
vivo V50 Lite สมาร์ทโฟนน้องเล็กในซีรีส์ V50 ที่ออกมาเพื่อคนที่ต้องการแบตเตอรี่ที่อึดกว่าที่แล้ว ๆ มา ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6500mAh แต่ก็ยังคงความเบาบางของ V Series ได้อยู่เช่นเดิม อีกทั้งยังมีความทนทานระดับ Military Grade และทนน้ำทนฝุ่น IP65 อีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งแบตอึดและทนทานสุด ๆ โดย vivo V50 Lite นั้นการใช้งานจะเป็นอย่างไรเราไปดูกันเลยดีกว่า
สารบัญ
รีวิว vivo V50 Lite 5G

ดีไซน์



เรามาพูดถึงเรื่องดีไซน์ของ vivo V50 Lite กันก่อนดีกว่า โดยตัว vivo V50 Lite นั้นจะมาในดีไซน์ที่ไม่เหมือนรุ่นพี่อย่าง vivo V50 ที่มีขอบโค้งหน้า-หลัง แต่จะมาด้วยดีไซน์ขอบเหลี่ยมแบบเงาด้วยวัสดุผิวสัมผัสแบบ High-gloss ที่มีความหนาเพียง 7.79 มม. เท่านั้น โดยมีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่ม Power อยู่ที่ด้านขวาของเครื่อง ส่วนที่ด้านซ้ายจะโล่ง ๆ ไม่มีอะไร ที่ด้านบนจะมีลำโพงตัวเครื่องและไมโครโฟนอยู่ ส่วนด้านล่างจะมีช่องใส่ซิม ลำโพง ไมโครโฟน และพอร์ด USB-C

ในส่วนของด้านหลังตัวเครื่องนั้นจะมีโมดูลกล้องวางเรียงเป็นแนวตั้ง โดยภายในจะมีเลนส์กล้องอยู่ 2 เลนส์ และไฟ Aura Light วงใหญ่วางอยู่ ส่วนฝาหลังตัวเครื่องนั้นจะมีมาให้เลือก 3 สีคือสีทอง Titanium Gold, มีม่วง Fantasy Purple และสีดำ Phantom Black ครับ ซึ่งต้องบอกเลยว่าสีทอง Titanium Gold นั้นให้ความรู้สึกหรูหราพอสมควรเลยครับ สำหรับสีสันต่าง ๆ ทาง vivo ได้ให้คำนิยามเอาไว้ดังนี้

- Titanium Gold : การผสมผสานที่เปล่งประกายของความแข็งแกร่งและความงาม สะท้อนความอบอุ่นยามเย็น เปล่งประกายด้วยความหรูหราแบบเรียบง่ายแต่พรีเมียม
- Fantasy Purple : ได้รับแรงบันดาลใจจากความงามในโทนสีพาสเทลของท้องฟ้ายามพลบค่ำผสมผสานโทนสีม่วงอ่อนกับพื้นผิวที่ประกายระยิบระยับอย่างอ่อนโยน
- Phantom Black : สีดำแฟนทอม โทนสีที่ลึกลับและนุ่มนวลพร้อมประกายระยิบระยับ สร้างสมดุลระหว่างความลึกลับและความประณีต

ในส่วนของหน้าจอนั้น vivo V50 Lite จะมาพร้อมหน้าจอแบบแบนที่มีขอบบางมากทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องมากถึง 95% พาแนลใช้เป็น AMOLED มีขนาดจอแสดงผลอยู่ที่ 6.77 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ รองรับอัตรารีเฟรชสูง 120Hz พร้อมด้วยความสว่างสูงสุดถึง 1800nits นอกจากนี้ตัวหน้าจอยังได้รับการรับรองจาก SGS Low Blue Light Certification ในเรื่องการลดแสงสีฟ้าอีกด้วย
การใช้งานทั่วไป

มาถึงเรื่องการใช้งานกันบ้าง โดยอย่างแรกที่จะพูดถึงเลยก็คือการจับถือ โดยตัวผมมองว่า vivo V50 Lite 5G นั้นสามารถจับถือได้สบายมือพอสมควร ถึงจะเสียจุดเด่นเรื่องน้ำหนักที่เบาหวิวไปนิดหน่อยด้วยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นมาเมื่อเทียบกับ V Series รุ่นอื่น ๆ แต่นั่นก็เพราะแบตเตอรี่ที่มีความจุเยอะขึ้นอย่างมาก ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อดี

