vivo X90 Pro 5G สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง vivo ผู้มาพร้อมสโลแกน “Pro Photography in Pockect” มอบประสบการณ์การใช้กล้องระดับโปรในขนาดพกพา ด้วยกล้องจาก ZEISS ที่มีขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ถึง 1 นิ้ว, ชิปประมวลผลภาพรุ่นใหม่ vivo V2 พร้อมชิป Dimensity 9200 อันทรงพลัง และระบบชาร์จเร็ว Dual-Cell FlashCharge 120W ซึ่งตอนนี้มันก็ได้มาอยู่ในมือทีมงาน Specphone เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการที่ได้เอาไปลองใช้งานมาจะเป็นอย่างไรบ้างไปชมกันได้เลย


สเปคของ vivo X90 Pro 5G
- หน้าจอ : AMOLED, ขนาด 6.78 นิ้ว, ความละเอียด 2800 x 1260 พิกเซล (FHD+), Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate 300Hz, 2160Hz PWM Dimming, รองรับการแสดงผล HDR10+, รองรับความลึกสี 10-bits, ความสว่างสูงสุด 1,300 นิต
- ชิปประมวลผล : MediaTek Dimensity 9200, viv0 V2
- แรม : 12GB ชนิด LPDDR5x รองรับ Extended RAM สูงสุด 8GB
- หน่วยความจำ : 256GB ชนิด UFS 4.0
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 50MP, f/1.75, OIS (wide) | เซ็นเซอร์ Sony IMX989 ขนาด 1″
- ตัวที่ 2 : 12MP, f/1.98, มุมกว้าง 108 องศา (ultrawide) | เซ็นเซอร์ Sony IMX663
- ตัวที่ 3 : 50MP, f/1.6, OIS, 2x Optical (Portrait) | เซ็นเซอร์ Sony IMX758
- กล้องหน้า : 32MP, f/2.45
- แบตเตอรี่ : 4,870 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 120W FlashCharge, 50W Wireless Charge
- ระบบปฏิบัติการ : Funtouch OS 13 ที่มีพื้นฐานจาก Android 13
- การเชื่อมต่อ :
- 5G
- Wi-Fi 6
- Bluetooth 5.3
- GPS, BEIDOU, GLONASS, GALILEO, QZSS, NavIC, A-GPS, Cellular positioning, WLAN positioning
- NFC
- USB Type-C 3.2 Gen 1
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint (ใต้จอ)
- Accelerometer
- Ambient Light Sensor
- Proximity Sensor
- E-compass
- Gyroscope
- Color Temperature Sensor
- Laser Focus Sensor
- Infrared Blaster
- Linear Motor
- ขนาด : 164.07 × 74.53 × 9.34 มม.
- น้ำหนัก : 214.85 กรัม
- สี : Legendary Black
- ราคา : 39,999 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง

สำหรับดีไซน์ตัวเครื่องนั้นในรุ่น X90 Pro ทาง vivo ได้มีการใช้วัสดุเป็นหนังวีแกนที่สัมผัสคล้ายหนังจริงแบบสุด ๆ พร้อมด้วยแถบคาดอะลูมิเนียมที่สลักข้อความ Xtreme Imagination เอาไว้ โดยมีโมดูลกล้องเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางส่วนบนของตัวเครื่อง ซึ่งในครั้งนี้ทาง vivo เอาเข้ามาขายในไทยแค่สีเดียวคือสีดำ Legendary Black
โดยทาง vivo อธิบายว่าได้ใช้การออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความเป็นคณิตศาสตร์เข้ากับสุนทรียศาสตร์ โดยวางโครงสร้างตามหลักสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) ให้ความสำคัญกับความสมดุลและความสอดคล้องต่าง ๆ สร้างความโดดเด่นสะดุดตาด้วยกล้องหลังวงกลมขนาดใหญ่และฝาหลังหนังวีแกนสุดหรูหรา พร้อมเผยด้วยว่าได้แรงบันดาลใจมาจากพระอาทิตย์ขึ้น (Sunrise) โดยมีโมดูลกล้องทรงกลมขนาดใหญ่เป็นเหมือนตัวแทนของพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า มีเลนส์กล้อง 3 ตัวที่รวมอยู่ในวงกลมเดียวเสมือนรวมอยู่ใน “Big Eye” สีดำสนิท ช่วยให้ภาพรวมดูเรียบง่ายแต่ทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก

