Samsung Galaxy Tab S7 FE คือ Tablet รุ่นใหม่ล่าสุดที่ทาง Samsung เปิดตัวออกมาเพื่อเหล่าแฟน ๆ ที่ต้องการ Tablet หน้าจอใหญ่ๆ สเปคเทพๆ พกพาง่าย ในราคาไม่แพงมากนัก เอามาใช้เรียนหรือทำงานก็ได้ ซึ่ง Samsung Galaxy Tab S7 FE ตัวนี้นั้นจะมีทั้งหมด 2 รุ่นคือรุ่น Wi-Fi และรุ่น LTE (รุ่น 5G ไม่มีขายในไทยนะ เสียใจด้วย) ซึ่งรุ่นที่เราได้มารีวิวนั้นเป็นรุ่น LTE โดยหลังจากที่ผมได้เอาไปใช้งานมาระยะหนึ่ง วันนี้จึงได้จะพาเพื่อน ๆ ไปดูความน่าสนใจของเจ้าเครื่องนี้กัน
สเปค Samsung Galaxy Tab S7 FE
- หน้าจอ : พาแนล TFT-LCD, ขนาด 12.9 นิ้ว, ความละเอียด 2,560 x 1,600 (WQXGA), อัตราส่วนหน้าจอ 16:10
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 750G
- แรม : 4GB
- หน่วยความจำ : 64GB รองรับ MicroSD สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง : 8MP, f/1.9, AF
- กล้องหน้า : 5MP f/2.2
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11 ครอบทับด้วย OneUI 3.1
- แบตเตอรี่ : 10,090 mAh รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 45W
- การเชื่อมต่อ :
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
- Bluetooth 5.0
- GPS
- USB Type-C
- เซ็นเซอร์ :
- Accelerometer
- Compass
- Gyro
- Light Sensor
- Hall Sensor (ตัวจับแม่เหล็ก)
- ขนาด : 284.8 x 185 x 6.3 มม.
- น้ำหนัก : 608 กรัม
- สี : Light Green (สีเขียวอ่อน), Light Pink (ชมพูอ่อน), Mystic Silver (สีเงิน), Mystic Black (สีดำ)
- ราคา : 19,900 บาท
- หน้าสเปคเต็ม
จุดเด่น
- หน้าจอใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว แถมมีความละเอียดระดับ 2K
- มีแบตเตอรี่สุดอึดขนาด 10,090 mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็วขนาด 45W
- มีขนาดตัวเครื่องใกล้เคียง Tab S7+ ทำให้ใช้อุปกรณ์เสริมร่วมกันได้
- สเปคแรงเกินพอต่อการใช้งานทุกรูปแบบ
- เสียงจากลำโพงคู่ค่อนข้างดังใช้ได้เลย
ข้อสังเกต
- ตัวเครื่องค่อนข้างหนัก เนื่องจากจอใหญ่แถมแบตเตอรี่เยอะมาก
- ราคาเครื่องค่อนข้างสูงไปหน่อย
- ไม่รองรับ 5G
- หน่วยความจำน้อยไปหน่อย
ดีไซน์ Samsung Galaxy Tab S7 FE
ในเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องนั้นหากดูแบบผ่านๆ จะบอกว่าเป็น Galaxy Tab S7+ เลยก็ยังได้ โดยดีไซน์ตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบบใช้งานแนวนอน เนื่องจากมีการวางกล้องหน้าเอาไว้ในรูปแบบแนวนอน ตัวหน้าจอแสดงผลนั้นเป็นหน้าจอพาแนล TFT ทำให้สีสันอาจจะไม่สดเท่าไร ทว่าก็ทดแทนด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว และมีความละเอียดที่สูงถึง WQXGA (1440p หรือ 2K) และด้วยการที่เป็นรุ่นตัดสเปคของ Galaxy Tab S7+ ทำให้ได้หน้าจอที่มี Refresh Rate เพียง 60Hz
โดยรอบตัวเครื่องนั้นฝั่งซ้าย (เมื่อวางแนวนอน) จะมีลำโพงและไมโครโฟนช่วยตัดเสียงรบกวน
ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่องนั้นจะมีลำโพงและพอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C