ในเรื่องของการเล่นโซเชียลแล้วต้องยอมรับว่า vivo ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นความลื่นไหลในการใช้งานหรือความสามารถในการเชื่อมต่อสัญญาณก็ทำได้ดีแทบไม่เจอสัญญาณขาดเลยในเรื่องความบันเทิงเองก็นับว่าไม่เลว เพราะตัวลำโพงคู่ที่ให้มานั้นให้เสียงที่ดังพอสมควร ถึงจะอยู่ในที่ ๆ มีเสียงรบกวนในระดับหนึ่งก็สามารถได้ยินได้ชัดเจนดี แถมด้วยความที่มีพื้นที่แสดงผลเยอะเลยทำให้เวลาดูหนังสามารถดูได้อย่างเต็มจอเลย

สำหรับในเรื่องความทนทานทาง vivo ก็จัดมาให้ในระดับหนึ่งเช่นกัน โดย vivo V50 Lite นั้นได้มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP65 ได้รับรองการตกจาก SGS ในระดับ 5 ดาว และได้มาตรฐานความทนทานระดับทหาร (MIL-STD-810H) ด้วย ช่วยให้มั่นใจได้เลยว่า vivo V50 Lite นั้นถึงจะทำหลุดมือหรือเปียกน้ำก็จะไม่พังคามืออย่างแน่นอน
อีกเรื่องที่ไม่พูดไม่ได้เลยก็คือเรื่อง AI ที่ตอนนี้ฮิตมีกันแทบทุกเครื่อง และ vivo V50 Lite ก็มี AI เช่นกันดังนี้
- Circle to Search
- Live Text
- AI Photo Enhance
- AI Erase 2.0
- AI Screen Translation
แต่ที่ผมชอบที่สุดคือ AI Erase 2.0 ที่เรียกได้ว่าฉลาดเอาเรื่องเลย เพราะตัว AI สามารถตรวจจับคนได้เอง แถมยังลบออกได้อย่างแนบเนียนอีกด้วยครับ
การเล่นเกม

ในเรื่องของการเล่นเกมนั้น vivo V50 Lite ที่ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 6300 นั้นบอกได้เลยว่าสามารถใช้เล่นเกมได้ทุกเกม แต่สำหรับเกมที่กินสเปคสูง ๆ แล้วอาจจะต้องปรับกราฟิกให้ต่ำหรือต่ำที่สุดเพื่อให้สามารถเล่นได้แบบลื่น ๆ แต่สำหรับเกมที่ไม่ได้กินสเปคมาก็สามารถเล่นได้ลื่น ๆ สบาย ๆ เลย โดยเกมที่เราได้ลองเล่นจะมี RoV, PUBG Mobile และ Genshin Impact ซึ่งเกม RoV นั้นถึงปรับทุกอย่างสุดก็สามารถเล่นได้อย่างลื่น ๆ เลย ส่วน PUBG Mobile นั้นสามารถปรับได้สูงสุดแค่กราฟิก HD เฟรมเรทสูง หรือ 30fps เท่านั้นส่วนเมื่อปรับกราฟิกลงต่ำสุดจะได้เฟรมเรทขึ้นมาเป็น Ultra หรือ 45fps ซึ่งไม่ว่าจะปรับแบบไหนก็สามารถเล่นได้แบบลื่น ๆ เลย
ส่วนเกมกินสเปกจัดอย่าง Genshin Impact นั้นตัวเกมจะตั้งค่าเริ่มต้นมาให้ที่กราฟิกต่ำสุดตั้งแต่แรกเลย แต่จากที่ลองสามารถเพิ่มเฟรมเรทเป็น 60fps ได้ด้วย ซึ่งถ้าจะให้สรุปเรื่องการเล่นเกมแล้วต้องบอกว่าตราบใดที่ไม่ได้เล่นเกมกินสเปค หรือไม่ได้ต้องการภาพสวย ๆ ในเกมกินสเปค vivo V50 Lite ก็สามารถใช้เล่นได้หมดเลยครับ
การถ่ายภาพ