ในส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้น X90 Pro จะมาพร้อมหน้าจอพาแนล AMOLED ที่มีขอบโค้งลงข้างทั้ง 2 ด้าน ที่มีพื้นที่แสดงผลขนาด 6.78 นิ้ว ด้วยความละเอียดระดับ FHD+ นอกจากนี้ยังมาพร้อมอัตรารีเฟรชที่สูงถึง 120Hz จัดเต็มด้วยความสว่างที่สูงถึง 1,300 นิต และยังมีเทคโนโลยีป้องกันดวงตาที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ vivo อีกด้วย
ในส่วนของรอบตัวเครื่องนั้นจะใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมเงาตัดกับหลังเครื่อง โดยที่ทางฝั่งซ้ายจะไม่มีปุ่มอะไรเลย ทั้งหมดนั้นรวมกันอยู่ที่ฝั่งขวาไม่ว่าจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียงหรือปุ่ม Power ก็ตาม ที่ด้านบนจะมีมีเซนเซอร์ IR Blaster และไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน พร้อมด้วยข้อความที่สลักว่า “Professional Photography” ส่วนด้านล่างนั้นจะมาพร้อมพอร์ต USB Type-C 3.2 Gen 1, ลำโพงตัวเครื่องแบบสเตอริโอ, ช่องใส่ซิมแบบ Dual-slot และรูไมโครโฟน
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ

สำหรับในเรื่องของการใช้งานนั้นในด้านโซเชียลถือว่าลื่นไหลดี ด้วยพลังในการประมวลผลขั้นสุดและหน้าจอที่ไหลลื่น ในด้านความบันเทิงก็เช่นกัน เพราะ X90 Pro นั้นจะใช้ชิป vivo V2 มาช่วยในการปรัมวลผลภาพที่แสดงบนหน้าจอด้วย อีกทั้งด้วยชิปเสียงระดับ Hi-Fi และลำโพงคู่สเตอริโอ ก็ช่วยให้ความบันเทิงได้อย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งตัวเครื่องยังมีมาตราฐาน IP68 ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะเข้าเครื่องจนพังแบบง่าย ๆ ได้เลย

ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้น X90 Pro จะมีแบตเตอรี่ขนาด 4,870 mAh ซึ่งจากที่ได้เอาไปลองใช้มานั้นบอกเลยว่าอึดจัด ทั้งเปิด 5G ตลอดเวลา เล่นโซเชียลเป็นชั่วโมง เปิดกล้องถ่ายภาพเป็นชั่วโมง พร้อมฟังเพลงจาก Spotify ไปด้วย แบตเตอรี่ก็ยังเหลือพอจนถึงบ้านได้สบาย ๆ และถ้าใช้งานน้อยกว่านั้นก็สามารถอยู่แบบข้ามวันได้สบายเลย ส่วนในเรื่องการชาร์จนั้นเราเริ่มชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือ 1% ใน 5 นาทีแรกจะได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 24% และถึง 50% ภายในเวลาแค่ 12 นาทีเท่านั้น ซึ่งเมื่อรวมเวลาชาร์จจาก 1% – 100% แล้วนั้นจะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 31 นาที แต่ก็มีข้อความระวังเล็กน้อยคือเมื่อชาร์จเสร็จแล้วตัวเครื่องจะมีความร้อนสะสมอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ได้ร้อนมากเท่าอะแดปเตอร์ ตรงนี้อาจจะต้องขอให้ระมัดระวังกันหน่อยหากเอาไปใช้กับปลั๊กพ่วงที่เก่าหรือเสื่อมสภาพ
การเล่นเกม

