รีวิว Vivo V20 SE มาแล้ว สมาร์ตโฟนอีกรุ่นใน V20 Series หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวรุ่นพี่อย่าง V20 Pro 5G และ V20 ไป สำหรับรุ่นน้องสุดนี้ แม้จะเปิดราคาเพียง 8,699 บาท แต่ประมาทเรื่องกล้องไม่ได้เลยล่ะครับ เพราะรุ่นนี้ใส่กล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล ที่สำคัญคือมีฟีเจอร์กล้องแทบจะยกมาจากรุ่นพี่เลยล่ะ
วิดีโอรีวิว Vivo V20 SE
สำหรับใครที่ไม่ถนัดอ่าน ก็สามารถรับชมวิดีโอรีวิว Vivo V20 SE ผ่านลิ้งก์วิดีโอด้านล่างได้เลยครับ
สเปค Vivo V20 SE
- ระบบปฏิบัติการ : Funtouch OS 11 บนพื้นฐาน Android 10
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด 2400×1080 พิกเซล Full HD+
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 665
- GPU Adreno 610
- RAM 8GB
- พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน ROM 128GB รองรับ microSD Card
- ถาดซิมการ์ด ประเภท Triple Slot Card (3-Card Slot)
- กล้องหลัง 3 เลนส์ พร้อม LED Flash
- เลนส์หลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/1.8
- เลนส์ Super Wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2 ถ่ายมาโครได้ 2.5 เซนติเมตร
- เลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.0
- การเชื่อมต่อ 4G และรองรับ Wi-Fi 2.4 + 5GHz
- มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
- แบตเตอรี่ 4,100 mAh
- รองรับการชาร์จเร็ว 33W Flash Charge ชาร์จแบตจาก 0 – 62% ได้ในเวลาเพียง 30 นาที
- สเปคเต็ม ๆ Vivo V20 SE
- ราคาเปิดตัว 8,699 บาท
กล้องถ่ายรูป
Vivo V20 SE มาพร้อมกับชุดฮาร์ดแวร์กล้องที่จัดเต็ม ในแง่ของสมาร์ตโฟนราคาต่ำหมื่น ไม่ว่าจะเป็นชุดกล้องหลัง 3 กล้อง AI Triple Camera ที่ประกอบไปด้วยกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล, เลนส์มุมกว้าง Super Wide-Angle 8 ล้านพิกเซล และกล้องโบเก้ 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าที่ถือเป็นทีเด็ดของรุ่นนี้ ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง ด้วยกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล
กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล คมชัด ทุกรายละเอียด
ข้อจำกัดเดียวของกล้องหน้า Vivo V20 SE ก็คือมันเป็นกล้องความละเอียดสูง ที่บันทึกไฟล์ภาพเต็มความละเอียด 32 ล้านพิกเซล เลยทำให้ขนาดไฟล์ต่อภาพค่อนข้างที่จะใหญ่ (โดยเฉลี่ย 4 – 5 MB) ส่วนที่เหลือก็คือเป็นกล้องหน้าที่ดีมาก ๆ ทั้งการถ่ายภาพกลางวัน การถ่ายแบบโบเก้ ด้วยการที่มี AI เข้ามาช่วยประมวลผลภาพถ่าย ภาพที่ได้มีความคมชัดสูง การเกลี่ยผิวในโหมด Beauty ทำได้ดี ถูกใจสายเซลฟี่อย่างแน่นอน
32 MP Super Night Selfie
อีกจุดเด่นของกล้องหน้า Vivo V20 SE ที่นอกจากความละเอียดจะสูงถึง 32 ล้านพิกเซล ยังมาพร้อมกับความสามารถในการถ่ายภาพกลางคืน Super Night Selfie ที่ให้ภาพเซลฟี่ที่สว่าง เป็นธรรมชาติ และในกรณีที่แสงน้อยมาก ๆ ก็ยังมีตัวเลือกอย่าง Selfie Softlight Band ที่อาศัยแสงจากหน้าจอ ให้ได้ภาพที่เหมือนการจัดไฟในสตูดิโอ
