Wiko แบรนด์มือถือที่เน้นทำตลาดมือถือราคาประหยัดได้เปิดตัวมือถือราคาประหยัดรุ่นใหม่ 3 รุ่นคือ Wiko T3, Wiko T10 และ Wiko T50 ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนี้นั้นนอกจากราคาที่เข้าถึงได้ง่ายแล้ว ยังมีหน้าจอที่ใหญ่ แบตเตอรี่ที่อึด ใช้เล่นเกมได้ แถมยังมีโหมดถ่ายภาพกลางคืนมาให้ทุกรุ่นเลย และที่พิเศษกว่าคือ Wiko T50 นั้นมาพร้อมระบบชาร์จเร็ว 40W นั่นเอง ซึ่งราคาขายของทั้ง 3 รุ่นนี้เริ่มต้นเพียง 3,599 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นราคาที่เข้าถึงได้กับทุกคนเลยทีเดียว ซึ่งทาง Specphone เราได้มารีวิวทั้ง 3 เครื่องเลย และจากที่ได้เอาไปลองใช้งานมาเราจะมาเล่าแบบรวดเดียวในบทความนี้เลย
สเปคเครื่อง
Wiko T3
- หน้าจอ : IPS-LCD, ขนาด 6.6 นิ้ว, ความละเอียด 1600 x 720 พิกเซล (HD+)
- ชิปประมวลผล : MediaTek Helio P35
- แรม / ความจุ : 4GB / 128GB รองรับ MicroSD สูงสุด 256GB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 48 MP, AF (wide)
- ตัวที่ 2: 5 MP (ultrawide)
- ตัวที่ 3: 2 MP (depth)
- กล้องหน้า : 8 MP
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จ 10W
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11
- การเชื่อมต่อ :
- 4G LTE
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n
- Bluetooth 5.0
- GPS, A-GPS, GLONASS, GALILEO, BDS
- FM radio
- USB Type-C
- USB OTG
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint (ด้านข้าง)
- Face Recognition
- Accelerometer
- Ambient light
- Proximity
- Orientation
- ขนาด : 165.26 x 76.02 x 9.2 มม.
- น้ำหนัก : 188 กรัม
- สี : Classic Black, Elegant Gold
- ราคา : 4,799 บาท
Wiko T10
- หน้าจอ : IPS-LCD, ขนาด 6.5 นิ้ว, ความละเอียด 1600 x 720 พิกเซล (HD+)
- ชิปประมวลผล : MediaTek Helio A22
- แรม / ความจุ : 2GB / 64GB รองรับ MicroSD สูงสุด 512GB
- กล้องหลัง : 13 MP, AF
- กล้องหน้า : 5 MP
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จ 10W และระบบ Reverse Charger
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 (Go edition)
- การเชื่อมต่อ :
- 4G LTE
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n
- Bluetooth 5.0
- GPS, A-GPS, GLONASS, GALILEO, BDS
- FM radio
- USB Type-C
- USB OTG
- เซ็นเซอร์ :
- Accelerometer
- Proximity
- ขนาด : 163.94 x 75.79 x 8.97 มม.
- น้ำหนัก : 192 กรัม
- สี : Midnight Black, Emerald Green
- ราคา : 3,599 บาท
Wiko T50
- หน้าจอ : IPS-LCD, ขนาด 6.6 นิ้ว, ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล (Full-HD+)
- ชิปประมวลผล : MediaTek Helio G85
- แรม / ความจุ : 6GB / 128GB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 64 MP, AF (wide)
- ตัวที่ 2: 8 MP (ultrawide)
- ตัวที่ 3: 2 MP (depth)
- กล้องหน้า : 16 MP
- แบตเตอรี่ : 4,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 40W
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11
- การเชื่อมต่อ :
- 4G LTE
- Wi-Fi 5 (802.11 a/b/g/n/ac)
- Bluetooth 5.1
- GPS, A-GPS, GLONASS, GALILEO, BDS
- FM radio
- USB Type-C
- USB OTG
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint (ด้านข้าง)
- Face Recognition
- Accelerometer
- Ambient light
- Proximity
- Gyroscope
- Orientation
- ขนาด : 160.68 x 73.3 x 8.4 มม.
