ตอนนี้ต้องบอกว่ากระแสของสมาร์ทโฟนที่ใช้งาน 4G LTE ได้ในราคาไม่สูงมากเริ่มมาแรง เพราะใน กทม. ก็สามารถใช้งานได้ค่อนข้างครอบคลุมแล้ว แถบต่างจังหวัดในบางจุดก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน ทำให้หนึ่งในคำถามที่มีคนสนใจก่อนจะเลือกซื้อมือถือก็คือว่า “เครื่องนี้ใช้ 4G ได้เปล่า” จากที่เมื่อก่อนเป็นการถามเรื่อง 3G (ซึ่งตอนนี้ก็ยังถามกันอยู่ แต่เป็นการถามว่ารองรับของเครือข่ายไหนบ้าง) ประกอบกับช่วงนี้หลายๆ แบรนด์ก็ส่งมือถือที่ใช้งาน 4G LTE ได้ในราคาคุ้มค่าออกมาเป็นตัวเลือกกันเต็มที่ เช่นเดียวกับ Wiko แบรนด์จากฝรั่งเศสครับ กับรุ่นนี้เลย Wiko RIDGE FAB 4G แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าใช้งาน 4G LTE ได้แน่นอน ซึ่งทางเราก็เห็นว่าน่าสนใจดี เลยจัดการรีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันซะ จะคุ้มมั้ย น่าใช้หรือเปล่า ตัวเครื่องหน้าตาเป็นไง มาชมกันเลยครับ เริ่มที่ข้อมูลสเปคก่อนแล้วกัน
สเปค Wiko RIDGE FAB 4G
- ชิปประมวลผล Snapdragon 410 (MSM8916) 4 คอร์ ความเร็ว 1.2 GHz
- แรม 2 GB
- หน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD (1280 x 720)
- รอม 16 GB พร้อมช่อง MicroSD ใส่ได้สูงสุด 64 GB
- ใช้งานได้ 2 ซิม รองรับ 4G LTE
- ใช้งาน 3G ได้เฉพาะความถี่ 850 กับ 2100 MHz เท่านั้น (AIS 2100, dtac, Truemove-H, My by CAT)
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล มีแฟลช กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- Android 4.4.4 Kitkat
- แบตเตอรี่ 2,820 mAh
- ราคา 6,990 บาท
- สเปค Wiko RIDGE FAB 4G
ถ้าอ่านสเปค Wiko RIDGE FAB 4G แล้ว ต้องบอกว่ามันเทียบชั้นกับเครื่องรุ่นอื่นในราคาหลักหมื่นนิดๆ ได้สบายเลยด้วยซ้ำไป ไล่จากชิป Snapdragon 410 ที่ประสิทธิภาพก็พอโอเค เด่นในเรื่องการรองรับ 4G LTE ในราคาต้นทุนไม่สูง แรมก็ได้มา 2 GB จอใหญ่คมชัด กล้องความละเอียดสูงทั้งหน้าและหลัง รวมถึงแบตเตอรี่ก็เกือบ 3,000 mAh ทั้งหมดนี้ในราคาแค่ 6,990 บาทเท่านั้น จึงไม่แปลกใจที่กระแสของตัวนี้จะมาแรง และเป็นที่สนใจของหลายๆ ท่านที่อยากได้มือถือสเปคพอตัว ราคาไม่แรงมาก ใช้งานทั่วไปได้ครบถ้วน อันนี้บอกเลย Wiko RIDGE FAB 4G ตอบโจทย์ได้เต็มๆ ส่วนตัวผมเห็นสเปคนี้ครั้งแรกแล้วยังงงเลย ว่ายัดมาขนาดนี้ แล้วขายในราคานี้ได้ยังไง เพราะมันคุ้มจริงๆ นะ ติดที่ชื่อยี่ห้อยังไม่คุ้นหูเท่านั้นเอง