ในเรื่องการถ่ายภาพ vivo V50 Lite นั้นจะมาพร้อมกล้องหลังจำนวน 2 เลนส์ที่ประกอบไปด้วยเลนส์หลักความละเอียด 50MP และเลนส์ Ultrawide ความละเอียด 8MP พร้อมด้วยกล้องเซลฟี่ความละเอียด 32MP และที่สำคัญฟีเจอร์ที่มีใน V Series ทุกรุ่นคือไฟแฟลช Aura Light เองใน vivo V50 Lite ก็มีด้วยเช่นกัน ถึงเมื่อเทียบกับ vivo V50 5G แล้วจะถูกลดสเปคลงไปหน่อยก็ตามเนื่องจากไฟแฟลช Aura Light ใน vivo V50 Lite นั้นจะเป็นแบบ two-tone หรือก็คือเป็นไฟแฟลชธรรมดาที่มีความสว่างสูงเป็นพิเศษ
ซึ่งจากการที่ได้เอาไปลองถ่ายภาพมาแล้วต้องบอกเลยว่าภาพที่ได้ก็ไม่ได้น้อยหน้ารุ่นพี่อย่าง vivo V50 แต่อย่างใด ตัวกล้องสามารถเอาไปใช้ถ่ายภาพได้ในทุกสภาพแสง การตัดขอบเองก็ทำได้ไม่เลว ไม่มีการกินเข้าไปในตัวแบบ เส้นผมเห็นเป็นเส้นผมชัดเจน จุดที่น่าเสียดายคงเป็นเรื่องการบันทึกวิดีโอที่ตัวเครื่องสามารถบันทึกความละเอียดได้สูงสุดเพียง 1080p @60fps เท่านั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเสียดายพอตัวเลยครับ
ตัวอย่างภาพถ่าย
แบตเตอรี่

ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้น vivo V50 Lite จะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 6500mAh ที่เป็นเทคโนโลยี BlueVolt ทำให้ถึงแม้ตัวแบตเตอรี่จะขนาดเท่าเดิม แต่ก็สามารถเก็บประจุได้เยอะขึ้น เลยส่งผลให้แบตอึดสามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นด้วยนั่นเอง และจากที่ได้ลองใช้งานมาขนาดเอามาใช้เล่นบ่อย ๆ มีเล่นเกมหลายครั้ง ตัวแบตเตอรี่ก็สามารถอยู่พ้นวันได้สบายเลย และถ้าใช้งานไม่เยอะเน้นเล่นโซเชียลมากกว่า แบตเตอรี่อาจจะสามารถอยู่ได้เกิน 2 วันสบาย ๆ เลย หากจัดการพลังงานดี ๆ
สำหรับในเรื่องการชาร์จนั้นตัวเครื่องมาพร้อมระบบชาร์จ 90W FlashCharge ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่อยู่ในรุ่นพี่อย่าง vivo V50 โดยจากที่ได้ทดลองจับเวลาชาร์จนั้นได้เริ่มจับเวลาตอนแบตเตอรี่เหลือเพียง 3% ในช่วง 10 นาทีแรกแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 27% และถึง 50% หลังผ่านไป 23 นาที เมื่อครบ 30 นาทีจะได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นเป็น 62% และเต็ม 100% เมื่อผ่านไป 53 นาที ซึ่งนับว่าค่อนข้างเร็วใช้ได้เลยเมื่อเทียบกับการที่มีแบตเตอรี่ขนาด 6500mAh อยู่ในตัว แต่ที่น่าสนใจคือเรื่องความร้อนสะสมระหว่างชาร์จ โดยตอนที่ทดลองชาร์จนั้นไม่ได้อยู่ในห้องแอร์ แต่ความร้อนที่สะสมระหว่างชาร์จก็นับว่าน้อยมากเลยทีเดียว
สรุปการรีวิว vivo V50 Lite