Super night mode
กล้องหลักของ Vivo V20 SE มาพร้อมกับรูรับแสง f/1.8 ถือเป็นรูรับแสงที่กว้าง เหมาะกับการถ่ายกลางคืน และยังมาพร้อมโหมดถ่ายกลางคืน Super Night Mode ให้ภาพกลางคืนที่สว่าง คมชัด แต่มีข้อสังเกตคือ โหมดกลางคืนจะใช้งานได้แค่เฉพาะเลนส์หลัก ไม่สามารถถ่ายกลางคืนกับกล้องเลนส์มุมกว้างได้
จะเห็นว่าในโหมด Auto ที่ถ่ายด้วยกล้องหลัง ภาพที่ได้ก็ถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดี แต่ยังขาดความสว่างในรูป ทำให้รายละเอียดบางส่วนของภาพหายไป แต่พอถ่ายด้วย Super Night Mode ภาพที่ได้จะมีความสว่างเพิ่มขึ้น ทำให้เห็นรายละเอียดของภาพถ่ายได้มากกว่า
ไม่เพียงถ่ายวิวทิวทัศน์ได้ดี Super Night Mode ของ Vivo V20 SE ยังสามารถถ่ายคนได้ดีมาก จะเห็นว่าในโหมด Auto ใบหน้านางแบบจะค่อนข้างมืด แต่พอใช้โหมดกลางคืน ไม่เพียงตัวแบบที่สว่างกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่รายละเอียดข้างหลัง อย่างป้ายไฟโลโก้บริเวณด้านซ้าย ยังเห็นรายละเอียดเพิ่มขึ้นด้วย
Portrait
โหมดภาพถ่ายบุคคล หรือ Portrait Mode ของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ โดยรวมถือว่าทำได้ดีสำหรับสมาร์ตโฟนราคา 8,699 บาท การตัดขอบ การทำโบเก้มีความเนียน ช่องว่างระหว่างแขน หรือแม้แต่ผมก็ตัดได้ค่อนข้างที่จะเป๊ะ และแน่นอนว่ามีการปรับแต่งใบหน้าให้สวยงาม อีกทั้งเปลี่ยนรูปแบบการแต่งหน้า ไปจนถึงแนะนำท่าทางในการโพสต์ภาพได้
Super wide angle
กล้องตัวที่ 2 เป็นกล้องมุมกว้าง Super Wide-angle ที่ให้มุมมองกว้างถึง 120 องศา แต่ในการบันทึกภาพ เพื่อป้องกันปัญหาขอบเลนส์บิดเดียว ตัวกล้องจะบันทึกภาพที่ความกว้าง 108 องศา แต่ก็เพียงพอที่จะเก็บภาพให้กว้างมากแล้ว ระบบโฟกัสแบบ Autofocus สามารถใช้ถ่ายตัวแบบพร้อมฉากหลังสวย ๆ หรือจะถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ แต่มีข้อสังเกตเรื่องของโทนสีภาพถ่ายที่แตกต่างจากเลนส์หลักพอสมควร ตามตัวอย่างด้านล่าง
หรือสามารถประยุกต์ใช้เลนส์ Super Wide-Angle ในการถ่ายภาพคน ให้ตัวแบบดูสูง ขายาวขึ้น หรือถ่ายใกล้หน่อยด้วยเลนส์ดังกล่าว เพื่อเล่นกับความโค้งของเลนส์ก็ได้เช่นกัน แต่มีข้อสังเกตเรื่องการใช้งานในสภาพแสงน้อย ด้วยค่ารูรับแสงที่ไม่ได้กว้างมาก (f/2.2) อาจทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยด้วยเลนส์มุมกว้าง ยังทำได้ไม่ดีนัก
Super Macro
Vivo V20 SE มาพร้อมกับความสามารถในการถ่ายใกล้ หรือถ่ายมาโครได้ถึง 2.5 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าเหนือกว่าสมาร์ตโฟนหลายรุ่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน ที่มักจะถ่ายมาโครได้ใกล้สุดแค่ 4 เซนติเมตร แถมยังเป็นเลนส์ Fixed Focus ที่ต้องได้ระยะจริง ๆ ถึงจะโฟกัสได้ แต่มาโครของรุ่นนี้จะสามารถเลือกจุดโฟกัสด้วยการแตะที่หน้าจอได้ในขณะถ่ายภาพด้วย Super Macro Mode
