ตลาดสมาร์ทโฟนในช่วงราคาหมื่นต้น ๆ นั้นมีการแข่งขันที่ดุเดือดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงหลังที่แต่ละแบรนด์ก็ล้วนจัดเต็มทั้งสเปค และฟีเจอร์ ส่วนหนึ่งก็มาจากความต้องการของตลาดในประเทศไทย ที่มักจะให้ความสนใจสมาร์ทโฟนในช่วงราคาประมาณนี้เป็นพิเศษ Vivo เองก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เน้นตลาดช่วงราคาประมาณหนึ่งหมื่นบาทเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ก็ได้เปิดตัว Vivo V7+ สมาร์ทโฟนหน้าจอ FullView และวางจำหน่ายไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
ส่วนรุ่นที่จะมารีวิวในวันนี้จะเป็นรุ่นเล็กที่เปิดตัวพร้อมกันอย่าง Vivo V7 ที่มีการปรับสเปคลงจาก Vivo V7+ เล็กน้อย และเปิดราคามาถูกกว่าที่ 9,990 บาท เรียกได้ว่าเปิดมาชนกับแบรนด์คู่แข่งเต็ม ๆ ส่วนสเปคที่ตัดออกไปก็ได้แก่ หน้าจอที่มีขนาดเล็กลง, ความจุภายในตัวเครื่อง, แบตเตอรี่ และชิปเสียง Hi-Fi แต่ก็ยังถือว่าชกกับคู่แข่งที่เปิดราคามาเท่ากันได้อย่างสูสี
สเปค Vivo V7
- หน้าจอขนาด 5.7 นิ้วความละเอียด HD 1440 × 720 พิกเซล
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 450 (Octa-core 1.8 GHz Cortex-A53) พร้อมกับ GPU Adreno 506
- แรม 4 GB
- หน่วยความจำภายใน 32 GB (รองรับการใช้งาน Micro SD สูงสุด 256 GB)
- กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
- กล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
- ระบบปฎิบัติการ Android 7.1.2 (Nougat)
- แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh
- ราคา 9,990 บาท
สำหรับสีของ Vivo V7 ที่วางขายในประเทศไทยจะมีสองสีด้วยกันคือสีดำ และ สีทอง ซึ่งอุปกรณ์ในกล่องก็จะมีสายชาร์จ หูฟัง อะแดปเตอร์ ที่สำคัญแถมเคสใสพร้อมกับติดฟิล์มไว้ให้พร้อมใช้งานทันที
จุดเด่น
– กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล มีแฟลชถูกใจผู้ที่ชื่นชอบเซลฟี่
ข้อสังเกต
บทสรุป
BEST PRICE
Design
การออกแบบของ Vivo V7 มีการออกแบบที่คล้ายกับ Vivo V7+ แต่จะมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย โดย Vivo V7+ มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 155.9 x 75.8 x 7.7 ส่วน Vivo V7 มีขนาดอยู่ที่ 149.3 x 72.8 x 7.9 ส่วนเรื่องน้ำหนักตัวเครื่อง Vivo V7+ มีน้ำหนัก 160 g ส่วน Vivo V7 จะเบากว่าโดยหนักอยู่ที่ 139 g
ด้านหลังตัวเครื่องเป็นพลาสติกเรียบเนียบ ให้สัมผัสที่ดีในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่เท่าโลหะก็ตาม เสาอากาศของตัวเครื่องอยู่ชิดขอบด้านบนและล่างของตัวเครื่องโดยเป็นเส้นโลหะบาง ๆ สีตามสัญลักษณ์ Vivo อยู่ตรงกลาง ถัดขึ้นไปด้านบนอีกนิดเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ออกแบบมาสำหรับนิ้วชี้โดยเฉพาะ
ตำแหน่งด้านบนของตัวเครื่องมองจากด้านหน้าก็จะเป็นแหล่งรวมเซ็นเซอร์ต่าง ๆ พร้อมกับกล้องหน้า และมี LED Flash ไว้สำหรับถ่ายเซลฟี่โดยเฉพาะ