- น้ำหนัก : 179 กรัม
- สี : Midnight Black, Aqua Green, Lively Pink
- ราคา : 7,299 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
Wiko T3
สำหรับดีไซน์ของ Wiko T3 นั้นจะมาพร้อมหน้าจอพาแนล IPS แบบ WaterDrop Display ที่มีขนาด 6.6 นิ้ว ซึ่งจะมีขอบบนและขอบล่างที่ค่อนข้างหนาเล็กน้อย ตัวหน้าจอมีความละเอียดระดับ HD+ ตัวกล้องที่ให้มาเป็นกล้องความละเอียด 8MP ถัดจากล้องขึ้นไปบริเวณขอบจะเป็นช่องลำโพงสำหรับใช้สนทนา
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องจะใช้วัสดุเป็นพลาสติกแบบเงาซึ่งจะช่วยให้ตัวเครื่องมีความสวยงามขึ้น แต่ก็แลกมาด้วยการที่เปื้อนรอยนิ้วมือได้ง่ายเช่นกัน ที่มุมบนซ้านของตัวเครื่องจะมีโมดูลกล้องวางเอาไว้อยู่ ภายในจะมีกล้องทั้งหมด 3 ตัวและไฟแฟลช LED วางเรียงเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตรัสอยู่ นอกจากนี้ยังมีโลโก้ Wiko วางอยู่ตรงกลางเครื่องอีกด้วย
สำหรับรอบตัวเครื่องนั้นด้านบนจะมีช่องไมโครโฟนสำหรับใช้ตัดเสียงรบกวนอยู่ ที่ฝั่งขวาจะเป็นฝั่งที่รวมปุ่มทั้งหมดเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียงหรือปุ่มเปิด-ปิด ซึ่งตัวปุ่มเปิด-ปิดนี้จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังอยู่ภายในด้วย ที่ฝั่งซ้ายจะมีช่องใส่ซิบแบบ Hybrid-slot อยู่ ซึ่งจะต้องเลือกระหว่างซิมที่ 2 หรือ MicroSD Card ที่ด้านล่างจะมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม., รูไมโครโฟนสำหรับใช้สนทนา, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวเครื่องอยู่
Wiko T10
สำหรับดีไซน์ของ Wiko T10 นั้นจะมาพร้อมหน้าจอพาแนล IPS แบบ WaterDrop Display ที่มีขนาด 6.5 นิ้ว ซึ่งจะมีขอบบนและขอบล่างที่ค่อนข้างหนาเล็กน้อย ตัวหน้าจอมีความละเอียดระดับ HD+ ตัวกล้องที่ให้มาเป็นกล้องความละเอียด 8MP ถัดจากล้องขึ้นไปบริเวณขอบจะเป็นช่องลำโพงสำหรับใช้สนทนา
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องเป็นฝาหลังพลาสติกแบบด้านที่ทำลวดลายพร้อมสลักผิวให้เป็นลูกคลื่นเพื่อความสวยงามและกันลื่นไปในตัว โดยที่มุมบนซ้ายจะมีโมดูลกล้องที่ภายในจะใส่เซ็นเซอร์กล้องและไฟแฟลช LED เอาไว้อยู่ และมีโลโก้ Wiko อยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่องด้วย
