หลังจากที่ Sony ได้ปิดตำนาน Xperia Z แล้วต่อยอดเรือธงในชื่อ Xperia X โดยมี 3 รุ่นที่นำวางมาวางจำหน่ายได้แก่รุ่น Xperia X Performance , Xperia X และ Xperia XA สำหรับ Xperia XA ที่นำมารีวิวนั้นเป็นรุ่นเล็กสุดในตระกูล Sony Xperia X Series แต่ให้ความคุ้มค่าครบครัน ในราคาไม่ถึงหมื่น ด้วยตัวเครื่องที่ใช้วัสดุเป็น Metal-Unibody แถมยังมีให้เลือกถึง 4 สีคือ สีดำกราไฟต์ , ขาว , ไลม์โกลด์ และโรสโกลด์ โดยสีที่เลือกจะครอบคลุมทั้งด้านหลัง ด้านข้าง และแผงโทรศัพท์ด้านหน้าด้วย
สเปค Sony Xperia XA
- หน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียด 720p
- ชิปเซ็ต MediaTek MT6755
- แรม 2 GB
- หน่วยความจำภายใน 16 GB
- รองรับ Micro SD Card ความจุสูงสุด 200 GB
- แบตเตอรี่ความจุ 2300 mAh
- ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
- รองรับ 2 ซิม
- ราคา 9,990 บาท
- สเปคแบบเต็มของ Sony Xperia XA
เมื่อได้เห็นหน้าตาครั้งแรกของ Sony Xperia XA ก็รู้สึกได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างรุ่นก่อน ๆ ในเรื่องของการดีไซน์ขอบจอได้บางมาก ๆ และตัวเครื่องที่เพรียวบางน้ำหนักเบา ถือจับถนัดมือ ที่สำคัญยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Sony ไว้ได้ทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มชัตเตอร์ ปุ่มพาวเวอร์กลม ขอบเครื่องโค้งมน และฝาหลังที่แบนราบ
จุดเด่น
– เปิดกล้องได้เร็วทันใจมาก
– แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน แม้จะเล่นตลอดทั้งวัน
ข้อสังเกต
– สีของหน้าจอใช้งานกลางคืนไม่ค่อยสบายตา
– ราคานี้ควรมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– ตัวเครื่องด้านหลังเป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย
บทสรุป
BEST VALUE
Design
สำหรับการออกแบบของ Xperia XA นั้นต้องยอมรับว่าการออกแบบให้ขอบจอบางเฉียบนั้น ส่งผลให้จับถนัดกระชับมือ พกพาสะดวก เมื่อแรกสัมผัสก็รู้สึกได้เลยว่ามันถนัดมือจริง ๆ ถึงแม้จะไม่ใส่เคส เนื่องจากฝาหลังที่เป็นพลาสติกนั้นค่อนข้างเกาะมือดีเลยล่ะ ส่วนการใช้งานในชีวิตประจำวันหากต้องใส่กระเป๋ากางเกง แล้วต้องล้วงออกมาอยู่เรื่อย ๆ เจ้า Xperia XA นั้นสามารถดึงออกมาใช้ได้อย่างสะดวก
การวางปุ่มกดยังมีความเป็น Sony อยู่เหมือนเดิม นั่นคือปุ่ม Power , เพิ่มลดเสียง และปุ่มชัตเตอร์ โดยตำแหน่งของปุ่มสามารถกดได้ถนัดมือด้วยขนาดตัวเครื่องที่ไม่ได้ใหญ่มาก แถมยังมีดีไซน์แบบ (แทบจะ) ไร้ขอบอีกต่างหาก
อีกสิ่งที่ทำให้ตัวผมชอบนั่นก็คือการถอดเปลี่ยนซิมการ์ด เพราะออกแบบมาให้ใช้เล็บเขี่ยถาดออกได้เลย โดยถาดนั้นใส่ได้ทั้งสองซิม เพิ่มความสะดวกสบายให้คนที่ต้องเปลี่ยนซิมอยู่บ่อย ๆ จะได้ไม่ต้องพกเข็ม หรือต้องควานหาอะไรแหลม ๆ มาจิ้มเลย ส่วนช่องใส่ MicroSD นั้นก็อยู่ข้าง ๆ กัน เปิดฝาเดียวก็จบ สามารถถอดได้ทั้งซิมและเมมโมรี่การ์ด โดย Sony Xperia XA รองรับ MicroSD Card ความจุสูงสุดที่ 200 GB ซึ่งตอนนี้ก็มีของ Sandisk ทำออกมาจำหน่ายแล้วด้วย
ด้านบนจะพบรูเสียบหูฟังขนาด 3.5 mm. และไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับลดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างของ Sony Xperia XA จะพบกับพอร์ท Micro USB , ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และลำโพงหลักของตัวเครื่อง ที่ให้เสียงดังชัดเจนดี ด้วยฟีเจอร์ X-Loud ที่ช่วยให้เสียงจากลำโพงตัวเครื่องดังกว่ามือถือปกติยี่ห้ออื่น เสียดายที่ไม่ได้ใส่ฟีเจอร์ Hi-Res มาให้เหมือนรุ่นพี่อย่าง Sony Xperia X และ Xperia X Performance