ในเรื่องของการเล่นเกมนั้นเรียกได้ว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจ ด้วยชิปประมวลผล Dimesity 9200 ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 12GB และหน่วยความจำขนาด 256GB ทำให้สามารถเอาไปใช้เล่นได้ทุกเกมไม่ว่าเกมนั้นจะกินสเปคหรือกินพื้นที่ขนาดไหนก็ตาม และยิ่งด้วยชิป Dimensity นั้นมีจุดเด่นเรื่องการจัดการความร้อนที่ดีกว่าชิปแบรนด์อื่น ๆ ทำให้สามารถคุมความร้อนของตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี และเมื่อผนวกเข้ากับระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ขนาดใหญ่ ทำให้สามารถเล่นเกมนาน ๆ ได้โดยไม่ร้อนมือเลย
ซึ่งจากที่ได้ลองนั้นตอนเล่น RoV ต่อเนื่องเป็นชั่วโมง ตัวเครื่องไม่มีรู้สึกร้อนเลยสักนิดทั้งๆ ที่ตั้งค่าทุกอย่างสุดแล้ว หรือแม้กระทั่งเกม Genshin Impact ที่กินสเปคแบบสุด ๆ ขนาดเปิดด้วยกราฟิกสูงสุด กว่าจะรู้สึกร้อนก็ใช้เวลานานกว่าแบรนด์อื่น ๆ พอสมควรเลยทีเดียว แถมยังไม่มีอาการกระตุกให้เห็นเลยด้วย แต่ด้วยการออกแบบที่มีโมดูลกล้องหลังขนาดใหญ่ ทำให้เวลาจับถือเล่นเกมจะไม่ค่อยกระชับมือเท่าไรนัก อีกทั้งตรงกระจกเลนส์กล้องยังเป็นจุดที่เราวางนิ้วลงไปด้วย ทำให้เลนส์กล้องเปื้อนลายนิ้วมือได้ง่าย ๆ เลย
การถ่ายภาพ

ในเรื่องของการถ่ายภาพที่เป็นจุดเด่นอย่างถึงที่สุดของเครื่องนี้นั้น ตัวกล้องจะเป็นกล้องที่พัฒนาขึ้นมาร่วมกับ ZEISS โดยจะประกอบไปด้วยกล้องหลัก 50MP ที่มีขนาดเซ็นเซอร์ 1 นิ้ว พร้อมกันสั่น OIS, กล้อง Ultra-wide 12MP และกล้อง Portrait 50MP ที่มีกันสั่น OIS และรองรับการซูมแบบ Optical 2x อีกทั้งยังมีเซนเซอร์ Laser Focus เพื่อเพิ่มความแม่นยำ และความเร็วในการจับโฟกัสทั้งภาพถ่ายและวิดีโอ พ่วงด้วยชิปประมวลผลภาพรุ่นใหม่จากทาง vivo อย่าง vivo V2 ที่ช่วยให้ประมวลผลภาพได้เร็วขึ้น ถ่ายภาพในขณะซูมได้ดีขึ้น ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่าเดิมด้วย นอกจากนี้ยังมีการเคลือบผิวเลนส์ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะจากทาง ZEISS อย่าง T* (อ่านว่า ที สตาร์) อีกด้วย
สำหรับการถ่ายภาพนั้นด้วยความที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS ทำให้ได้โหมด ZEISS Natural Color เพิ่มขึ้นมา โดยจะเป็นการปรับโทนของรูปภาพให้ออกไปในโทนธรรมชาติเหมือนตาที่เห็นตามแบบฉบับของ ZEISS เรียกได้ว่าสวยสมราคาคุยมาก จะการเก็บรายละเอียดก็ดีหรือความคมชัดก็ดี สามารถทำออกมาได้ดีไม่เว้นแม้แต่ในที่แสงน้อย และด้วยการที่มีเซ็นเซอร์ขนาด 1 นิ้ว ทำให้ในการถ่ายภาพไม่จำเป็นต้องพึ่ง AI ในการละลายหลังเลยด้วย