ขอบด้านบนของตัวเครื่องนั้นจะมีปุ่มเปิด-ปิด, ปุ่มปรับระดับเสียง, ไมโครโฟน และช่องใส่ซิม โดยถาดใส่ซิมนั้นจะเป็นแบบแบ่งฝั่งเป็นซิมและ MicroSD Card (ไมไ่ด้เป็นถาดยาวๆ นะ)
ที่ขอบด้านล่างนั้นจะมี Connector ไว้เชื่อมกับ Book Keyboard Cover / Book Keyboard Cover Slim และจะมีร่องสำหรับยึดกับ Keyboard ด้วย
ที่ด้านหลังตัวเครื่องนั้นจะมีโมดูลกล้องอยู่ที่มุม โดยในโมดูลกล้องนี้จะมีเลนส์กล้องและไมโครโฟนอยู่ด้วยกัน (ไม่มีหลอดไฟแฟลชนะเออ)
ตัวปากกา S Pen ที่แถมมาพร้อมกับตัวเครื่องนั้นหน้าตาเป้นแบบเดียวกับที่ใช้ในซีรี่ส์ Galaxy Tab S7 สามารถรองรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ และค่าความหน่วงต่ำเพียงแค่ 30 ms เท่านั้น ซึ่งที่น่าสนใจคือปากกา S Pen จะมีสีสันแบบเดียวกับตัวเครื่องเลย นอกจากนี้ยังสามารถเอาปากกา S Pen นี้มาแปะที่ด้านหลังในระนาบเดียวกับกล้องหลังได้แบบเดียวกับซีรี่ส์ Galaxy Tab S7 แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือสามารถเอา S Pen ไปแปะไว้ที่ขอบด้านบนได้ด้วย
นอกจากนี้ทาง Samsung ยังได้มีการส่ง Book Cover Keyboard Slim มาให้ Specphone เราได้ใช้ไปพร้อมๆ กันด้วย โดยตัวเคสนี้จะมาราคาอยู่ที่ 4,990 บาท ซึ่งตัว Book Cover Keyboard Slim นี้คือ Book Cover ของซีรี่ส์ Galaxy Tab S7 แล้วเพิ่ม Keyboard เข้าไป ทำให้เป็นส่วนผสมที่ดูดีสุดๆ ถึงแม้เมื่อเอาไปเทียบกับ Book Keyboard Cover ของซีรี่ส์ Galaxy Tab S7 แล้วจะขาดที่รองมือกับ TouchPad แต่ฟีลลิ่งในการใช้งานนนับว่าไม่เลวเลย
แต่ต้องขอเตือนนิดหนึ่งว่าหากใช้ Book Cover Keyboard Slim และมีการเก็บปากกา S Pen ไว้ที่ด้านหลังเครื่อง ตัวปากกา S Pen จะไม่มีเคสมาคอยป้องกันให้เหมือนกับเคสของ Galaxy Tab S7+ นะ เพราะฉะนั้นแนะนำให้เก็บปากกา S Pen เอาไว้ด้านในเท่านั้นจะดีกว่า
ระบบปฏิบัติการ Samsung Galaxy Tab S7 FE
ระบบปฏิบัติการของ Galaxy Tab S7 FE นั้นเป็นระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบทับด้วย OneUI 3.1 รุ่นออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Tablet ทำให้มีความสวยงามสมส่วนกับหน้าจอที่มีขนาดใหญ่
หนึ่งในฟีเจอร์ที่มาพร้อมกับ Galaxy Tab S7 FE ก็คือ DeX Mode โดยสามารถเปลี่ยนการใช้งานตัวเครื่องจาก Tablet ไปเป็น PC ได้ โดยโหมดนี้สามารถใช้งานร่วมกับ Samsung Smart Keyboard ได้ รวมถึงสามารถเชื่อมต่อภาพออกจอใหญ่ได้อีกด้วย
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ของ Samsung เลยก็คือฟีเจอร์แบ่งหน้าจอ โดยใน Tablet นั้นหากใช้งานแบบแนวนอน สามารถแบ่งได้สุงสุดถึง 3 หน้าจอ แต่ถ้าใช้งานแบบแนวตั้งจะสามารถแบ่งได้เพียง 2 หน้าจอเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้นเยอะ
และสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับ Eco System แบรนด์ Samsung ก็คือการที่สามารถเอามือถือหรือ Tablet มาใช้ในการควบคุม Smart TV ของ Samsung ได้ รวมถึงสามารถส่งภาพจากในมือถือหรือ Tablet ขึ้นหน้าจอได้ง่ายๆ อีกด้วย (เป็นฟีเจอรืที่เหมาะกับคนที่ใช้อุปกรณ์ของ Samsung มากๆ)
การใช้งาน Samsung Galaxy Tab S7 FE
การใช้งานทั่วไป