สำหรับรอบตัวเครื่องนั้นด้านบนจะไม่มีอะไรอยู่เลย ที่ฝั่งขวาจะเป็นฝั่งที่รวมปุ่มทั้งหมดเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียงหรือปุ่มเปิด-ปิด ที่ฝั่งซ้ายจะมีช่องใส่ซิบแบบ Hybrid-slot อยู่ ซึ่งจะต้องเลือกระหว่างซิมที่ 2 หรือ MicroSD Card ที่ด้านล่างจะมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม., รูไมโครโฟนสำหรับใช้สนทนา, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวเครื่องอยู่ ซึ่งของเครื่องของ Wiko T10 จะเป็นแบบเหลี่ยมตามพิมพ์นิยม โดยขอบฝั่งหน้าจอจะมีการตัดมุมสำหรับเป็นพื้นที่ให้กับเคสด้วย
Wiko T50
สำหรับดีไซน์ของ Wiko T50 นั้นจะมาพร้อมหน้าจอพาแนล IPS แบบ Punch-hole Display ที่มีขนาด 6.6 นิ้ว ซึ่งจะมีขอบล่างที่ค่อนข้างหนาเล็กน้อย ตัวหน้าจอมีความละเอียดระดับ Full-HD+ ตัวกล้องที่ให้มาเป็นกล้องความละเอียด 16MP
ที่ด้านหลังของตัวเคื่องใช้วัสดุเป็นพลาสติกเงาที่มีความสวยงาม ช่วยขับสีสันของตัวเครื่องให้ดูโดดเด่นได้พอสมควร ที่มุมบนซ้ายจะมีโมดูลกล้องอยู่ โดยภายในจะมีการจัดเรียงกล้องและไฟแฟลช LED แบบเส้นตรง อยู่ภายในโมดูลรูปวงรี ช่วยให้รูกล้องไม่ไปลดความสวยงามของหลังเครื่องได้ดี นอกจากนี้ขอบเครื่องด้านหลังยังออกแบบมาเป็นแบบโค้ง 2.5D ช่วยให้รับเข้ากับมือตอนที่ถืออีกด้วย
สำหรับโดยรอบตัวเครื่องนั้นที่ขอบด้านบนจะมีรูไมโครโฟนสำหรับใช้ตัดเสียงรบกวน, ช่องอินฟาเรด, ช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. และมีลำโพงสำหรับใช้สนทนาอยู่ที่ขอบด้านบนด้วย ที่ขอบฝั่งขวาจะเป็นฝั่งที่รวมปุ่มทั้งหมดเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียงหรือปุ่มเปิด-ปิด ซึ่งตัวปุ่มเปิด-ปิดนี้จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังอยู่ภายในด้วย ส่วนฝั่งซ้ายจะไม่มีอะไรเลย ส่วนที่ของด้านล่างนั้นจะมีช่องสำหรับใส่ซิมแบบ Dual-slot, รูไมโครโฟนสำหรับใช้สนทนา, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวเครื่องอยู่
ระบบปฏิบัติการ
Wiko T10
ระบบปฏิบัติการของ Wiko T10 เป็นระบบปฏิบัติการ Android 11 Go Edition หรือก็คือเป็นระบบปฏิบัติการที่กินสเปคน้อยสำหรับมือถือที่สเปคไม่แรง ซึ่งหน้าตา UI นั้นจะเป็นแบบเรียบง่าย ไอคอนมาในรูปแบบสี่เหลี่ยมทั้งหมด แต่ถึงจะเป็น Go Edition ก็ยังสามารถใช้แอปฯ ของ Google ทั้งหมดได้อยู่ดี เพียงแต่ที่ต่างจากแบบปกติก็คือจะเป็นระบบปฏิบัติการที่เรียบง่ายและกินพลังงานน้อยนั่นเอง
Wiko T3 / T50
ระบบปฏิบัติการของ Wiko T3 และ Wiko T50 เป็นระบบปฏิบัติการ Android 11 หรือที่เรียกว่า Pure Android ซึ่งจะเป็นระบบปฏิบัติการที่เรียบง่าย ไม่มีการใส่แอปฯ อะไรเพิ่มเติมมาให้ ไม่มีการตกแต่งใดๆ เป็นพิเศษ ซึ่งความน่าสนใจของระบบปฏิบัติการแบบนี้คือความเรียบง่ายที่ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการเรียนรู้นาน อีกทั้งยังเบาเครื่อง ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้เยอะกว่าด้วย