อีกสิ่งที่ Sony ดูเหมือนภูมิใจนำเสนอพอ ๆ กับไร้ขอบจอนั่นก็คือ กระจกขอบโค้งมน เพื่อการสัมผัสที่สบายนิ้ว แต่ผมกลับมองว่าเป็นข้อด้อยหากใช้งานไม่ใส่เคส เนื่องจากที่มันไม่มีขอบจอนี่แหละ ทำให้การใช้งานมือเดียวยากลำบากเพราะเมื่อถือเต็มมือจะทำให้อุ้งมือนั้นไปสัมผัสกับขอบจอ และทำให้ระบบสัมผัสหน้าจอรวนได้ (แต่ก็ไม่เท่าพวกจอ Edge Screen) ถ้าหากหาเคสมาใส่ก็คงไม่น่ามีปัญหา
ด้านหลังของ Sony Xperia XA ออกแบบมาเรียบ ๆ แต่โค้งเล็กน้อยเพื่อรับกับมือ มุมบนมีกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อมแฟรช LED ตรงกลางมีโลโก้ NFC และ XPERIA
เมื่อพกพาในชีวิตประจำวันจะพบว่าเมื่อพกพาสามารถนำออกจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ได้อย่างง่ายดายกว่าโทรศัพท์จอ 5 นิ้วเครื่องอื่น ๆ มาก รวมถึงขอบตัวเครื่องโค้งมนแต่แบนเรียบเป็นเอกลักษณ์อารยธรรมสไตล์ Sony ยังคงเดิม ส่วนตัวผมมองว่าดีไซน์ดูดีกว่ารุ่นพี่ Xperia X เสียอีก แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งให้กังวล นั่นคือหากกระเป๋ากางเกงลื่น จะทำให้ตัวเครื่องนั้นหลุดออกมาจากกระเป๋าได้อย่างง่ายดาย เป็นผลมาจากมุมทั้ง 4 ของเครื่องที่โค้งมน และไม่มีชิ้นส่วนไหนที่เป็นเหลี่ยมเลย ดังนั้นผู้ใช้ควรระวังในจุดนี้ด้วย
โดยรวมแล้วในเรื่องของการออกแบบตัวเครื่องนั้น Xperia XA สามารถทำออกมาได้สวยงามและดูดีเกินราคามาก ส่วนเรื่องงานประกอบนั้น ถึงแม้ว่าฝาหลังจะเป็นพลาสติก และตัวเครื่องไม่กันน้ำแบบรุ่นพี่ แต่การออกแบบฝาหลังที่ไม่สามารถถอดออกมาได้ด้วยมือเปล่านั้น ทำให้รู้สึกแน่นหนามั่นคงไม่แพ้ใครเลย
Software
Sony Xperia XA มาพร้อมกับ Android 6.0 Marshmallow ที่ใช้งานลื่นไหลและมี UI ที่เป็นเอกลักษณ์ ใช้งานสะดวก ส่วนแอปพลิเคชั่นที่ติดมาในเครื่องก็พอมีบ้างอย่าง PlayStation Network ไว้ต่อเชื่อมเวลาเล่นเกม , What’s New เมื่อมีแอปที่น่าสนใจใหม่ ๆ ก็จะเปิดให้ดาวน์โหลดได้ทันที รวมถึงยังสามารถปรับแต่งสีของหน้าจอการแสดงผลจาก Mobile Bravia Engine 2 ได้
STAMINA Mode
ฟีเจอร์ที่เรียกว่าเป็นจุดเด่นของมือถือ Sony ที่ช่วยให้สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้นานยิ่งขึ้นอย่าง STAMINA Mode ก็มีใน Sony Xperia XA เช่นกัน โดยหลักการทำงานของ Stamina Mode คือการปิดการแจ้งเตือนทุกอย่างเมื่อเราปิดหน้าจอ แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้แอปพลิเคชันใดแจ้งเตือนได้จากการตั้งค่า หรือถ้าคิดว่า STAMINA Mode ธรรมดาเอาไม่อยู่ เพราะแบตเตอรี่ใกล้จะหมดจริง ๆ Sony Xperia XA ก็มีโหมดขั้นกว่าอย่าง Ultra STAMINA Mode ติดมาให้เป็นไม้ตายด้วยครับ