สรุปจากการที่ได้เอา vivo V50 Lite ไปลองใช้งานมา ต้องบอกเลยว่าเป็นรุ่นที่ค่อนข้างน่าสนใจ โดยเฉพาะกับคนที่ชอบการถ่ายพอร์ตเทรตแต่งบไปไม่ถึงรุ่นพี่อย่าง vivo V50 ตัว vivo V50 Lite ก็นับว่าเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจครับ หรือจะเป็นวัยรุ่นที่ชื่นชอบการถ่ายพอร์ตเทรตลงโซเชียลเองก็ดีเช่นกัน เพราะภาพที่ได้ออกมานั้นเรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องแต่งก็สามารถเอาไปใช้ได้ หรือถ้าคิดจะแต่งก็แต่งไม่เยอะแล้ว ทำให้สามารถเอาไปโพสต์ลงโซเชียลได้อย่างรวดเร็วเลยครับ
โดย vivo V50 Lite นั้นจะมีจำหน่าย 3 สีคือ Titanium Gold, Phantom Black, Fantasy Purple และมี 2 ความจุให้เลือกคือ
- รุ่น 8GB + 256GB ราคา 9,999 บาท
- รุ่น 12GB + 512GB ราคา 12,999 บาท
พิเศษสำหรับผู้ที่สั่งซื้อในรอบพรีออเดอร์และรอบปกติ ภายในวันที่ 22 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2568 จะได้สิทธิ์รับของสมนาคุณจาก vivo ประกอบด้วย
- หูฟัง vivo Buds สีขาว (มูลค่า 1,799 บาท)*
- กระเป๋าผ้า V Friends Tote Bag (มูลค่า 790 บาท)
- ประกัน vivo Care ประกันตัวเครื่อง 2 ปี ประกันหน้าจอแตก 2 ปี 1 ครั้ง และ ประกันแบตเตอรี่ 5 ปี (มูลค่า 7,999 บาท)
หมายเหตุ:
- *หูฟัง vivo Buds จะได้รับเฉพาะผู้ที่สั่งซื้อในรอบ Pre-order ตั้งแต่วันที่ 22 – 25 เมษายน 2568 และรับเครื่องภายในวันที่ 27 เมษายน 2568 เท่านั้น
- ใน 5 ปีแรกสามารถนำเครื่องไปเช็คสุขภาพแบตเตอรี่ที่ศูนย์บริการ vivo หากพบว่าสุขภาพแบตเตอรี่ต่ำกว่า 80% รับสิทธิ์เปลี่ยนแบตเตอรี่ฟรีจำนวน 1 ครั้ง โดยเวลารับประกันจะเริ่มตั้งแต่วันที่ลูกค้าซื้อสินค้า
สำหรับคนที่สนใจ vivo V50 Lite สามารถเข้าไปดูรายละเอียดและฟีเจอร์น่าสนใจได้ที่ vivo.com/th และสามารถไปลองเล่นและซื้อได้ที่ vivo Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ ทั้งหน้าร้านและออนไลน์ได้เลยครับ
สเปกตัวเครื่อง
สเปก | vivo V50 Lite |
---|---|
หน้าจอ | – AMOLED – ขนาด 6.77 นิ้ว – ความละเอียด 2392 × 1080 พิกเซล (FHD+) – Refresh Rate 120Hz – ความสว่างสูงสุดเฉพาะส่วน 1800nits – ขอบเขตสี 100% DCI-P3 |
ชิปประมวลผล | – MediaTek Dimensity 6300 |
แรม | – 8GB / 12GB – ชนิด LPDDR4X |
ความจุ | – 256GB – ชนิด UFS 2.2 |
กล้องหลัง | – กล้องหลัก : 50MP, f/1.79 (Sony IMX882) – กล้อง Ultrawide : 8MP, f/2.2 |
กล้องหน้า | – 32MP, f/2.45 |
แบตเตอรี่และระบบชาร์จ | – 6500mAh BlueVolt – 90W FlashCharge |
ระบบปฏิบัติการ | – Funtouch OS 15 บนพื้นฐาน Android 15 |
การเชื่อมต่อ | – 5G+5G Dual SIM Dual Standby – Wi-Fi 5 (802.11 a/b/g/n/ac) – Bluetooth 5.4 – GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS – NFC – USB Type-C 2.0 |
ฟีเจอร์พิเศษ | – แฟลช Aura Light แบบ Two-tone – การทนน้ำทนฝุ่น IP65 |
ขนาด | – 163.77 × 76.28 × 7.79 มม. |
น้ำหนัก | – 197 กรัม |
สี | Titanium Gold, Phantom Black, Fantasy Purple |
รีวิว vivo Watch GT

มาต่อกันอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวมาพร้อมกันอย่าง vivo Watch GT กันบ้าง โดย vivo Watch GT เป็นสมาร์ตวอตช์หน้าปัดทรงสี่เหลี่ยมรุ่นแรกจาก vivo เลยครับ เพราะก่อนหน้านี้ vivo Watch แต่ละรุ่นจะมาด้วยหน้าปัดวงกลมกันหมดเลย เราไปดูกันดีกว่าว่า vivo Watch GT นั้นมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
ดีไซน์