ตัวเครื่องออกแบบได้บางไม่แพ้ Vivo V7+ ด้านซ้ายของตัวเครื่องประกอบไปด้วยถาดใส่ซิม ส่วนด้านขวาก็จะมีปุ่มเปิดปิดเครื่อง และปุ่มเพิ่มเสียงและลดเสียง
ด้านล่างของตัวเครื่องเป็นช่องเสียบสายชาร์จแบบ Micro USB, ช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ภาพรวมของ Vivo V7 ในด้านการออกแบบก็ทำได้ดีตามสไตล์ของ Vivo ตัวเครื่องเองให้ความรู้สึกทันสมัย ด้วยการใช้หน้าจอ FullView 18:9 ที่เต็มจอมากกว่าสมาร์ทโฟนปกติทั่วไป การวางปุ่มต่าง ๆ ทำได้อย่างลงตัว รวมถึงการจับถือตัวเครื่องที่ทำออกมาได้ดี ด้วยขนาดตัวเครื่องที่กำลังพอดีมือ จับถือสะดวก และการออกแบบที่มีความโค้งมนรับกับมือได้เป็นอย่างดี
ส่วนเรื่องหน้าจอความละเอียด HD+ ที่หลายคนกังวลเรื่องความคมชัด เพราะถ้ามองที่สเปคอย่างเดียวอาจจะรู้สึกแปลก ๆ แต่ในการใช้งานจริง ที่ระยะการใช้งานปกติสำหรับสมาร์ทโฟนหน้าจอ 5.7 นิ้ว หน้าจอของ Vivo V7 ถือว่าทำได้ดีทีเดียว สามารถใช้งานได้โดยไม่รู้สึกถึงเม็ดพิกเซล ด้วยความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลถึง 282 ppi (ส่วนตัวรู้สึกว่าคมกว่า Vivo V7+ เล็กน้อย) รวมกับการใช้พาแนลจอเป็น IPS ที่โดดเด่นด้านการแสดงผลอยู่แล้ว ทั้งในแง่ของสีสันหน้าจอ และมุมมองของภาพ
Software
Vivo V7 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 7.1.2 Nougat และมีหน้าตาของอินเตอร์เฟซของ Funtouch OS 3.2 ที่คุ้นเคยกันดีและใช้งานง่าย สามารถปรับแต่งหน้าโฮมได้อิสระ จากการใช้งานยังไม่พบปัญหาใด ๆ นอกจากหน้าจอขนาดใหญ่แนวยาว ทำให้การใช้งานมือเดียวค่อนข้างลำบาก ส่วนระบบ Multitasking ถือว่าทำได้ดี เนื่องจากให้แรมมาถึง 4 GB การสลับแอพพลิเคชั่นทำได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับ Notification Bar ด้านบนเป็นหน้าแสดงแจ้งเตือนต่าง ๆ ส่วนหน้าเมนูลัด Setting จะอยู่ที่ด้านล่างของหน้าจอ สามารถเลื่อนขึ้นมาเพื่อตั้งค่าได้เลย
สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ถือว่าทำได้น่าประทับใจ มีการเปิดแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่รวดเร็ว และมีการสำรองข้อมูลไว้ได้หลายแอพ ฯ เนื่องจากแรมที่เยอะ ทำให้การใช้งานที่เปลี่ยนแอพ ฯ บ่อย ๆ ทำได้อย่างไหลลื่น
Feature
ฟีเจอร์การแยกหน้าจอ หรือการทำงานพร้อมกันสองหน้าจอ มีวิธีการใช้งานง่าย ๆ โดยการใช้สามนิ้วเลื่อนลงมาก็จะขึ้นหน้าแอพพลิเคชั่นให้เลือกว่าจะเลือกรันแอพไหนพร้อมกัน ยกตัวอย่างภาพด้านบนที่สามารถดู Youtube พร้อมกับเล่น Facebook ไปพร้อม ๆ กันได้ถือเป็นผลดีจากหน้าจออัตราส่วน 18 : 9
อีกฟีเจอร์สำคัญที่หลายคนชื่นชอบกันก็คือฟีเจอร์โคลนแอพ ซึ่งจะทำให้สามารถเล่นไลน์ได้พร้อมกัน 2 บัญชี และยังรองรับแอพพลิเคชันประเภทแชทอื่น ๆ อีกด้วย น่าจะเหมาะกับคนที่ทำธุรกิจ หรือคนทำงานที่แยก Line ส่วนตัว กับ Line สำหรับติดต่องาน
Camera
Vivo V7 มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซลพร้อมกับ LED Flash โดยมีเซ็นเซอร์ขนาด 1/3 และมีรูรับแสงกว้าง f/2.0 ในส่วนของกล้องหน้า Vivo V7 จะเน้นมากกว่ากล้องหลังโดยมากับความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงกว้าง f/2.0 ที่สำคัญมี LED Flash ที่กล้องหน้าด้วยทำให้ถ่ายในที่มืดได้อย่างสบาย พร้อมกับปรับสีของผิวหน้าให้เนียนขึ้นอีกด้วย
