vivo V30e 5G สมาร์ทโฟนน้องเล็กในตระกูล V Series ที่เปิดตัวมาเพื่อสายพอร์ตเทรตที่ต้องการไฟ Aura Light Portrait ในราคาที่ย่อมเยาวน์ขึ้น แต่ยังคงคุณภาพของภาพได้ไม่ต่างจากรุ่นพี่ พร้อมด้วยสเปคที่เรียกได้ว่าใช้งานได้ครบครัน ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนสายพอร์ตเทรตลองมาดูรีวิว vivo V30e 5G เครื่องนี้ไว้เป็นข้อมูลได้เลยครับ
สเปคของ vivo V30e 5G
- หน้าจอ : Curved AMOLED, ขนาด 6.78 นิ้ว, ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล (FHD+), Refresh rate 120Hz, 100% DCI-P3, ความสว่างสูงสุด 1300 nits, ครอบด้วยกระจก SCHOTT Xensation
- ชิปประมวลผล : Qualcom Snapdragon 6 Gen 1
- แรม : 8GB ชนิด LPDDR4X
- หน่อยความจำ : 256GB ชนิด UFS 2.2
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 50MP, f/1.79 (wide)
- ตัวที่ 2 : 8MP, f/2.2 (ultrawide)
- กล้องหน้า : 32MP, f/2.0
- แบตเตอรี่ : 5500mAh รองรับชาร์จเร็ว 44W FlashCharge
- ระบบปฏิบัติการ : Funtouch OS 14 บนพื้นฐาน Android 14
- การเชื่อมต่อ :
- 5G Dual Standby
- Wi-Fi 5 Dual Band
- Bluetooth 5.1
- GPS, Beidou, GLONASS, Galileo, QZSS
- NFC
USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint Sensor
- Accelerometer
- Ambient Light Sensor
- E-compass
- Proximity Sensor
- Gyroscope
- มาตราฐานกันน้ำ-กันฝุ่น : IP64
- ขนาด :
- Cloud White : 164.36 × 74.75 × 7.65 มม.
- Coco Brown : 164.36 × 74.75 × 7.75 มม.
- น้ำหนัก :
- Cloud White : 179 กรัม
- Coco Brown : 188 กรัม
- สี : Cloud White, Coco Brown
- ราคา : 11,999 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
vivo V30e 5G ในเรื่องดีไซน์นั้นมาได้แตกต่างจาก vivo V30 Series 5G รุ่นอื่นอยู่พอสมควร โดยจะมาในดีไซน์โมดูลวงกลมขนาดใหญ่ มีให้เลือกด้วยกัน 2 สีคือสีขาว Cloud White และสีน้ำตาล Coco Brown ซึ่งทั้งคู่จะมาด้วยคำนิยามดังนี้
- Cloud White : กระบวนการผลิตลวดลายเมฆ ที่ถูกใช้เป็นครั้งแรก เมื่อขยับเครื่องจะเผยให้เห็นลวดลายหลากสีหลายมุม คล้ายแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านกลุ่มก้อนเมฆสีขาว
- Coco Brown : ได้รับแรงบันดาลใจจากสีสันคลาสสิกของเสื้อผ้าและนาฬิกาหรู ดีไซน์โดดเด่นด้วยกระบวนผลิตที่ประสานผิวสัมผัสด้านและแบบมันเงาเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดเฉดสีไล่ระดับและลวดลายสก๊อตอันละเอียดอ่อน สะท้อนถึงรสนิยมที่มีระดับ
ซึ่งสีที่ทางทีมงานได้มาจะเป็นสี Coco Brown นั่นเองครับ โดยสีตัวนี้จะมีความแตกต่างที่โดดเด่นกว่าสี Cloud White ตรงที่ฝั่งขวาของตัวเครื่องจะมีการตัดเส้นลายสก๊อตสีน้ำตาลแดงพาดผ่านตัวเครื่องเพื่อเพิ่มความโดดเด่นนั่นเอง ส่วนบริเวณโมดูลจะออกแบบตามดีไซน์ของนาฬิกาที่มีขอบสีทองช่วยเพิ่มความหรูหรา ซึ่งภายในโมดูลนี้จะมีการวางเลนส์และไฟ Aura Light Portrait เอาไว้ด้วย