สำหรับกล้อง Portrait นั้นก็เป็นอีกจุดเด่นของเครื่องเช่นกันด้วยฟีเจอร์ Portrait Style ที่ประกอบไปด้วย ZEISS Biotar Style Bokeh, ZEISS Cinematic Style Bokeh, ZEISS Sonnar Style Bokeh, ZEISS Planar Style Bokeh ZEISS Distagon Style Bokeh และฟีเจอร์ใหม่ ZEISS Cine-Flare Portrait โดยตัวฟีเจอร์ใหม่นี้จะมีการเสริมแสงแฟลร์ในแบบกล้องมืออาชีพ เหมาะกับการเอาไปใช้ถ่ายภาพในที่ ๆ มีแสงเยอะหรือย้อนแสง นอกจากนี้ตัวกล้อง Portrait ยังใช้ซูมได้ด้วย โดยจะรองรับการซูมแบบ Optical สูงสุด 2x และซูมแบบ Digital สูงสุด 40x ซึ่งในการถ่ายภาพซูมไกลนั้นจะได้กันสั่น OIS มาช่วยให้สามารถ่ถายภาพได้นิ่งขึ้น แต่ยิ่งซูมไกลคุณภาพของภาพก็จะยิ่งดรอปลงด้วยเช่นกัน ซึ่งจากที่ลองหากซูมไม่เกิน 10x ก็จะยังคงได้ภาพที่สวยและคมชัดอยู่ แต่ถ้าเกินกว่านั้นก็คงต้องมาลุ้นกับตัว AI เอา
ในส่วนของกล้อง Ultra-wide นั้นก็เรียกได้ว่าไม่ได้มีอะไรมากใช้ถ่ายภาพมุมกว้างได้และใช้ถ่ายภาพมาโครได้ในตัว แต่โหมดใหม่ที่ใส่เข้ามาอย่าง ZEISS Landscape & Architecture Mode / ZEISS Miniature Effect ก็ช่วยเพิ่มสีสันให้การถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี
สำหรับการบันทึกวิดีโอนั้นก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทาง vivo ชูเช่นกันด้วยโหมด 4K Ultra-Sensing Night Video ที่จะมีการใช้ชิป vivo V2 มาช่วยเสริมทั้งการประมวลผลภาพและการลด Noise เพิ่มให้วิดีโอมีความสวยงามและคมชัดมากขึ้น ถึงจะน่าเสียดายตรงที่วิดีโอกล้องหน้านั้นบันทึกได้แค่ระดับ 1080p @60FPS เท่านั้น ทั้ง ๆ ที่วิดีโอกล้องหลังสามารถบันทึกได้สูงสุดถึง 8K @24FPS เลย (รองรับการถ่ายแบบ HDR10+ ด้วยนะเออ)
ตัวอย่างภาพถ่าย

สรุปการรีวิว vivo X90 Pro 5G
สรุปการรีวิวจากการที่ได้เอาไปใช้งานมาระยะหนึ่งนั้นต้องยอมรับเลยว่า vivo X90 Pro 5G เครื่องนี้นั้นเป็นเครื่องที่ออกมาเพื่อการถ่ายภาพอย่างแท้จริง ด้วยฟีเจอร์ที่ใส่มาให้นั้นช่วยให้การถ่ายภาพง่านขึ้นอย่างมาก อีกทั้งยังมีความคมชัดในทุกสภาพแสงอีกด้วย แถมยังมีการเอาชิปประมวลผลภาพ vivo V2 มาช่วยในการประมวลผลไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ, ถ่ายวิดีโอ หรือแม้กระทั่งภาพที่แสดงบนหน้าจอก็ด้วย สมกับที่มีสโลแกน “Pro Photography in Pocket” จริง ๆ นอกจากกล้องแล้วยังมีการใส่สเปคที่เรียกได้ว่าสุดมากไม่ว่าจะเป็นชิป Dimensity 9200 ที่แรงสุด ๆ และระบบชาร์จเร็ว 120W แบบ Dual-cell ที่ใช้เวลาชาร์จแค่ราว ๆ 30 นาทีเท่านั้น
จุดเด่น
- ดีไซน์สวยงามมีความพรีเมียม
- เซ็นเซอร์กล้องหลักมีขนาดใหญ่ถึง 1 นิ้ว
- มีฟีเจอร์จาก ZEISS ให้เล่นเพียบ
- ถ่ายสวยทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหรือวิดีโอ
- ได้ชิป Dimensity 9200 ที่แรงที่สุดและควบคุมความร้อนได้ดีที่สุด
- ระบบชาร์จเร็ว 120W ที่ใช้เวลาชาร์จแค่ 30 นาทีก็เต็มแล้ว
- ให้อุปกรณ์มาครบแบบไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มเลย
ข้อสังเกต
- โมดูลกล้องมีขนาดใหญ่และนูนสูงจากตัวเครื่องพอสมควร อาจเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย และยังจับไม่ค่อยถนัดมือเวลาเล่นเกมด้วย
- วิดีโอกล้องหน้าบันทึกได้แค่ 1080P @60FPS เท่านั้น
ใครที่สนใจ vivo X90 Pro 5G นั้นตัวเครื่องจะวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้วเฉพาะรุ่นความจุ 12GB + 256GB เท่านั้น ในราคาค่าตัวที่ 39,999 บาท ใครสนใจสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าตัวแทนจำหน่าย หรือที่ vivo Brand Shop ทุกสาขา และช่องทางออนไลน์ และยังจะได้รับฟรี vivo 50W Vertical Wireless Flash Charger และ E-VIP (ประกันตัวเครื่องเป็น 2 ปี และประกันหน้าจอแตก 2 ปี 1 ครั้ง) มูลค่ารวม 13,998 บาทเพิ่มไปด้วย