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
Wiko T3
ในด้านการใช้งานทั่วไปของ Wiko T3 นั้นถ้าพูดถึงการใช้งานแอปฯ โซเชียลต่างๆ ก็สามารถฝช้งานได้อย่างลื่นไหลดี ส่วนในเรื่องความบันเทิงทั้งการดูคลิปและดูหนังนั้นด้วยหน้าจอขนาด 6.6 นิ้วแล้วก็นับว่าเป็นขนาดที่ไม่เลว สามารถเห็นรายละเอียดได้อย่างเต็มตา เพียงแต่ด้วยความละเอียดระดับ HD+ บวกกับการที่มี Widevine ระดับ L3 ทำให้การดูหนังอาจจะไม่สามารถจัดเต็มได้สักเท่าไร ซึ่งก็ตามงบที่มี ในเรทราคาไม่เกิน 5,000 บาทคงไม่สามารถยัดอะไรลงมาได้มากนัก
สำหรับในเรื่องของระยะเวลาในการใช้งานและการชาร์จนั้นตัวเครื่องที่มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh พร้อมด้วยสเปคที่ให้มานั้นต้องยอมรับเลยว่า Wiko จัดการพลังงานได้น่าใจทีเดียวเพราะถ้าเป็นการใช้งานแบบน้อยๆ ประมาณว่าไม่ได้หยิบมาเล่นตลอด มือถือสามารถอยู่ได้ 2-3 วันสบายๆ เลยทีเดียว แต่ถ้ามีการใช้งานอย่างการเล่นโซเชียลนานๆ หรือมีการเล่นเกมแบตเตอรี่ก็จะหมดเร็วขึ้นตามการใช้งาน ในส่วนของการชาร์จนั้นกับระบบชาร์จ 10W ที่ให้มา เราได้ทำการทดลองชาร์จในขณะที่แบตเตอรี่เกลี้ยงเลย ในช่วง 10 นาทีแรกจะได้แบตเตอรี่ขึ้นมาเป็น 6% ถ้าต้องการแบตเตอรี่ 50% จะต้องใช้เวลาถึง 77 นาที (1.17 ชม.) และถ้าอยากเอาให้เต็มเลยก็ต้องใช้เวลาาถึง 167 นาที (2.47 ชม.) ซึ่งก็ถือว่าเป็นระยะเวลาชาร์จปกติสำหรับมือถือที่ไม่มีระบบชาร์จเร็ว ดังนั้นจึงแนะนำพยายามอย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมด ถ้าลดลงมาอยู่ในช่วง 40% – 50% ก็เริ่มเอาไปชาร์จได้แล้ว
Wiko T10
ในด้านการใช้งานทั่วไปของ Wiko T10 นั้นถ้าพูดถึงการใช้งานแอปฯ โซเชียลต่างๆ ก็สามารถฝช้งานได้อย่างลื่นไหลดี ส่วนในเรื่องความบันเทิงทั้งการดูคลิปและดูหนังนั้นด้วยหน้าจอขนาด 6.5 นิ้วแล้วก็นับว่าเป็นขนาดที่ไม่เลว เพียงแต่ด้วยความละเอียดระดับ HD+ บวกกับการที่มี Widevine ระดับ L3 ทำให้การดูหนังอาจจะไม่สามารถจัดเต็มได้สักเท่าไร แต่ๆ ด้วยการที่ความละเอียดไม่สูงก็ช่วยให้สามารถประหยัดเน็ตมือถือได้และไม่จำเป็นต้องรอโหลดอีกด้วย