สำหรับซอฟต์แวร์ของกล้องนั้นมีลูกเล่นให้เล่นมากมาย ครบครัน และใช้งานง่าย แต่ที่เน้นจะเป็นกล้องหน้าที่มีให้ปรับ LED Flash สีอมเหลืองนวลให้หน้าเราดูเนียนขึ้น มีโหมด HDR กล้องหน้า ที่สำคัญมีโหมดหน้าชัดหลังเบลอที่กล้องหน้าด้วย แม้จะมีกล้องหน้าแค่ตัวเดียวก็ตาม
คุณภาพการถ่ายภาพจากกล้องหน้าเป็นที่น่าพอใจ สามารถปรับแต่งแสง หน้าเนียน หน้าขาวได้ตามใจชอบ เชื่อว่าถูกใจสาวกเซลฟี่อย่างแน่นอน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า Vivo V7
จากการทดสอบการถ่ายภาพมีการเก็บรายละเอียดภาพได้ดีมากและให้สีสันที่สดใส ไม่ว่าจะถ่ายภาพวิว หรือว่าถ่ายภาระยะใกล้ เป็นผลดีจากตัวกล้องที่มีความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล และในส่วนที่ถูกใจที่สุดคงจะเป็นการถ่ายภาพเซลฟี่จากกล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซลที่ถ่ายสวยงามมาก มีทั้ง LED Flash ช่วยในการปรับสภาพแสงและมีซอฟต์แวร์ Face Beauty 7.0 ทปรับหน้าให้เนียนและขาวขึ้นจนตกใจตัวเอง ที่สำคัญยังมีฟีเจอร์ Face Beauty สำหรับ Video Calls ให้หน้าเนียนแบบ Live กันได้ตลอดเวลาไม่ต้องแต่งหน้าเลยทีเดียว
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Vivo V7
Performance
Vivo V7 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Snapdragon 450 ซึ่งเป็นชิป Octa-Core ARM Cortex A53 ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.8 GHz พร้อมกับ GPU Adreno 506 และแรมขนาด 4 GB จากการใช้งานทั่วไปอย่างเล่นเน็ต หรือโซเชียลต่าง ๆ ใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งให้แรมมาถึง 4 GB มีการสลับแอพพลิเคชั่นเป็นไปอย่างลื่นไหล แต่สำหรับการเล่นเกมที่มีกราฟฟิกสูง ๆ นั้นอาจจะมีเฟรมเรทตกบ้างตามประสิทธิภาพของชิปประมวลผลระดับกลาง ๆ แต่ก็ไม่ได้เฟรมเรทตกจนหมดสนุก
สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลภายในนั้นมีขนาด 32 GB ซึ่งใช้งานทั่วไปก็ถือว่ามีขนาดเหลือเฟือ แต่สำหรับคนที่เก็บข้อมูลเยอะ ๆ ก็สามารถเพิ่มความจุได้ด้วย microSD ส่วนเรื่องแบตเตอรี่นั้นให้มาที่ขนาด 3000 mAh ไม่เพียงพอต่อการใช้งานให้ครบวันอย่างแน่นอนหากใช้งานหนัก ๆ อย่างการเล่นเกม หรือเล่นโซเชียลตลอดเวลา แต่ถ้าหากใช้งานแบบปกติทั่วไปถือว่าแบตอึดใช้ได้
Gallery
จุดเด่น
– กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล มีแฟลชถูกใจผู้ที่ชื่นชอบเซลฟี่
ข้อสังเกต
บทสรุป
BEST PRICE
Design
การออกแบบของ Vivo V7 มีการออกแบบที่คล้ายกับ Vivo V7+ แต่จะมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย โดย Vivo V7+ มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 155.9 x 75.8 x 7.7 ส่วน Vivo V7 มีขนาดอยู่ที่ 149.3 x 72.8 x 7.9 ส่วนเรื่องน้ำหนักตัวเครื่อง Vivo V7+ มีน้ำหนัก 160 g ส่วน Vivo V7 จะเบากว่าโดยหนักอยู่ที่ 139 g