ข้อดี
ข้อสังเกต
บทสรุป
BEST PRICE
Design
สำหรับเรื่องดีไซน์ Wiko RIDGE FAB 4G ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ เริ่มจากตอนแรกผมเห็นว่าเป็นเครื่องจอใหญ่ตั้ง 5.5 นิ้ว กะว่าน่าจะหนักมือเอาเรื่องอยู่ เพราะเคยใช้เคยลองมือถือจอขนาดนี้มาก็หลายเครื่องอยู่ เลยพอกะน้ำหนักได้ แต่พอถือจริง ปรากฏว่าผิดคาด เพราะมันเบากว่าที่คิด ซึ่งก็น่าจะเกิดจากการที่ตัวเครื่องใหญ่ เลยทำให้กระจายน้ำหนักออกไปได้กว้าง ตอนถือจริงจึงไม่รู้สึกว่าหนักมือเท่าไหร่ อันนี้ก็ถือว่าเป็นข้อดีของการเลือกใช้วัสดุเป็นพลาสติกล่ะนะครับ กลายเป็นว่าแค่หยิบขึ้นมาครั้งแรกก็ได้จุดเด่นของ Wiko RIDGE FAB 4G ไปแล้วหนึ่งจุด
จุดเด่นของด้านหน้าเครื่องก็คงเป็นเรื่องหน้าจอนี่ล่ะครับ ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ กับพาเนล IPS ของ Wiko RIDGE FAB 4G เพราะเท่าที่ผมลองใช้งานดู ก็รู้สึกว่ามันเป็น IPS ในเกรดที่ดีไล่ๆ กับพวกมือถือตัวรองท็อปในตลาดที่ราคาหลักหมื่นหลายรุ่นเลยนะ ซึ่งถ้าใครที่เคยลองใช้งานหรือสังเกตจอมือถือดู จะพบว่ามือถือราคาไม่แพง (หลักพัน) ที่บอกว่าใช้พาเนล IPS นั้น คุณภาพของภาพที่ออกมาจะแตกต่างจากพวกมือถือราคาหลักหมื่นที่ก็บอกว่าใช้พาเนล IPS เหมือนกันแบบสังเกตได้ ทั้งเรื่องสีสันและความกว้างของมุมมองจอ สำหรับตัว Wiko RIDGE FAB 4G นี่ ผมให้คะแนนหน้าจอในระดับที่ดีเลยนะ ใช้งานในร่มได้สบายๆ ใช้งานกลางแจ้งก็พอไหวอยู่ แต่รู้สึกว่าระบบปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติจะทำงานได้ไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่ ส่วนมากผมจะเจอมันปรับให้สว่างเกินกว่าที่ควรจะเป็นอยู่บ่อยครั้งเลย สุดท้ายก็ต้องปิดไป แล้วมาเลื่อนความสว่างจอซะเองในที่สุด อ้อ ที่ด้านบนของจอ จะมีไฟ LED แจ้งเตือน notification ให้เล็กๆ ด้วยนะ
ส่วนด้านข้างเครื่อง ก็จะเป็นแถบอะลูมิเนียมติดมาให้ด้านข้าง ให้ทั้งความสวยงาม เรียบหรู และความแข็งแรงด้วยในตัว ยกให้เป็นมือถือราคาไม่สูงมากที่เนื้องานดีอีกรุ่นหนึ่งได้เลยครับ สำหรับฝั่งขวาก็จะมีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่ม Power อยู่ ด้านบนมีช่องเสียบแจ็คหูฟัง ด้านซ้ายไม่มีอะไร ส่วนด้านล่างก็จะมีช่อง Micro USB ซึ่งใกล้ๆ กันนั้นก็จะมีร่องสำหรับแงะฝาหลังออกมาด้วย แต่ตัวผมลองแล้วแงะไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ เลยอาศัยแงะจากช่อง Micro USB ซะเลย แต่ต้องระวังอย่าไปแงะส่วนที่เป็นโลหะของพอร์ตเข้าล่ะ