สำหรับในเรื่องของระยะเวลาในการใช้งานและการชาร์จนั้นตัวเครื่องที่มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh พร้อมด้วยสเปคที่ให้มานั้นต้องยอมรับเลยว่า Wiko จัดการพลังงานได้น่าใจทีเดียวเพราะถ้าเป็นการใช้งานแบบน้อยๆ ประมาณว่าไม่ได้หยิบมาเล่นตลอด มือถือสามารถอยู่ได้ 3-4 วันสบายๆ เลยทีเดียว แต่ถ้ามีการใช้งานอย่างการเล่นโซเชียลนานๆ หรือมีการเล่นเกมแบตเตอรี่ก็จะหมดเร็วขึ้นตามการใช้งาน ในส่วนของการชาร์จนั้นกับระบบชาร์จ 10W ที่ให้มา เราได้ทำการทดลองชาร์จในขณะที่แบตเตอรี่เกลี้ยงเลย ในช่วง 10 นาทีแรกจะได้แบตเตอรี่ขึ้นมาเป็น 8% ถ้าต้องการแบตเตอรี่ 50% จะต้องใช้เวลาถึง 66 นาที (1.06 ชม.) และถ้าอยากเอาให้เต็มเลยก็ต้องใช้เวลาาถึง 172 นาที (2.52 ชม.) ซึ่งก็ถือว่าเป็นระยะเวลาชาร์จปกติสำหรับมือถือที่ไม่มีระบบชาร์จเร็ว ดังนั้นจึงแนะนำพยายามอย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมด ถ้าลดลงมาอยู่ในช่วง 40% – 50% ก็เริ่มเอาไปชาร์จได้แล้ว
Wiko T50
ในด้านการใช้งานทั่วไปของ Wiko T50 นั้นถ้าพูดถึงการใช้งานแอปฯ โซเชียลต่างๆ ก็สามารถฝช้งานได้อย่างลื่นไหลดี ส่วนในเรื่องความบันเทิงทั้งการดูคลิปและดูหนังนั้นด้วยหน้าจอขนาด 6.6 นิ้วแล้วก็นับว่าเป็นขนาดที่ไม่เลว แถมยังได้ความละเอียดระดับ Full-HD+ มาอีกด้วย เพียงแต่ด้วยการที่มี Widevine ระดับ L3 ทำให้การดูหนังอาจจะไม่สามารถจัดเต็มได้สักเท่าไร
ในเรื่องของระยะเวลาใช้งานและการชาร์จแบตเตอรี่นั้น ในส่วนของการใช้งานนั้นการจัดการพลังงานเรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีกว่าอีก 2 เครื่องพอสมควร เพราะจากที่ได้ลองสังเกตมา Wiko T50 จะแบตเตอรี่ลดลงช้ากว่า Wiko T3 และ Wiko T10 เล็กน้อยทั้งๆ ที่มีแบตเตอรี่น้อยกว่าเพียง 4,000 mAh เท่านั้น เรียกได้ว่าทาง Wiko ทำออกมาได้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ในส่วนของการชาร์จนั้นก็เรียกได้ว่าน่าสนใจเพราะมาพร้อมระบบชาร์จเร็วขนาด 40W ซึ่งทาง Wiko เคลมว่าจะใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการชาร์จแบตเตอรี่ให้ได้ 50% ซึ่งจากที่ได้ทดลองเองจากสภาวะแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงแล้วในช่วง 10 นาทีแรกจะได้แบตเตอรี่เพิ่มมาถึง 23% สำหรับแบตเตอรี่ 50% นั้นตอนที่อลงใช้เวลาไป 25% ซึ่งก็ถือว่าคลาดเคลื่อนไม่มาก ส่วนการจะชาร์จให้แบตเตอรี่เต็มนั้นใช้เวลารวมทั้งหมด 74 นาที (1.14 ชม.) ซึ่งถือว่าเร็วในระดับหนึ่งเลยทีเดียว และด้วยการที่เป็นระบบชาร์จเร็ว ระหว่างชาร์จจะมีความร้อนขึ้นมาระดับหนึ่ง ซึ่งนับเป็นเรื่องปกติ และรอเพียงไม่กี่นาทีอุณหภูมิก็จะกลับมาปกติ
การเล่นเกม
Wiko T3