ด้านหลังตัวเครื่องเป็นพลาสติกเรียบเนียบ ให้สัมผัสที่ดีในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่เท่าโลหะก็ตาม เสาอากาศของตัวเครื่องอยู่ชิดขอบด้านบนและล่างของตัวเครื่องโดยเป็นเส้นโลหะบาง ๆ สีตามสัญลักษณ์ Vivo อยู่ตรงกลาง ถัดขึ้นไปด้านบนอีกนิดเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ออกแบบมาสำหรับนิ้วชี้โดยเฉพาะ
ตำแหน่งด้านบนของตัวเครื่องมองจากด้านหน้าก็จะเป็นแหล่งรวมเซ็นเซอร์ต่าง ๆ พร้อมกับกล้องหน้า และมี LED Flash ไว้สำหรับถ่ายเซลฟี่โดยเฉพาะ
ตัวเครื่องออกแบบได้บางไม่แพ้ Vivo V7+ ด้านซ้ายของตัวเครื่องประกอบไปด้วยถาดใส่ซิม ส่วนด้านขวาก็จะมีปุ่มเปิดปิดเครื่อง และปุ่มเพิ่มเสียงและลดเสียง
ด้านล่างของตัวเครื่องเป็นช่องเสียบสายชาร์จแบบ Micro USB, ช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ภาพรวมของ Vivo V7 ในด้านการออกแบบก็ทำได้ดีตามสไตล์ของ Vivo ตัวเครื่องเองให้ความรู้สึกทันสมัย ด้วยการใช้หน้าจอ FullView 18:9 ที่เต็มจอมากกว่าสมาร์ทโฟนปกติทั่วไป การวางปุ่มต่าง ๆ ทำได้อย่างลงตัว รวมถึงการจับถือตัวเครื่องที่ทำออกมาได้ดี ด้วยขนาดตัวเครื่องที่กำลังพอดีมือ จับถือสะดวก และการออกแบบที่มีความโค้งมนรับกับมือได้เป็นอย่างดี
ส่วนเรื่องหน้าจอความละเอียด HD+ ที่หลายคนกังวลเรื่องความคมชัด เพราะถ้ามองที่สเปคอย่างเดียวอาจจะรู้สึกแปลก ๆ แต่ในการใช้งานจริง ที่ระยะการใช้งานปกติสำหรับสมาร์ทโฟนหน้าจอ 5.7 นิ้ว หน้าจอของ Vivo V7 ถือว่าทำได้ดีทีเดียว สามารถใช้งานได้โดยไม่รู้สึกถึงเม็ดพิกเซล ด้วยความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลถึง 282 ppi (ส่วนตัวรู้สึกว่าคมกว่า Vivo V7+ เล็กน้อย) รวมกับการใช้พาแนลจอเป็น IPS ที่โดดเด่นด้านการแสดงผลอยู่แล้ว ทั้งในแง่ของสีสันหน้าจอ และมุมมองของภาพ
Software
Vivo V7 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 7.1.2 Nougat และมีหน้าตาของอินเตอร์เฟซของ Funtouch OS 3.2 ที่คุ้นเคยกันดีและใช้งานง่าย สามารถปรับแต่งหน้าโฮมได้อิสระ จากการใช้งานยังไม่พบปัญหาใด ๆ นอกจากหน้าจอขนาดใหญ่แนวยาว ทำให้การใช้งานมือเดียวค่อนข้างลำบาก ส่วนระบบ Multitasking ถือว่าทำได้ดี เนื่องจากให้แรมมาถึง 4 GB การสลับแอพพลิเคชั่นทำได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับ Notification Bar ด้านบนเป็นหน้าแสดงแจ้งเตือนต่าง ๆ ส่วนหน้าเมนูลัด Setting จะอยู่ที่ด้านล่างของหน้าจอ สามารถเลื่อนขึ้นมาเพื่อตั้งค่าได้เลย
สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ถือว่าทำได้น่าประทับใจ มีการเปิดแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่รวดเร็ว และมีการสำรองข้อมูลไว้ได้หลายแอพ ฯ เนื่องจากแรมที่เยอะ ทำให้การใช้งานที่เปลี่ยนแอพ ฯ บ่อย ๆ ทำได้อย่างไหลลื่น
Feature
ฟีเจอร์การแยกหน้าจอ หรือการทำงานพร้อมกันสองหน้าจอ มีวิธีการใช้งานง่าย ๆ โดยการใช้สามนิ้วเลื่อนลงมาก็จะขึ้นหน้าแอพพลิเคชั่นให้เลือกว่าจะเลือกรันแอพไหนพร้อมกัน ยกตัวอย่างภาพด้านบนที่สามารถดู Youtube พร้อมกับเล่น Facebook ไปพร้อม ๆ กันได้ถือเป็นผลดีจากหน้าจออัตราส่วน 18 : 9