ขนาดมือผู้หญิง ยังถือและใช้ถ่ายเซลฟี่ด้วยมือเดียวได้สบายๆ
จุดที่เด่นสุดของ Wiko RIDGE FAB 4G ก็คงจะเป็นฝาหลังนี่เองครับ แม้ว่าวัสดุจะเป็นพลาสติกธรรมดาๆ แต่พอลองสัมผัสผิวมันเท่านั้นแหละ ต้องบอกว่ามันไม่ธรรมดาครับ เพราะดูเหมือนว่ามันจะเป็นผิวสักหลาดแบบแข็งๆ หน่อยในลักษณะเดียวกับฝาหลังของ OnePlus One สีดำ ซึ่งถ้าจะให้เข้าใจความรู้สึกของผิวสัมผัสง่ายๆ ก็ต้องบอกว่ามันเหมือนหินลับมีดเลยครับ คือมีความสากมือเล็กน้อย แต่ไม่บาดมือ แถมทำให้สามารถถือใช้งานเครื่องได้โดยไม่ลื่นมืออีกต่างหาก อันนี้ได้ใจไปเต็มๆ ส่วนของบริเวณกล้องหลัง ถ้าดูจากภาพจะเหมือนว่ามันนูนจากฝาหลังมาก แต่ถ้ามาดูเครื่องจริง ต้องบอกว่ามันแทบไม่ได้นูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเท่าไหร่เลย มันก็แทบจะเนียนไปกับระนาบฝาหลังโดยทั่วไปครับ แต่ที่เราเห็นมันนูนเยอะก็เป็นเพราะว่ากล้องมันไปอยู่ตรงส่วนโค้งของฝาหลังพอดีเท่านั้นเอง
ฝาหลังพรีเมียม หาเหมือนได้ยาก แต่…
แต่มันก็มีข้อที่ทำให้เราหักคะแนนลบบ้างอยู่เหมือนกัน เพราะผิวฝาหลังในลักษณะนี้ ถ้ามันเกิดเป็นรอยขีดข่วนขึ้นมาแล้ว แม้จะเป็นแค่รอยเล็บ แต่บอกเลยว่ามันหายยากมาก อย่างเครื่องที่เราได้รับมารีวิวครั้งนี้ก็เป็นเครื่องวนสำหรับรีวิวตามปกติอยู่แล้ว เลยทำให้ฝาหลังมีรอยขีดข่วนถาวรปรากฏขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน สำหรับจุดนี้ถ้าเป็นคนที่ไม่ซีเรียส เน้นซื้อมือถือมาเพื่อใช้งานก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ถ้าหากอยากจะเอาไว้ขายต่อตอนเปลี่ยนเครื่องใหม่ อันนี้บอกเลยว่าลำบากซักหน่อยนะ แถมเคสไม่ได้หาซื้อกันง่ายๆ ด้วยซิ เพราะไม่ใช่ยี่ห้อยอดนิยมท็อปฮิตติดชาร์ตในบ้านเรา
อย่างที่บอกไปในช่วงแรกแล้วว่าฝาหลังมันสามารถแกะได้ ก็จัดการแกะซะเลยครับ พอลองงอดูนี่พบว่าฝาหลังมันงอได้พอสมควรเลยนะ เป็นพลาสติกที่ยืดหยุ่นได้ดีพอตัว เมื่อแกะออกมาก็จะพบช่องใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ เหนือขึ้นไปก็เป็นช่อง MicroSD ถัดมาทางขวาก็เป็นช่องใส่ไมโครซิม 1 และไมโครซิม 2 ตามลำดับ โดยถ้าจะใช้งาน 4G LTE ก็สะดวกมาก เพราะจะใส่ซิมช่องไหนก็ได้ แล้วค่อยไปตั้งค่าเอาว่าจะให้ซิมไหนใช้ 4G (ส่วนอีกช่องที่เหลือก็จะเป็น 2G ตามปกติเอง)