ในด้านการเล่นเกมนั้น Wiko T3 มาพร้อมชิป MediaTek Helio P35 ที่เป็นชิปเน้นประหยัดพลังงาน ซึ่งจากที่ได้ลองทั้ง RoV, PUBG และ PUBG New State นั้นก็สามารถเล่นได้แบบลื่นๆ เพียงแต่จะไม่สามารถปรับกราฟิกสูงๆ ได้ ซึ่งที่น่าสนใจคือ RoV นั้นสามารถเปิด 60fps ได้ เพียงแต่ fps ระหว่างเล่นนั้นค่อนข้างสวิง โดยค่า fps นั้นจะอยู่ในช่วง 34 – 49fps ไม่มีการขึ้นไปถึง 60fps แต่อย่างใด ส่วน PUBG และ PUBG New State นั้นแนะนำให้ปรับต่ำสุดเพื่อความลื่นไหลเลย ถ้าปรับมากกว่านั้นจะมีอาการกระตุกอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าให้พูดโดยรวมแล้วก็ถือว่าพอใช้เล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง
Wiko T10
ในด้านการเล่นเกมนั้น Wiko T3 ที่มาพร้อมชิป MediaTek Helio A22 ที่เป็นชิปเน้นประหยัดพลังงานและราคาถูกสุดๆ ซึ่งจากที่ได้ลองทั้ง RoV, PUBG และ KartRider Rush+ นั้นก็สามารถเล่นได้แบบลื่นๆ เพียงแต่จะไม่สามารถปรับกราฟิกสูงๆ ได้ ซึ่งที่น่าสนใจคือ RoV นั้นสามารถเปิด 60fps ได้ เพียงแต่ fps ระหว่างเล่นนั้นค่อนข้างสวิง โดยค่า fps นั้นจะอยู่ในช่วง 17 – 60fps โดยในช่วงที่มีการสู้กันหลายๆ คน fps จะร่วงหนักจนกระตุกเลยทีเดียว ส่วน PUBG นั้นแนะนำให้ปรับต่ำสุดเพื่อความลื่นไหลเลย ถ้าปรับมากกว่านั้นจะมีอาการกระตุกอย่างแน่นอน สำหรับ KartRider Rush+ นั้นเป็นเกมที่ไม่ค่อยกินสเปคเท่าไรสามารถเล่นแบบลื่นๆ พร้อมปรับภาพสวยๆ ได้เลย ซึ่งถ้าให้พูดโดยรวมแล้วก็ถือว่าพอใช้เล่นเกมได้ในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่ค่อยแนะนำให้เอามาเล่นเกมเท่าไร
Wiko T50
ในด้านการเล่นเกมนั้น Wiko T50 มาพร้อมชิปประมวลผล MediaTek Helio G85 ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมดังนั้นในด้านการเล่นเกมแล้วนับว่าหายห่วง สามารถเอาไปใช้เล่นเกมได้แทบทุกเกม เพียงแต่ในหลายๆ เกมอาจไม่สามารถปรับกราฟิกสูงมากได้ หรือถ้าปรับสูงมากๆ ได้ก็จะมีอาการกระตุกเกิดขึ้น โดยเกมที่ลองคือ RoV, PUBG และ PUBG New State ซึ่งตัวเกม RoV นั้น fps อยู่ในช่วง 58 – 60 fps เรียกได้ว่าสบายหายห่วงเลย ส่วน PUBG และ PUBG New State นั้นสามารถปรับกราฟิกสูงได้แต่เวลาเล่นจะมีอาการกระจุกเล็กน้อยเป็นช่วงๆ แนะนำให้ปรับต่ำไปเลยดีกว่าเพื่อให้ได้ค่าเฟรมเรทสูงๆ ถ้าจะให้พูดแล้ว Wiko T50 คือมือถือรุ่นเดียวใน 3 รุ่นใหม่นี้ที่เหมาะจะเอามาเล่นเกมที่สุดแล้ว
การถ่ายภาพ
Wiko T3