อย่างแรกที่ต้องพูดถึงเลยก็คือตัวเรือนของ Watch GT ที่มาเป็นหน้าปัดทรงสี่เหลี่ยมรุ่นแรกของ vivo ให้ความรู้สึกคลาสสิก ดูหรูหรา และยังมาพร้อมสายที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วย สำหรับสีสันนั้น vivo Watch GT จะมีมาให้เลือก 2 สีคือ สีขาว Cloud White และ สีดำ Summer Black ซึ่งสีที่เราได้มาทำรีวิวจะเป็นสีขาว Cloud White และเป็นสีที่ผมมองว่าสวยใช้ได้เลยครับ

โดยตัวหน้าจอแสดงผลนั้นจะเป็นจอแบบขอบโค้ง 2.5D พาแนล AMOLED ขนาด 1.85 นิ้ว ที่มีความละเอียด 390 x 450 พิกเซล กรอบกลางทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์แบบด้าน มีขอบเงาสะท้อนตัดลาย พร้อมด้วยปุ่ม Digital Crown ขนาดใหญ่
ฟีเจอร์

สำหรับฟีเจอร์สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงเลยก็คือฟีเจอร์ Customizable Shortcut Cards ที่จะเป็นการปรับแต่ง Widget บนหน้าจอเพื่อสร้าง Shortcut ได้สูงสุด 4 ใบ ทำให้สามารถดูข้อมูลที่จำเป็นได้ครบในหน้าเดียว ซึ่งบอกเลยว่าเป็นอะไรที่สะดวกมาก เพราะไม่ต้องปัดไปทีละหน้าเหมือนแบรนด์อื่น ๆ แล้ว

ต่อมาคือฟีเจอร์ Daily Activities สำหรับติดตามและตั้งเป้าหมายประจำวัน โดยตัวผู้ใช้สามารถเลือกตั้ง mini-goals ได้ 4 อย่างคือ ก้าวเดิน – การเผาผลาญ – ระยะเวลายืน – กิจกรรมออกกำลังกาย โดยเมื่อทำได้ตามเป้าจะมีการได้รับ Activity Badge ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสความรู้สึกถึงความสำเร็จ และช่วยกระตุ้นการทำกิจกรรมเพื่อดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

ต่อมาคือฟีเจอร์ที่หาไม่ค่อยได้ในสมาร์ตวอทช์ราคากลาง ๆ อย่างฟีเจอร์ NFC Access Card ที่จะทำการเชื่อมต่อกับบัตรดิจิทัล แล้วใช้วิธีการแตะด้วย NFC แทน (อย่างพวกบัตร BTS หรือบัตรเข้าออกที่อยู่อาศัย ฯลฯ) ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้นเยอะเลย

โหมดกีฬากว่า 100 โหมด!! โดย vivo Watch GT นั้นรองรับกีฬากว่า 100 โหมด ไม่เว้นแม้แต่แบตมินตัน, ปิงปอง, เทนนิส, พิกเกิลบอล, สควอช เป็นต้น ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการด้านกีฬาเฉพาะบุคคลและสนับสนุนกิจกรรมที่หลากหลายผ่านอัลกอริทึมเฉพาะที่มอบข้อมูลของกีฬาแต่ละประเภทได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งระบบตรวจจับอัตโนมัติก็รวดเร็วและแม่นยำมากด้วย เพราะตอนที่เดินเที่ยวยาว ๆ ระบบก็สามารถตรวจจับได้ว่ากำลังเดินกลางแจ้งอยู่ ช่วยเพิ่มความสะดวกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดีเลย
และเมื่อรองรับโหมดออกกำลังกายจำนวนมาก แน่นอนว่าก็ต้องมาพร้อมความสามารถในการทนน้ำลึก 20 เมตร (2ATM) ด้วย ทำให้สามารถสวมใส่ใช้งานในวันที่ฝนตกรวมถึงขณะอาบน้ำหรือล้างมือ นอกจากนี้ยังสามารถใส่ว่ายน้ำได้ด้วย

อีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญที่ต้องมีก็คือฟีเจอร์ตรวจจับการนอนหลับ โดยฟีเจอร์ตรวจจับการนอนหลับใน vivo Watch GT นั้นจะอยู่ในโหมดเงียบเพื่อการนอนหลับอย่างเต็มที่
โดย vivo Watch GT มาพร้อมฟีเจอร์ติดตามการนอนแบบครบวงจรและแม่นยำ ด้วยเทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์การนอน CPC Cardiopulmonary Coupling Sleep Staging ที่ล้ำสมัย สามารถระบุช่วงและอัตราส่วนของแต่ละช่วงการนอนได้อย่างแม่นยำให้คุณเห็นโครงสร้างการนอนและงีบของตนเองตลอดทั้งวัน
นอกจากนี้ยังสืบทอดฟีเจอร์ Non-intrusive Infrared Monitoring During Nighttime ที่ได้รับการชื่นชมและเสียงตอบรับที่ดีจาก Watch 3 โดยเมื่อตรวจพบว่าผู้ใช้กำลังเข้าสู่ภาวะการนอนหลับ ตัวนาฬิกาจะปิดไฟสีเขียวโดยอัตโนมัติ และจะเปลี่ยนไปใช้แสงอินฟราเรดที่มองไม่เห็นแทน เพื่อวัดอัตราการเต้นของหัวใจโดยไม่รบกวนการนอน