การถ่ายวิดีโอ
Vivo V20 SE รองรับการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลังที่ความละเอียดสูงสุด 4K 30 fps แต่ถ้าต้องการถ่ายแบบ 60 fps จะต้องปรับเป็นความละเอียด Full HD 1080p สามารถใช้เลนส์มุมกว้างในการบันทึกวิดีโอได้ ส่วนเรื่องความนิ่งในการถ่าย รุ่นนี้มีเพียงระบบกันสั่น EIS ที่เป็นซอฟต์แวร์ช่วยเพียงอย่างเดียว แม้จะลดภาพสั่นไหวได้บ้าง แต่ไม่แนะนำให้มีการเคลื่อนที่เร็ว ๆ ขณะถ่ายวิดีโอครับ
ส่วนกล้องหน้า จะบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080p 30 fps แต่ถ้าต้องการบันทึกวิดีโอกล้องหน้า พร้อมกับฟิลเตอร์ต่าง ๆ หรือโหมด Beauty จะต้องเป็นการบันทึกที่ความละเอียด 720p 30 fps เท่านั้น รายละเอียดการปรับ Beauty ทำได้ละเอียดเทียบเท่ากับการถ่ายภาพนิ่ง สามารถบีบหน้าให้เล็กลง ปรับให้หน้าผากแคบลง ฯลฯ
ฟีเจอร์อื่น ๆ ในกล้องถ่ายรูป
หนึ่งในจุดแข็งของสมาร์ตโฟน Vivo รุ่นใหม่ ๆ นอกจากกล้องถ่ายรูปที่ฮาร์ดแวร์จัดเต็มแทบทุกรุ่น ในส่วนของ AI ที่ช่วยประมวลผลภาพถ่าย ก็ทำอะไรได้เยอะขึ้นกว่าการช่วยปรับแต่งภาพ แต่ยังถูกใช้ในการประมวลผลหลังถ่ายภาพ ในโหมด AI Image Matting ทำให้ Vivo V20 SE สามารถเปลี่ยนท้องฟ้าในภาพถ่ายได้ หรือจะตัดขอบ เปลี่ยนฉากหลัง ก็สามารถทำได้ทันทีในสมาร์ตโฟนเครื่องนี้ แบบไม่ต้องง้อโปรแกรม Photoshop เลยล่ะครับ
AI ในกล้องของ Vivo V20 SE สามารถแยกวัตถุได้แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้า, รถยนต์, ถนน, สิ่งปลูกสร้าง ไปจนถึงตัวบุคคล ทำให้การปรับแต่งภาพหลังถ่าย มีลูกเล่นเยอะขึ้นมาก หรือจะเป็นการเพิ่มความละเอียดให้กับภาพถ่ายเก่า ด้วย Memory Recaller ก็สามารถทำได้ในสมาร์ตโฟนเครื่องนี้เช่นกัน
ตัวอย่างภาพที่ปรับแต่งด้วย Memory Recaller เทียบภาพต้นฉบับ
การออกแบบตัวเครื่อง
Vivo V20 SE มาพร้อมกับดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Sleek Design ที่เน้นความบาง และความเบา ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 171 กรัม และความบางเพียง 7.83 มิลลิเมตร เมื่อรวมกับการออกแบบที่ตัวเครื่องมีความโค้งมนตรงฝาหลัง เลยทำให้สมาร์ตโฟนเครื่องนี้ จับถือตัวเครื่องได้สะดวก และให้ความคล่องตัวในการใช้งานมากทีเดียว
วัสดุตัวเครื่องของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ แม้จะเป็นพลาสติก แต่ในแง่ของการสัมผัสตัวเครื่อง ก็ให้ความรู้สึกหรูหรา พรีเมียม ด้วยผิวสัมผัสฝาหลังแบบด้าน โดยเครื่องรีวิว Vivo V20 SE ที่ทีมงานได้รับมาเป็นตัวเครื่องสี Oxygen Blue ที่เป็นสีฟ้าอ่อน ไล่เฉดเหมือนท้องฟ้า ส่วนอีกสีที่วางจำหน่าย จะเป็นสี Gravity Black หรือสีดำเข้ม
หน้าจอของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ เห็นราคาไม่แพง ไม่ถึงหมื่น แต่หน้าจอเป็นพาแนล AMOLED ที่มีจุดเด่นเรื่องสีสันที่ให้ความสดมากกว่าหน้าจอแบบ IPS ให้อารมณ์ในการรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้ดีกว่า โดยมีหน้าจอขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ แบบ AMOLED Halo FullView Display ที่มีกล้องหน้าอยู่บริเวณด้านบนหน้าจอ