ในด้านการถ่ายภาพนั้น Wiko T3 มาพร้อมกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวที่ประกอบไปด้วยกล้องหลักความละเอียด 48MP, กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 5MP และกล้อง Depth ความละเอียด 2MP ส่วนกล้องหน้าเป็นกล้องความละเอียด 8MP ซึ่งความน่าสนใจของกล้องก็คือมาพร้อมโหมด Portrait, โหมด Beauty, โหมดกลางคืนและอื่นๆ ซึ่งเรียกได้ว่าให้มาเยอะสำหรับมือถือที่มีราคาเคื่องไม่ถึง 5,000 บาท และจากที่ได้เอาไปลองใช้มานั้นก็นับว่าไม่เลวเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นความคมชัดของภาพ รายละเอียดภาพจากากรถ่ายแบบย้อนแสง หรือแม้แต่รายละเอียดภาพเมื่อถ่ายตอนแสงน้อยก็นับงว่าไม่เลว เพียงแต่จากที่เจอคือกล้องหน้าที่ไม่ค่อยคมชัดเท่าไร แถมบางจังหวะยังมืดอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นกล้องที่ไม่ค่อยเหมาะกับการถ่ายเซลฟี่เท่าไร นอกจากนี้ในโหมด Portrait เวลาถ่ายแก้วน้ำที่มีหลอดตัว AI จะละลายหลอดทิ้งไปด้วย ถ้าจะให้พูดก็คือ Wiko T3 เป้นเครื่องที่เหมาะกับการเอามาใช้ถ่ายทั่วไป หรือถ่ายภาพวิวต่างๆ ลงโซเชียล แต่ไม่เหมาะกับการใช้เซลฟี่ภาพตัวเองลงโซเชียลเลย
ตัวอย่างภาพถ่าย
Wiko T10
ในด้านการถ่ายภาพนั้น Wiko T10 มาพร้อมกล้องหลังตัวเดียวความละเอียด 13MP พร้อมด้วยระบบ AutoFocus ซึ่งน้อยมากที่จะมีให้มาในมือถือเรทราคานี้ ส่วนกล้องหน้าเป็นกล้องความละเอียด 8MP ซึ่งจากที่ได้เอาไปลองใช้มานั้นต้องบอกเลยว่ากล้องของ Wiko T10 เก็บรายละเอียดในที่ๆ แสงเยอะได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าสามารถเอาไปใช้ถ่ายวิวได้ในระดับหนึ่งเลย เพียงแต่ด้วยการที่เป็นมือถือระดับเริ่มต้นการถ่ายภาพในที่แสงน้อยก็จะออกมาดูไม่ค่อยดีเท่าไร ถึงแม้ Wiko จะให้โหมดถ่ายภาพกลางคืนมาด้วยก็ตาม แต่คุณภาพที่ได้ก็เพิ่มขึ้นมาไม่มากนัก เรียกได้ว่าเหมาะกับการเอามาใช้ถ่ายวิวหรือถ่ายจังหวะฉุกเฉินมากกว่า
ตัวอย่างภาพถ่าย
Wiko T50
ในด้านการถ่ายภาพนั้น Wiko T50 มาพร้อมกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวที่ประกอบไปด้วยกล้องหลักความละเอียด 64MP, กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP และกล้อง Depth ความละเอียด 2MP ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 16MP ซึ่งจากที่ได้เอาไปลองใช้งานมานั้นทั้งความคมชัด สีสัน และรายละเอียดถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว รวมถึงภาพในที่แสงน้อยด้วย เพียงแต่ตัวกล้องหน้านั้นถ้าเป็นการถ่ายภาพในที่แสงน้อยจะออกมามืดๆ หน่อย ส่วนหนึ่งเพราะโหมดถ่ายภาพกลางคืนไม่สามารถใช้กับกล้องหน้าได้นั่นเอง ถ้าจะให้พูดแล้วภาพจากกล้องหลังของ Wiko T50 สามารถเอาไปใช้งานได้หลากหลายทีเดียว สำหรับจุดที่น่าเสียดายคือโหมด Portrait ที่การละลายหลังในบางจุดกินเข้ามาในตัววัตถุเล็กน้อยด้วย