อีกหนึ่งความใส่ใจที่เห็นได้ของ Wiko เลยก็คือ ในกล่องมันมีแถมตัวแปลงขนาดซิมมาให้ด้วยครับ มาครบทุกขนาดของการแปลงจากเล็กไปใหญ่เลย แต่ที่งงคือมันดันแถมตัวแปลงเป็นซิมขนาดปกติให้มาด้วย ทั้งๆ ที่ตัวเครื่องจริงใส่ได้เฉพาะไมโครกับนาโนซิมเท่านั้น ก็แปลกดีนะ ถือซะว่าเป็นของแถมมาเผื่อเอาไปใช้กับเครื่องอื่นก็แล้วกัน
มาชมภาพแกลเลอรี่ของ Wiko RIDGE FAB 4G ที่น่าสนใจกันครับ 😀
Software
Wiko RIDGE FAB 4G เป็นมือถือที่เน้นในด้านของดีไซน์และสเปคที่คุ้มค่า ตรงจุดนี้เลยอาจจะทำให้ด้านของซอฟต์แวร์ดูดรอปลงไปซักหน่อยครับ พอเปิดเครื่องมาก็จะพบกับ Android ที่หน้าตาค่อนข้างธรรมดา เพียงแต่มีการเปลี่ยนไอคอนให้เป็นโทนสีกลุ่มของสีเขียว น้ำเงิน ชมพูม่วงเท่านั้นเอง เมนูภายในต่างๆ ก็ยังเป็น Android 4.4.4 ปกติอยู่ ตรงนี้ใครที่ชอบการใช้งานอินเตอร์เฟสแบบพื้นๆ เดิมๆ คงชอบใจน่าดู แต่สำหรับคนที่อยากได้หน้าตาแปลกๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะจุดเด่นของ Android คือผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้าตา เปลี่ยนลันเชอร์ เลือกธีม ปรับไอคอนได้ตามใจชอบอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องหน้าตาจึงไม่ถือว่าเป็นปัญหาแล้วกันนะ
และด้วยการที่ Wiko RIDGE FAB 4G เน้นด้านซอฟต์แวร์แบบพื้นๆ เลยทำให้มันไม่มีฟีเจอร์พิเศษติดมาด้วย แอพติดเครื่องก็มีมาแต่แอพหลักๆ ของ Android และ Google บางตัวเท่านั้น ไม่มีแอพขยะและฟีเจอร์ส่วนเกินมาเลย อันนี้ส่วนตัวผมชอบนะ ให้มาเท่าที่จำเป็นต้องใช้พอ ที่เหลือค่อยไปหาแอพลงเองทีหลังก็ได้ ดีกว่าให้มาล้นจนรอมจะเต็ม (แถมส่วนใหญ่ลบไม่ได้อีกด้วย)
ซึ่งการที่ Wiko RIDGE FAB 4G มาพร้อมรอมที่แทบจะเป็น Pure Android 97% เลยทำให้เราเหลือพื้นที่รอมให้ใช้งานกันถึงราวๆ 11 GB จากรอม 16 GB เรียกว่าเหลือเฟือเลยทีเดียว ส่วนแรมในระหว่างใช้งานนั้น จากทั้งหมด 2 GB จะเหลือให้ใช้ถึงราว 1.2 GB เลย ถือว่าเป็นรอมที่กินแรมในการทำงานน้อยมาก การใช้งานจริงก็ไหลลื่น เปิดปิดแอพได้เร็ว แถมไม่ค่อยเจอบั๊กอะไรระหว่างการใช้งานเท่าไหร่ด้วย จากเท่าที่ลองรีวิวมา Wiko RIDGE FAB 4G ถือเป็นสมาร์ทโฟน Android อีกรุ่นที่ทำรอมออกมาได้ดีจริงๆ น่าประทับใจครับ
Camera