เรื่องการแสดงสีสันหน้าจอ รุ่นนี้แสดงสีได้ความอิ่มตัว 103% มาตรฐาน NTSC มีค่าคอนทราสต์สูงถึง 2,000,000: 1 ส่วน Notch Screen ด้านบนหน้าจอ ก็กินพื้นที่เพียงเล็กน้อย และมีพื้นที่หน้าจอต่อพื้นที่ด้านหน้าทั้งหมดสูงถึง 90.12%
ระบบปลดล็อกตัวเครื่องของ Vivo V20 SE นอกจากปลดล็อกด้วยใบหน้าได้แล้ว ยังสามารถปลดล็อกด้วยการสแกนลายนิ้วมือ ที่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอได้ เป็นเซ็นเซอร์แบบ Optical ที่นิยมใช้ในสมาร์ตโฟนหลาย ๆ รุ่น การปลดล็อกทำได้รวดเร็วตามมาตรฐาน
รายละเอียดต่าง ๆ ที่ตัวเครื่อง เริ่มจากด้านขวามือ ประกอบไปด้วยปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่ม Power, ด้านบนเป็นไมโครโฟน กับถาดใส่ซิมการ์ดแบบ 3-Card Slot (รองรับ 2 nano SIM + micro SD Card) ส่วนด้านล่างเป็นพอร์ตเชื่อมต่อ และชาร์จไฟแบบ USB Type-C, ช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟน และลำโพงหลักของตัวเครื่อง รุ่นนี้มีลำโพงด้านล่างเพียงตัวเดียว ให้เสียงที่ดังในระดับหนึ่ง
จะเห็นว่าสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ มีไมโครโฟนในตัวถึง 2 ตัวด้วยกัน และยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Dual – Mic Noise Cancelling ที่มีการใช้ AI เข้ามาช่วยในการประมวลผล เพื่อกำจัดเสียงรบกวนรอบข้างขณะสนทนาโทรศัพท์ และยังต่อยอดไปยังโหมดกระซิบ ที่ออกแบบมาสำหรับการคุยโทรศัพท์ในที่จำกัดการใช้เสียง เช่น ขณะประชุม, อยู่ในที่ทำงาน โดยในโหมดดังกล่าว แค่กระซิบเบา ๆ ปลายสายก็สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน
ภาพรวมด้านงานออกแบบของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ ส่วนตัวผมมองว่า Vivo ทำได้ดีตามมาตรฐานของแบรนด์ ที่นอกจากจะเป็นสมาร์ตโฟนงานประกอบดีแล้ว การดีไซน์ยังมีจุดเด่นชัดเจนในเรื่องความบาง และความเบา รวมถึงสีสันตัวเครื่อง ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา และพรีเมียมเกินราคา
ระบบปฏิบัติการ
Vivo V20 SE มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ FunTouch OS 11 ที่มีพื้นฐานบน Android 10 แต่ในอนาคต ทาง Vivo การันตีเลยว่าจะได้รับอัพเดตเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดอย่าง Android 11 ตามรุ่นพี่ V20 Series ได้แก่ Vivo V20 Pro 5G และ Vivo V20 อย่างแน่นอน
สำหรับหน้าตา การใช้งานของ Vivo V20 SE ค่าพื้นฐานจะแบ่งรูปแบบหน้าโฮม แยกกับหน้าแอปพลิเคชั่น (App Drawer) ลักษณะเดียวกับรอม Stock Android การใช้งาน การออกแบบไอคอนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทาง Vivo
ประสิทธิภาพ
ชิปประมวลผลของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ ใช้เป็นชิป Snapdragon 665 ชิปเซ็ตแบบ octa-core มีจุดเด่นในเรื่องของการประหยัดพลังงาน เป็นชิปที่กินพลังงานน้อย แต่ในการประมวลผลหนัก ๆ อย่างการเล่นเกม ก็ยังถือว่าทำได้น่าประทับใจ ด้วย RAM 8GB + ความจุในตัวเครื่อง 128GB ถือว่าเป็นสเปคที่เหมาะสมกับการใช้งานในยุคปัจจุบันเป็นอย่างดี
ในการประมวลผล รุ่นนี้มาพร้อมกับ vivo Multi-Turbo เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ให้เร็วยิ่งขึ้น ประกอบไปด้วย Center Turbo, AI Turbo, เครือข่าย Net Turbo, การระบายความร้อน (Cooling Turbo), เกม (Game Turbo) และ (ART ++ Turbo) เพิ่มความเร็วในการเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่น
Ultra Game Mode
โหมดเกมในสมาร์ตโฟนเครื่องนี้ สามารถปิดกั้นการแจ้งเตือน และข้อความขณะเล่นเกม นอกจากนี้ยังมีโหมดการเล่นอัตโนมัติขณะหน้าล็อกหน้าจอ (สำหรับเปิดบอท) และโหมด Picture-in-Picture
การเล่นเกมด้วย Vivo V20 SE ความเซอร์ไพรส์อย่างหนึ่งคือ รุ่นนี้สามารถปรับตั้งค่าเกมได้ในระดับสูง – สูงสุดเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น RoV (ปรับสูง, เฟรมเรตสูง) หรือเกมอย่าง PUBG Mobile, Call of Duty Mobile รวมถึงเกมใหม่อย่าง League of Legends: Wild Rift ก็เล่นในโหมดเฟรมเรตสูงได้อย่างลื่นไหล แทบไม่พบอาการเฟรมตกขณะเล่นเกม
แบตเตอรี่ และการชาร์จไฟ
Vivo V20 SE มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4,100 mAh ไม่มาก และไม่น้อยเกินไป ความจุแบตเตอรี่ที่ให้มา เหมาะสมกับสเปค และสามารถใช้งานต่อเนื่องหมดวัน โดยที่ไม่ต้องชาร์จไฟระหว่างวัน เว้นแต่จะมีการใช้งานโทรศัพท์อย่างต่อเนื่อง หรือเล่นเกมติดกันหลาย ๆ เกม ก็อาจจะต้องพกแบตเตอรี่สำรอง หรือทำการชาร์จระหว่างวันบ้าง
เรื่องระบบชาร์จไฟ รุ่นนี้ให้รองรับระบบชาร์จ 33W FlashCharge 2.0 ที่ชาร์จไฟด้วยกำลังไฟสูงสุด (10V 3.3A) สามารถชาร์จไฟจาก 0 – 62% ได้ในเวลาเพียง 30 นาที และชาร์จไฟจนเต็มแบตเตอรี่ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ส่วนเรื่องความปลอดภัยก็มั่นใจด้วยระบบป้องกันความปลอดภัยถึง 8 เท่า
สรุปภาพรวม รีวิว Vivo V20 SE
ภาพรวมของสมาร์ตรุ่นนี้ จากที่ได้เล่นเครื่องรีวิว Vivo V20 SE มาสักพัก ผมว่าเป็นสมาร์ตโฟนราคาไม่เกินหมื่น ที่เหมาะกับคนชอบถ่ายรูป โดยเฉพาะสายเซลฟี่เป็นอย่างมาก ด้วยฮาร์ดแวร์กล้องที่มีความละเอียดสูง และซอฟต์แวร์กล้อง AI ที่ประมวลผล ปรับแต่งภาพถ่ายได้อย่างชาญฉลาด ส่วนสเปคด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ, ชิปประมวลผล, แบตเตอรี่และระบบชาร์จไว 33W FlashCharge 2.0
ไม่เพียงสเปคด้านในที่น่าสนใจ แต่ในด้านการดีไซน์ตัวเครื่อง รุ่นนี้ยังเป็น Sleek Design หรือดีไซน์เครื่องบาง น้ำหนักเบา มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Oxygen Blue และ Gravity Black โดยรวมแล้ว กับราคา 8,699 บาท ถือเป็นน้องเล็กที่เติมเต็มซีรี่ส์ V20 ของทาง Vivo ได้อย่างน่าประทับใจเลยครับ