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว Wiko T3 / Wiko T10 / Wiko T50
สรุปการรีวิวจากการที่ได้เอา Wiko T3, Wiko T10 และ Wiko T50 ไปลองใช้งานมานั้นต้องยอมรับเลยว่าครั้งนี้ทาง Wiko ทำมือถือออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว เพราะสเปคที่ให้มาไม่ได้แย่เลยเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวที่เข้าถึงได้ง่าย อีกทั้งทาง Wiko ยังคงเออกลักษณ์แบตเตอรี่อึดข้ามวันตามสไตล์ตัวเองไว้ได้อีกด้วย ถ้าจะให้พูดแบบเจาะจงรายรุ่นก็คือ Wiko T3 เป็นมือถือสำหรับคนที่ต้องการมือถือใช้งานแบบครอบคลุมทุกการใช้งานในงบไม่เกิน 5,000 บาท ส่วน Wiko T10 คือมือถือสำหรับคนที่ต้องการมือถือถูกๆ มาใช้เล่นโซเชียล, ให้พ่อ-แม่-ผู้สูงอายุใช้ หรือจะเอามาเป็นเครื่องรองก็ได้เช่นกัน ส่วน Wiko T50 คือมือถือสำหรับวัยรุ่นงบจำกัดที่ต้องการมือถือเล่นเกมลื่น มีกล้องถ่ายภาพคมๆ และชาร์จเร็วเป็นหลัก
Wiko T3 Wiko T10 Wiko T50 จุดเด่น – ราคาไม่แพง ใครๆ ก็เข้าถึงได้
– แบตเตอรี่อึดมากๆ
– มีความจุมากถึง 128GB
– ใช้เล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง
– ลำโพงถึงจะมีตัวเดียวแต่เสียงดังใช้ได้เลย
– ได้กล้องความละเอียด 48MP มา
– มีกล้อง Ultra-Wide มาให้ทั้งๆ ที่ราคาไม่ถึง 5,000 บาท
– มีโหมดถ่ายภาพกลางคืนมาให้– ราคาไม่แพง ใครๆ ก็เข้าถึงได้
– แบตเตอรี่อึดมากๆ
– ใช้ระบบ Android Go ทำให้ค่อนข้างประหยัดเนื้อที่ความจำ
– มีโหมดถ่ายภาพกลางคืนมาให้– ดีไซน์มีความสวยงามดูดีเกินราคา
– ได้หน้าจอความละเอียดถึง Full-HD+
– ได้ชิป Helio G85 ที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกม
– ได้กล้องความละเอียดสูงถึง 64MP
– มีระบบชาร์จเร็ว 40Wข้อสังเกต – หน้าจอความละเอียดแค่ HD+
– ไม่มีระบบชาร์จเร็ว ทำให้ต้องใช้เวลาชาร์จค่อนข้างนาน
– ภาพเซลฟี่จากกล้องหน้าไม่ค่อยคมแถมมืดไปหน่อยด้วย
– โหมดกลางคืนใช้กับกล้องหน้าไม่ได้– หน้าจอความละเอียดแค่ HD+
– ไม่มีระบบชาร์จเร็ว ทำให้ต้องใช้เวลาชาร์จค่อนข้างนาน
– ภาพจากโหมดกลางคืนก็ไม่ได้ดีกว่าเดิมเท่าไร
– โหมดกลางคืนใช้กับกล้องหน้าไม่ได้– หลังเครื่องเป็นผิวเงา เป็นรอยได้ง่าย
– ได้ Widevine ระดับ L3 เท่านั้น
– ภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อยเอาไปใช้ไม่ค่อยได้
– โหมดกลางคืนใช้กับกล้องหน้าไม่ได้
สำหรับใครที่สนใจตัวเครื่องลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่หน้าเว็บไซต์ Wiko ได้เลย หรือจะเข้าลิ้งตามนี้ก็ได้