ในด้านการใช้งานทั่วไปนั้นด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว ทำให้การเล่นโซเชียลนั้นเห็นภาพได้เต็มตาสุดๆ เอามาอ่านนิยายก็สบายตาสุดๆ ส่วนในด้านการดูหนังหรือ Youtube นั้นด้วยหน้าจอที่เป็นพาแนล TFT ทำให้สีสันอาจไม่สุด แต่ทว่าด้วยหน้าจอที่มีความละเอียดถึง 2K และลำโพง 2 ตัวที่ให้เสียงดังกระหึ่ม ทำให้การดูหนังได้อรรถรสมากเลย และด้วยแบตเตอรี่ที่มีขนาดถึง 10,090 mAh ทำให้สามารถใช้งานได้นานมากๆ จนลืมไปเลยว่าใช้มานานเท่าไรแล้ว ทว่าหากใช้งานแบบถือนานๆ ย่อมต้องมีล้ากันบ้างด้วยน้ำหนักตัวถึง 608 กรัม เพราะจากที่ลองนั้นดูหนังไปได้ครึ่งเรื่องก็เริ่มเมื่อยมือแล้ว ถ้าไม่ได้ใส่เคสหรือไม่มีขาตั้งนี่ลำบากพอสมควร
การใช้ทำงานต่างๆ
ในด้านการทำงานนั้นด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 750G หน้าจอขนาด 12.4 นิ้ว และ OneUI 3.1 ทำให้การใช้ทำงานมีความสะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความลื่นไหลในการใช้งานแอพต่างๆ สามารถแบ่งหน้าจอใช้งานได้ มีพื้นที่แสดงผลแบบเต็มตา และซอร์ฟแวร์ด้านการทำงานอยู่เยอะมากๆ ทำให้การเอามาใช้ทำงานมีความสะดวกและคล่องตัวมากเลย สามารถหิ้วไปใช้งานนอกบ้านได้สบาย นอกจากนี้เมื่อใช้งานร่วมกับ Book Cover Keyboard Slim ที่มีฟีลลิ่งสัมผัสดี ทำให้การพิมพ์ข้อความต่างๆ นั้นสนุกมือขึ้นมากเลย (สำหรับคนที่ใช้ Keyboard ปกติมาจนชิน อาจจะต้องปรับตัวนิดหน่อย เพราะปุ่มเปลี่ยนภาษาอยู่คนละที่)
สำหรับในเรื่องของ S Pen นั้นด้วยแอพ Samsung Note เวอร์ชั่นล่าสุดนั้นมีความสามารถที่หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการจดข้อความแบบลายมือ หรือจะให้เครื่องเปลี่ยนข้อความที่เขียนให้กลายเป็นตัวอักษรก็ยังได้ (เขียนภาษาไทยก็แปลงได้นะ) แถมยังมีแอพเฉพาะสำหรับใช้ขีดเขียน PDF อีก เป็นอะไรที่ครบครันกับงานเอกสารมากๆ เลย นอกจากนี้ด้วยการที่ Samsung พิจารณาแล้วว่ายังไงก็ต้องมีจังหวะที่เราต้องรีบจดข้อความด่วน จึงได้ใส่ความสามารถให้กับ Samsung Note โดยเราสามารถทำการเขขียนข้อความลงไปบนหน้าจอได้ทันที ไม่จำเป็นต้องเปิดแอพขึ้นมา และเมื่อจดเสร็จแล้วก็สามารถบันทึกข้อความเหล่านั้นลง Samsung Note ได้เลย
การเล่นเกม
ในด้านของการเล่นเกมนั้น Galaxy Tab S7 FE ที่ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 750G นั้นสามารถเอาไปใช้เล่นเกมได้ทุกแนว (ทุกแนวจริงๆ) ซึ่งจากที่ได้ลองทั้ง Cookie Run Kingdom, PUBG Mobile, Genshin Impact และ RoV นั้นสามารถเล่นเกมลื่นทุกเกมเลย ถึงแม้ในเรื่องการตั้งค่าจะไม่สามารถปรับให้สุดได้ในบางเกมก็ตาม โดยใน PUBG Mobile นั้นสามารถปรับได้สูงสุดที่กราฟิก HD เฟรมเรทสูง ส่วน Genshin Impact นั้นเริ่มมาตัวระบบจะปรับกราฟิกให้อยู่ที่ต่ำ ซึ่งหากปรับให้สุงกว่านี้ก็สามารถทำได้แต่ภาพจะกระตุก ดังนั้นแนะนำให้ปรับมากสุดแค่ ต่ำ ก็พอ จะได้เล่นได้ลื่นๆ แต่ทว่าหลังจากที่ได้ลองเล่นนั้นต้องบอกเลยว่าปวดมือมากๆ เนื่องด้วยหน้าจอที่ใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว ทำให้เวลากดปุ่มต่างๆ ต้องเอื้อมนิ้วไกลขึ้น และน้ำหนักที่มากถึง 608 กรัม ทำให้ไม่สามารถเล่นนานๆ ได้ (ยกเว้น Genshin Impact ที่หากเล่นแบบเชื่อมต่อกับ Joystick ก็จะช่วยให้เล่นได้สบายขึ้นเยอะ)