ในส่วนของหน้าจอนั้นจะมาเป็นหน้าจอแบบขอบโค้ง Curved AMOLED ที่มีหน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 6.78 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ รองรับอัตรารีเฟรช 120Hz และมีควาสว่างสูงสุดถึง 1300nits อีกด้วย แต่ความน่าสนใจของเครื่องนี้จริงๆ ก็คือขอบหน้าจอที่บางเฉียบ ทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องมากถึง 93.3% กันเลยทีเดียว อีกทั้งยังได้รับการรับรองจาก SGS เรื่องแสงสีฟ้า, การกระพริบ และยังป้องกันอาการตาล้าได้อีกด้วย สำหรับการปกป้องหน้าจอนั้นจะมีการใช้กระจก SCHOTT Xensation ที่มีความแข็งแกร่งสูงมาครอบทับอีกชั้นเพื่อเพิ่มการป้องกันให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับของรอบตัวเครื่องนั้นขอบซ้ายและขวาจะมีความบางค่อนข้างมาก เนื่องจากทั้งหน้าจอและหลังเครื่องมีการโค้งเข้าหากัน ทำให้ขอบบางจัดๆ เลยทำให้สามารถวางได้แค่ปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปิด-ปิดเอาไว้ที่ฝั่งขวาเท่านั้น ส่วนฝั่งซ้ายจะไม่มีอะไรอยู่เลย ที่ด้านบนจะมีไมโครโฟนอยู่ตัวเดียว ส่วนด้านล่างจะมีช่องใส่ซิม, รูไมโครโฟน, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวเครื่องอยู่
ระบบปฏิบัติการ
สำหรับระบบปฏิบัติการนั้นทันทีที่แกะกล่องออกมาจะได้เป็น Funtouch OS 14 บนพื้นฐานของ Android 14 ตั้งแต่แรก ซึ่งตัว UI จะมีการดีไซน์ให้ออกมาแบบมินิมอล เน้นใช้งานง่าย แต่ก็ยังคงมีการเก็บ AppDrawer เอาไว้ให้ใช้ด้วย และสำหรับใครที่อยากปรับแต่ง UI ก็สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ไม่ว่าจะเป็น ธีม, วอลเปเปอร์ หรือ ฟอนต์ โดยสามารถไปดาวน์โหลดได้ผ่านทางแอปฯ ธีม ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งแบบฟรีและเสียเงินเลยครับ
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
มาถึงเรื่องของการใช้งานกันบ้างโดยเราขอพูดถึงความรู้สึกตอนจับถือก่อนเลย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นจุดขายเล็กๆ ของรุ่นเลยก็ว่าได้ ด้วยน้ำหนักตัวเพียง 188 กรัม ทำให้มีความเบามือ สามารถถือได้นานๆ โดยไม่เมื่อยมือเลย นอกจากนี้ด้วยความบางเพียง 7.7 มม. ทำให้สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ง่ายอีกด้วย
ส่วนในเรื่องการเล่นโซเชียลหรือความบันเทิงต่างๆ นั้นมีความลื่นไหล สามารถเล่นแบบต่อเนื่องได้สบาย ไม่มีอาการปวดตาด้วย แต่สิ่งที่เรียกได้ว่าน่าเซร้าไปนิดคือลำโพงที่เป็นลำโพงเดี่ยว ทำให้อาจไม่ได้อรรถรสเท่าเครื่องที่มีลำโพงคู่ แต่ในเรื่องความดังนั้นจะมีระบบบูสเสียง 200% มาช่วยด้วยครับ ทำให้หายห่วงเวลาไปเปิดลำโพงนอกสถานที่ได้เลย
ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นตัวเครื่องจะมากับแบตเตอรี่ขนาด 5500mAh ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนพอสมควร ทำให้ระยะเวลาในการใช้งานนั้นยืดยาวขึ้นไปอีก ซึ่งจากที่อลงเล่นมาถ้าใช้งานเบาๆ ไม่ค่อยเล่นเกม มีเล่นโซเชียลบ้าง ตัวแบตเตอรี่สามารถใช้ได้ไปถึงวันที่สองได้สบายๆ เลย แต่ถ้ามีการเล่นเกมแบบหนักหน่วง หรือมีการเล่นโซเชียลบ่อยๆ อาจจะมีต้องชาร์จระหว่างวันบ้างสักครั้ง
สำหรับระยะเวลาการชาร์จนั้นตัวเครื่องที่มาพร้อมชาร์จเร็ว 44W นั้นเราได้ทดลองเริ่มชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือ 1% ใน 10 นาทีแรกได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 17% และถึง 50% ภายในเวลา 31 นาที ส่วนระยะเวลาชาร์จรวมตั้งแต่ 1% – 100% นั้นจะใช้เวลาทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 13 นาที ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างปกติเมื่อเทียบขนาดแบตเตอรี่และกำลังไฟตอนชาร์จ