อีกฟีเจอร์สำคัญที่หลายคนชื่นชอบกันก็คือฟีเจอร์โคลนแอพ ซึ่งจะทำให้สามารถเล่นไลน์ได้พร้อมกัน 2 บัญชี และยังรองรับแอพพลิเคชันประเภทแชทอื่น ๆ อีกด้วย น่าจะเหมาะกับคนที่ทำธุรกิจ หรือคนทำงานที่แยก Line ส่วนตัว กับ Line สำหรับติดต่องาน
Camera
Vivo V7 มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซลพร้อมกับ LED Flash โดยมีเซ็นเซอร์ขนาด 1/3 และมีรูรับแสงกว้าง f/2.0 ในส่วนของกล้องหน้า Vivo V7 จะเน้นมากกว่ากล้องหลังโดยมากับความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงกว้าง f/2.0 ที่สำคัญมี LED Flash ที่กล้องหน้าด้วยทำให้ถ่ายในที่มืดได้อย่างสบาย พร้อมกับปรับสีของผิวหน้าให้เนียนขึ้นอีกด้วย
สำหรับซอฟต์แวร์ของกล้องนั้นมีลูกเล่นให้เล่นมากมาย ครบครัน และใช้งานง่าย แต่ที่เน้นจะเป็นกล้องหน้าที่มีให้ปรับ LED Flash สีอมเหลืองนวลให้หน้าเราดูเนียนขึ้น มีโหมด HDR กล้องหน้า ที่สำคัญมีโหมดหน้าชัดหลังเบลอที่กล้องหน้าด้วย แม้จะมีกล้องหน้าแค่ตัวเดียวก็ตาม
คุณภาพการถ่ายภาพจากกล้องหน้าเป็นที่น่าพอใจ สามารถปรับแต่งแสง หน้าเนียน หน้าขาวได้ตามใจชอบ เชื่อว่าถูกใจสาวกเซลฟี่อย่างแน่นอน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า Vivo V7
จากการทดสอบการถ่ายภาพมีการเก็บรายละเอียดภาพได้ดีมากและให้สีสันที่สดใส ไม่ว่าจะถ่ายภาพวิว หรือว่าถ่ายภาระยะใกล้ เป็นผลดีจากตัวกล้องที่มีความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล และในส่วนที่ถูกใจที่สุดคงจะเป็นการถ่ายภาพเซลฟี่จากกล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซลที่ถ่ายสวยงามมาก มีทั้ง LED Flash ช่วยในการปรับสภาพแสงและมีซอฟต์แวร์ Face Beauty 7.0 ทปรับหน้าให้เนียนและขาวขึ้นจนตกใจตัวเอง ที่สำคัญยังมีฟีเจอร์ Face Beauty สำหรับ Video Calls ให้หน้าเนียนแบบ Live กันได้ตลอดเวลาไม่ต้องแต่งหน้าเลยทีเดียว
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Vivo V7
Performance
Vivo V7 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Snapdragon 450 ซึ่งเป็นชิป Octa-Core ARM Cortex A53 ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.8 GHz พร้อมกับ GPU Adreno 506 และแรมขนาด 4 GB จากการใช้งานทั่วไปอย่างเล่นเน็ต หรือโซเชียลต่าง ๆ ใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งให้แรมมาถึง 4 GB มีการสลับแอพพลิเคชั่นเป็นไปอย่างลื่นไหล แต่สำหรับการเล่นเกมที่มีกราฟฟิกสูง ๆ นั้นอาจจะมีเฟรมเรทตกบ้างตามประสิทธิภาพของชิปประมวลผลระดับกลาง ๆ แต่ก็ไม่ได้เฟรมเรทตกจนหมดสนุก
สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลภายในนั้นมีขนาด 32 GB ซึ่งใช้งานทั่วไปก็ถือว่ามีขนาดเหลือเฟือ แต่สำหรับคนที่เก็บข้อมูลเยอะ ๆ ก็สามารถเพิ่มความจุได้ด้วย microSD ส่วนเรื่องแบตเตอรี่นั้นให้มาที่ขนาด 3000 mAh ไม่เพียงพอต่อการใช้งานให้ครบวันอย่างแน่นอนหากใช้งานหนัก ๆ อย่างการเล่นเกม หรือเล่นโซเชียลตลอดเวลา แต่ถ้าหากใช้งานแบบปกติทั่วไปถือว่าแบตอึดใช้ได้