การถ่ายภาพ
ในเรื่องการถ่ายภาพนั้น Galaxy Tab S7 FE มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 8MP และกล้องหน้าความละเอียด 5MP ซึ่งโดยปกติกล้องที่อยู่ใน Tablet ก็มักจะคาดหวังอะไรมากไม่ได้อยู่แล้ว แต่ทว่าด้วยซอร์ฟแวร์ที่ทาง Samsung ประบแต่งมาก็ช่วยให้สามารถเก็บรายละเอียดและสีสันของวัตถุได้มากขึ้น ทว่าก็ยังหนีเรื่อง Noise ไม่ค่อยได้ แต่มันก็เพียงพอแล้วต่อการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการใช้กล้องหลังถ่ายภาพต่างๆ หรือใช้กล้องหน้าระหว่างวิดีโอคอล ซึ่งรายละเอียดสามารถเห็นได้จากภาพตัวอย่างเหล่านี้เลย
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว Samsung Galaxy Tab S7 FE
สรุปจากการที่ได้ใช้งาน Samsung Galaxy Tab S7 FE มาระยะหนึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานสุดๆ ถึงจะมีจุดที่ต้องคิดหนักเล็กน้อย ทว่าในด้านการใช้งานแล้วแทบไร้ที่ติเลย และด้วยการที่มีปากกา S Pen ทำให้สามารถเอาไปใช้จดงานหรือจดข้อความได้สะดวกสุดๆ นอกจากนี้หากมีการซื้อ Book Cover Keyboard Slim เพิ่มเข้ามาก็ทำให้สามารถเอาไปใช้ทำงานเอกสารได้อย่างเต็มที่ สามารถเอามาใช้แทนโน๊ตบุ๊คได้เลย อีกทั้งหากมีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ของ Samsung อย่าง มือถือ Samsung Galaxy, Galaxy Watch หรือ Galaxy Buds ก็จะช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้นมากเลย เรียกได้ว่าเป็น Tablet ที่เหมาะอย่างยิ่งกับเหล่านักศึกษา / วัยทำงานที่ต้องไปทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
ซึ่งจุดที่ต้องอาจทำให้ลังเลหน่อยก็คือหน่วยความจำที่ให้มาเพียง 64GB เท่านั้น ซึ่งตรงนี้สามารถใช้ MicroSD Card มาแทนที่ได้ในระดับหนึ่ง เพราะ Galaxy Tab S7 FE นั้นสามารถเพิ่ม MicroSD ได้ถึง 1TB เลยทีเดียว
ในปัจจุบันนี้ (ตอนที่ทำการรีวิว) Samsung Galaxy Tab S7 FE นั้นมีขายเพียงแค่รุ่น LTE เท่านั้น ในราคา 19,990 บาท ส่วน Wi-Fi นั้นเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 15 กันยายน 2564 และจะมีการราคาจะประกาศในภายหลัง
สำหรับผู้ที่ซื้อ Samsung Galaxy Tab S7 FE นั้นสามารถซื้อได้ที่ Samung.com หรือตัวแทนต่าง ๆ และจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มดังนี้
- รับฟรีบริการ YouTube Premium 4 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Samsung Galaxy Tab S7 FE ตั้งแต่วันนี้ – ถึง 5 มีนาคม พ.ศ. 2565
- รับสิทธิ์ Galaxy Butler Silver บริการช่วยเหลือหลังการขายแบบพิเศษสำหรับอุปกรณ์ Galaxy อาทิ ฟรีบริการเครื่องสำรองหลังซ่อม ผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง เป็นต้น
- ใช้งาน Clip Studio Paint แอปพลิเคชันวาดภาพระดับโปร ฟรี 6 เดือน
- ใช้งาน Canva Pro แอปพลิเคชันออกแบบงานกราฟฟิกและสื่อต่างๆ ฟรี 30 วัน
- ใช้งาน Noteshelf แอปพลิเคชันเพิ่มประสิทธิภาพการจดโน้ต ฟรี