การเล่นเกม
ในส่วนของการเล่นเกมนั้นตัว vivo V30e 5G มาพร้อมชิป Snapdragon 6 Gen 1 ซึ่งเป็นชิประดับกลางที่มีความแรงแต่ก็สามารถจัดการพลังงานได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน ทำให้ค่อนข้างได้รับความนิยมอยู่พอสมควร โดยในด้านความแรงแล้วตัวเครื่องสามารถเอาไปใช้เล่นเกมได้แทบทุกเกม แต่ถ้าเป็นเกมกินสเปคหนักๆ หน่อยอย่าง Genshin Impact นั้นอาจจะต้องปรับแบบต่ำสุดเพื่อเล่นเลยทีเดียว ส่วนถ้าเป็นเกมที่ไม่ได้หนัะกมากนักก็สามารถปรับสุดเล่นลื่นๆ ได้เลย ซึ่งเกมที่เราลองเล่นมานั้นจะมี RoV, PUBG Mobile, Cookie Run: Tower of Adventures และ Genshin Impact ซึ่งนอกเหนือจาก Genshin แล้ว เกมอื่นเล่นได้สบายๆ แถมในเรื่องความร้อนก็ทำออกมาได้ดี เพราะเกมที่เล่นส่วนใหญ่นั้นต้องเล่นแบบต่อเนื่องไปอย่างน้อยๆ 30 นาทีขึ้นไปถึงจะเริ่มอุ่น แต่ก็แค่อุ่น ไม่ได้รู้สึกร้อนขนาดนั้น สามารถถือเล่นต่อไปได้สบาย
การถ่ายภาพ
ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นนับเป็นจุดขายของรุ่นนนี้เลยก็ว่าได้ด้วยไฟ Aura Light Portrait แบบเดียวกับที่อยู่ใน V Series รุ่นอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้กล้องหลัก 50MP ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX882 ที่มักถูกใช้ในสมาร์ทโฟนระดับเรือธงอีกด้วย ทำให้มั่นใจในเรื่องคุณภาพของภาพถ่ายได้เลย อีกทั้งยังมีเลนส์อัลตร้าไวด์ความละเอียด 8MP ด้วย ทำให้ตัวเครื่องรองรับการถ่ายภาพในทุกระยะเลย นอกจากนี้ vivo ยังได้ใส่อีกหนึ่งลุกเล่นมาให้ด้วย ซึ่งเป็นลูกเล่นเดียวกับที่อยู่ใน V30 Series ทุกเครื่องนั่นก็คือกรอบลายน้ำแบบใหม่ที่จะเปลี่ยนสีสันให้เข้ากับภาพนั้นๆ ด้วย ซึ่งเอาจริงๆ แล้วฟีเจอร์ต่างๆ ใน V30e 5G นั้นแทบไม่ได้ต่างจาก V30 5G เลยทีเดียว
Aura Light Portrait
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว vivo V30e 5G
สรุปการรีวิว vivo V30e 5G จากการที่ได้เอาไปลองใช้งานมานั้นต้องยอมรับเลยว่า vivo นั้นใส่มาเต็มพอสมควร เหมือนเอา vivo V30 5G มาลดสเปคลงหน่อย เพื่อให้สามารถขายได้ในราคาที่ถูกลง เพราะฟีเจอร์ด้านกล้องนี่แทบไม่ต่างกันเลย เอาใจคนที่อยากได้ไฟ Aura Light Portrait แต่งบไปไม่ถึง V30 5G จริงๆ ซึ่งใครที่กำลังอยากได้สมาร์ทโฟนสายพอร์ตเทรตที่สามารถถ่ายได้ทุกสภาพแสงแถมราคาไม่ได้แรงจนเกินไป vivo V30e 5G ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ ซึ่งถ้าหากสนใจก็สามารถเข้าไปลองดูรายละเอียดได้ที่ vivo.com/th และสามารถไปลองและซื้อเครื่องได้ตาม vivo Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ได้เลยครับ
จุดเด่น
- ตัวเครื่องบางเบา
- หน้าจอ AMOLED สีสันสวยคม
- ชิปประมวลผล Snapdragon 6 Gen 1 มีความแรงแถมจัดการพลังงานได้ดี
- มาพร้อทมความจุ 256GB เลย
- กล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ IMX882 แบบเดียวกับพวกเรือธง
- ได้มาตราฐานกันน้ำ IP64
- ราคาค่าตัวแค่ 11,999 บาท ซึ่งไม่ได้แรงจนเกินไป
ข้อสังเกต
- ยังคงเป็นลำโพงเดี่ยวอยู่