มาที่เรื่องกล้องถ่ายรูปของ Wiko RIDGE FAB 4G กันบ้าง จากสเปคจะเห็นว่าทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังต่างก็ให้ความละเอียดที่สูงทั้งคู่ (13 MP ของกล้องหลัง และ 5 MP ของกล้องหน้า) ซึ่งการที่กล้องให้ความละเอียดภาพมาเยอะๆ นี่ก็ดีนะ เพราะเราสามารถมา crop ภาพทีหลังได้สะดวก crop ได้โดยที่ภาพไม่เละจนเกินไป ส่วนในด้านของซอฟต์แวร์ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ Wiko RIDGE FAB 4G ทำได้ไม่เด่นนัก อย่างออพชั่นที่มีให้ปรับของแอพกล้องติดเครื่อง ก็จะมีพวกปรับค่าแสงสว่าง ค่า ISO โทนสี ซึ่งผู้ใช้ทั่วไปคงไม่ค่อยได้ปรับอยู่แล้ว แต่ในเรื่องของโหมดการถ่ายอันนี้มีเพียงแค่โหมดปกติ โหมด HDR และโหมดเฟซบิวตี้หน้าเนียนเท่านั้นเอง
ส่วนภาพที่ออกมา ถ้าถ่ายในสภาพแสงปกติ ก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควร แต่ถ้าไปเจอแสงแปลกๆ เช่นแสงสีส้มในร้านอาหาร ระบบปรับ white balance ยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก ชดเชยแสงให้ไม่กลางพอดีเท่าไหร่ เลยกลายเป็นว่าภาพสีเพี้ยนไปเลยก็มีบ้างเหมือนกัน ส่วนเรื่องของความสว่าง ก็เป็นอีกจุดที่ Wiko RIDGE FAB 4G ทำได้ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่กับการชดเชยแสง บางจุดของภาพก็มืดไปเลย พอจะสว่างก็สว่างเกินไป ตรงนี้แนะนำว่าถ้าเปิดโหมด HDR น่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่งครับ (ระบบ HDR ต้องกดเปิดเอง ไม่ได้เปิดให้อัตโนมัติ)
ลองรับชมตัวอย่างภาพถ่ายด้านล่างนี้เลยละกัน
Performance
ปิดท้ายด้วยการทดสอบประสิทธิภาพครับ ผลก็เป็นไปตามคาดเลยคือคะแนนอยู่ในระดับกลางๆ ไม่สูงมากนัก เพราะสเปคเครื่องจัดอยู่ในกลุ่มกลางเท่านั้น แต่เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานอย่างไหลลื่นแล้วล่ะครับ ทั้งนี้ ความดีความชอบก็คงยกให้กับทั้งแรมที่มีให้มา 2 GB และรอมที่เบา กินทรัพยากรเครื่องน้อย ส่วนในด้านกราฟิกก็ตามปกติครับ ใช้เล่นเกมทั่วไปได้ แต่ถ้าเจอเกม 3 มิติหนักๆ ก็มีเหนื่อยเหมือนกัน
ส่วนเรื่องระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ บอกเลยว่าไม่ต้องกังวลเลยครับ ด้วยสเปคที่ไม่กินไฟมากนัก ส่วนแบตเตอรี่ก็ความจุสูงถึง 2,820 mAh ซึ่งเยอะกว่ามือถือรุ่นท็อปหลายๆ รุ่นเลยด้วยซ้ำไป ทำให้สามารถใช้งาน Wiko RIDGE FAB 4G ได้นาน ถ้าใครเป็นคนที่ไม่ได้ติดมือถือมากนัก มีหยิบมาเล่นแค่เป็นช่วงๆ ถึงแม้จะต่อใช้งาน 3G/4G LTE ทั้งวัน ก็รับรองได้เลยว่าแบตเหลือให้ใช้งาน 2-3 วันได้อย่างสบายๆ