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ vivo ใส่มาให้และทำให้การใช้ชีวิตสะดวกมากยิ่งขึ้นก็คือ รองรับการเชื่อมต่อข้ามอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการรับหรือปฏิเสธสายเรียกเข้า ดูรายชื่อผู้ติดต่อและข้อมูลการโทรไปจนถึงการดูแจ้งเตือนต่าง ๆ อีกทั้งขนาดตัวอักษรเองก็ใหญ่เต็มตาเอาเรื่องเลย
แอปฯ และการเชื่อมต่อ


ในเรื่องของการเชื่อมต่อนั้นจะมีการเชื่อมต่อผ่านแอปฯ Health ของ vivo โดยในแอปฯ จะมีเพียง 3 หน้าคือ หน้าแรกที่จะแสดงค่าสุขภาพต่าง ๆ หน้าที่สองจะเป็นหน้าข้อมูลและตั้งค่าอุปกรณ์ ส่วนหน้าที่สามจะเป็นหน้าข้อมูลส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จที่ได้สะสมมา, ประวัติข้อมูลการออกกำลังกาย และข้อมูลสุขภาพ
โดยในแอปฯ นี้จะมีหน้าปัดให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบคลาสสิค, แบบตัวเลข, แบบกีฬา หรือจะเป็นหน้าปัดแบบปรับแต่งเองก็มีให้เลือก หรือจะเลือกเป็นแบบสัตว์ขยับได้แบบน่ารัก ๆ ก็มีให้เลือกด้วย

แบตเตอรี่

สำหรับในเรื่องแบตเตอรี่นั้นนับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ผมค่อนข้างชอบเลย เพราะ vivo Watch GT นั้นสามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 21 วัน หรือนาน 10 วันในโหมดปกติ ช่วยให้เดินทางได้สะดวกสบายยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องพกที่ชาร์จ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางใน วันในแบบปกติทริปสั้น ๆ หรือทริปธุรกิจก็ตาม
สรุปการรีวิว

สำหรับใครที่กำลังหาสมาร์ตวอทช์ราคาไม่แรงแต่ฟีเจอร์ครบครันไม่ต่างจากพวกราคาเป็นหมื่น vivo Watch GT ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่นับว่าน่าสนใจ เพราะตัวเรือนที่น้ำหนักเบาหวิว เซ็นเซอร์ที่แม่นยำและรวดเร็ว ดีไซน์ที่เข้าได้กับทุกไลฟ์สไตล์ และแบตเตอรี่ที่อึดกว่าสมาร์ตวอทช์ทั่ว ๆ ไป ทำให้ vivo Watch GT เป็นสมาร์ตวอทช์ที่สามารถตอบสนองต่อทุกการใช้งานได้เป็นอย่างดี
โดย vivo Watch GT นั้นจะสนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 3,999 บาท สามารถไปลองเล่นและซื้อได้ที่ vivo Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ ทั้งหน้าร้านและออนไลน์ได้เลยครับ
สเปกตัวเครื่อง
สเปก | vivo Watch GT |
---|---|
สี | Summer Black, Cloud White |
ขนาด | เรือน : 45.8 × 39.6 × 11.2 มม. สาย : 130–210 มม. |
น้ำหนัก | 33 กรัม |
วัสดุ | Aluminum alloy |
หน้าจอ | AMOLED 1.85 นิ้ว ความละเอียด 390 × 450 พิกเซล |
แบตเตอรี่ | 505 mAh ใช้งานได้นานสูงสุด 21 วัน ชาร์จ Magnetic charging |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.3 GPS/Glonass/BeiDou/Galileo/Qzss NFC |
ระบบปฏิบัติการ | vivo BlueOS รองรับสมาร์ทโฟน Android 8.0 / iOS 12.0 ขึ้นไป |
ทนน้ำ | 20 เมตร (2ATM) |