โดยโหมด Ultra STAMINA Mode จะช่วยให้พลังงานเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่ถูกใช้อย่างประหยัดที่สุด เพราะระบบจะตัดแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็นออกหมด (รวมถึงการเชื่อมต่อ 3G) เพื่อให้เหลือพลังงานไว้โทรติดต่อกับบุคคลอื่นในยามฉุกเฉินเท่านั้น แบตเตอรี่ที่เหลือเพียง 10% เมื่ออยู่ใน ultra STAMINA จะสามารถใช้งานได้นานถึง 12 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ส่วนการชาร์จ Sony มีอุปกรณ์เสริมชื่อว่า Quick Charger UCH12 โดยเป็นชุดชาร์จที่ใช้เวลาเพียง 10 นาที แต่สามารถใช้งานได้เพิ่มอีก 5.5 ชั่วโมง สามารถซื้อแยกได้หากใครต้องการให้ชาร์จไว ๆ ส่วนที่ชาร์จที่แถมมาให้ในกล่องน่าจะเป็นที่ชาร์จแบบปกตินะครับ เนื่องจากเครื่องรีวิว Sony Xperia XA ที่ผมได้รับมาเป็นเครื่องทดสอบ เลยไม่มั่นใจเรื่องอุปกรณ์เสริมในกล่องว่าเหมือนกับเครื่องขายจริงหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเรื่องสเปค หรือตัวเครื่องอันนี้เหมือนกันแน่นอน อ่านรีวิว Sony Xperia XA ก็เหมือนได้จับเครื่องจริง ๆ เลยล่ะ
Camera
ในส่วนของกล้องดิจิตอลของ Sony Xperia XA นั้นมากับเซ็นเซอร์ Exmor RS 1/3” ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบไฮบริด ที่สามารถจับภาพเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว คมชัด โดยใช้เวลาโฟกัสเพียง 0.9 วินาที (ถ้าเป็น Xperia X จะมี Predictive Auto Focus หรือระบบคาดเดาการเคลื่อนที่ของวัตถุด้วย) ส่วนกล้องหน้านั้นก็ใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS เช่นกัน มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยสามารถเปลี่ยนโหมดการถ่ายภาพได้โดยการเลื่อนซ้าย – ขวา ทั้งกล้องหน้าและหลังมีเอฟเฟคให้เล่นพอสมควร แต่ใน Manual Mode ยังปรับแต่ได้ไม่มากนัก
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Sony Xperia XA
ความรู้สึกของผมเมื่อได้ลองใช้งานกล้องถ่ายภาพแล้ว อย่างแรกเลยรู้สึกชอบที่สามารถเปิดใช้งานได้รวดเร็วมาก ๆ ส่วนคุณภาพของภาพถ่ายนั้นก็ถือว่าดีใช้ได้เลย ติดที่กลางคืนนั้นหากถือมือเดียวถ่ายภาพเบลอแน่นอนครับ ต้องตั้งใจประคองมือถ่ายเพื่อไม่ให้ภาพเบลอ แต่ในสถานการณ์ปกติไม่ว่าจะแดดจ้า ย้อนแสง หรือในที่ร่ม แค่เพียงใช้โหมดออโต้ก็สามารถเก็บภาพวินาทีประทับใจได้เลย
ส่วนกล้องด้านหน้านั้นสามารถให้มุมมองที่กว้างใช้ได้ การเซลฟี่สามารถทำได้ง่ายกว่าชาวบ้านเนื่องจากปุ่มชัตเตอร์ที่สามารถใช้นิ้วก้อยกดได้เลย (หากถือด้วยมือซ้าย) ถือว่าทำมาได้ถนัดดี แหละโหมดใบหน้าสวยสามารถลบรอยบนใบหน้าออกได้แบบใบหน้าไม่เยิ้มด้วย สาว ๆ น่าจะถูกใจนะครับ
Performance
Sony Xperia XA มาพร้อมกับชิปเซ็ต Mediatek MT6755 Helio P10 Octa-core 2.0 GHz Cortex-A53 และ GPU Mali T860 MP2 ทำให้สามารถเล่นเกม N.O.V.A. 3 ได้อย่างลื่นตามวีดีโอพรีวิวด้านล่าง การใช้งานแอปพลิเคชั่นทั่วไปในชีวิตประจำวัน และการ Multitask นั้นเรียกได้ว่าลื่นไหลมาก ไม่มีอะไรมาขัดจังหวะให้หงุดหงิดแน่นอน ความลื่นนี่ไม่แพ้พวก Ram 3 GB เลยครับ ต้องชมเรื่องการรีดประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ ซึ้ง Sony ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว
ไฮไลท์ที่เด็ดกว่าน่าจะอยู่ตรงที่แบตเตอรี่ความจุ 2,300 mAh ที่ดูเหมือนว่าจะน้อยสำหรับ Android จอ 5 นิ้ว แต่เมื่อใช้งานจริงแล้วกลับพบว่าเพียงพอสำหรับ 1 วันเต็ม ๆ ถึงแม้จะใช้ 3G / 4G เล่นตลอด และใช้ในสภาพการใช้งานจริง นั่นก็เป็นผลมาจากการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ซึ่งจากในรูปก็จะเห็นว่าจาก 100%-5% ผมสามารถใช้งานแบบทั่วไป คุยโทรศัพท์ เล่นเฟสบุ๊คบ้าง ถ่ายรูป ฟังเพลง เรื่อย ๆ ได้ตั้งแต่ 7 โมงเช้าจนถึง ตี 1 อึดพอสมควรเลยแหละ
Gallery