที่สนใจรายละเอียดสามารถเข้าไปดูได้เลยที่ mi.com
บทความที่เกี่ยวข้อง
เปิดตัวในไทยแล้ว Xiaomi 11T Series Mi 11 Lite 5G NE และอื่นๆ
เปิดตัว Xiaomi 11T Pro, Xiaomi 11T, Xiaomi 11 Lite 5G NE, AIoT นำโดย Xiaomi Pad 5 และอีกมากมาย