หลังๆ มานี้ สินค้าในกลุ่มแท็บเล็ตนับเป็นสินค้าไอทีกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยเฉพาะแท็บเล็ต Android ที่โตเร็ว ทั้งนับวันก็ยิ่งมีการออกรุ่นที่หลากหลายมากขึ้นทั้งขนาดและฟีเจอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่หลากหลายกว่าแต่ก่อน เราจึงได้เห็นแท็บเล็ต Android ที่มีราคานับตั้งแต่หลักพันต้นๆ ล่าสุดมีราคาสูงถึงกว่า 30,000 บาทเข้าไปแล้ว อย่างในตัวของ?Samsung Galaxy NotePRO 12.2?ที่น่าจะมีหลายท่านสงสัยกันว่า มันมีดีอย่างไร กับราคาค่าตัวที่สูงถึงกว่า 24,900 บาท เรียกว่าสูงกว่าโน้ตบุ๊กในปัจจุบันหลายๆ ตัวด้วยซ้ำไป ทางเราจึงขอไขข้อข้องใจทุกท่าน ด้วยการรีวิว Samsung Galaxy NotePRO 12.2 ให้ได้อ่านกันครับ จะเป็นอย่างไร มาชมกันเลย
สเปค Samsung Galaxy NotePRO 12.2
- ชิปประมวลผล Samsung Exynos 5420 (8 core) ความเร็วสูงสุด 1.9 GHz มาพร้อมชิปกราฟิก Mali-T628
- แรม 3 GB
- หน้าจอ Super Clear LCD ขนาด 12.2 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600
- Android 4.4.2 KitKat
- รอม 32 GB รองรับ MicroSD สูงสุด 64 GB
- กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- มีปากกา S-Pen ให้มาในตัว
- รองรับแค่ 3G/WiFi เท่านั้น ใช้งานไมโครซิม
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB 3.0
- แบตเตอรี่ Li-ion ความจุ 9500 mAh
- น้ำหนัก 753 กรัม
- ราคา 24,900 บาท
- สเปค Samsung Galaxy NotePRO 12.2 เต็มๆ
ด้านของสเปคนั้น เรียกง่ายๆ ว่า Samsung Galaxy NotePRO 12.2 ก็แทบจะเหมือน Samsung Galaxy Note 10.1 WiFi (2014 Edition) ที่ขายในบ้านเราเลยทีเดียว ไล่มาตั้งแต่ชิปประมวลผลที่ยังคงใช้ Exynos แบบ 8 คอร์ ชิปกราฟิกก็ตัวเดียวกัน แรม 3 GB เท่ากัน หน้าจอที่ถึงแม้จะมีขนาดต่างกัน แต่ก็ยังเลือกใช้ที่ความละเอียดเท่ากันที่ 2560 x 1600 ดังนั้นในเรื่องของความแรงก็น่าจะไม่แตกต่างกันมากนักระหว่างตัวของ Galaxy NotePRO 12.2 กับ Galaxy Note 10.1 WiFi (2014 Edition) ซึ่งสเปคระดับนี้ รับรองว่าใช้งานทั่วไปได้สบายหายห่วง แต่ถ้าเป็นเรื่องเล่นเกม หรือทำงานที่ต้องใช้กราฟิก 3D สูงๆ ก็อาจจะยังพอมีอาการกระตุกอยู่บ้างเล็กน้อย เนื่องด้วยความละเอียดหน้าจอที่สูง ทำให้การเรนเดอร์ภาพต้องใช้พลังในการประมวลผลที่สูงตามไปด้วย
Design
สิ่งแรกที่รู้สึกได้นับตั้งแต่ผมเห็น Samsung Galaxy NotePRO 12.2 ครั้งแรกก็คือ “เฮ้ย มันใหญ่มาก ขนาดแทบจะเท่าจอโน้ตบุ๊กที่ใช้อยู่แล้ว” และพอได้จับก็รู้สึกได้เลยว่ามันหนักมาก เนื่องด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 12.2 นิ้ว ซึ่งด้วยเรื่องของน้ำหนักและขนาดนี้เองที่น่าจะเป็นอุปสรรคในการพกพาอยู่พอสมควร เหมาะกับผู้ที่ต้องการแท็บเล็ตสำหรับใช้ทำงานเป็นเครื่องหลักเครื่องเดียว ไม่ต้องพกโน้ตบุ๊กไปด้วย และไม่ต้องการซื้อแท็บเล็ตเครื่องอื่นให้ต้องพกไปมากมายหลายอุปกรณ์ ซึ่งก็นับว่าเป็นข้อดีข้อหนึ่งของ Galaxy NotePRO 12.2 นะครับ ที่ทำให้ไม่ต้องพกอุปกรณ์ไปหลายๆ ชิ้น เพราะในตัวของมันเองมีรวมฟีเจอร์ของทั้งแท็บเล็ต, สมาร์ทโฟนและโน้ตบุ๊กเอาไว้ด้วยในตัว สำหรับการโทรศัพท์ จำเป็นจะต้องใช้หูฟังแบบ small talk หรือ Bluetooth ในการคุย เพราะตัวเครื่องของ Galaxy NotePRO 12.2 ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้แบบยกขึ้นมาคุยแนบหู เพราะทั้งใหญ่ หนัก และช่องลำโพงกับช่องไมค์ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งพอดีกับตัวผู้ใช้งาน
การพิมพ์ข้อความบนหน้าจอ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตัวเครื่องดูใหญ่ ก็น่าจะเป็นส่วนของขอบจอที่ค่อนข้างหนาทั้งสี่ด้าน ซึ่งอันที่จริงขอบด้านข้างซ้ายขวา น่าจะสามารถทำให้เล็กลงกว่านี้ได้อีกนิดหน่อย ถ้าทำได้ ตัวเครื่องคงดูเล็กลงกว่านี้แน่นอน แบบเดียวกับการเปลี่ยนแปลงจาก iPad 4 มาเป็น iPad Air ที่ทำให้ขอบจอเล็กลง ตัวเครื่องเลยดูเล็กลงมา เพิ่มความสามารถในการพกพาให้สะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดบนหน้าจอ 9.7 นิ้วเท่าเดิม ด้วยการที่เครื่องใหญ่ ขอบจอหนา ทำให้การพิมพ์ข้อความด้วยคีย์บอร์ดบนหน้าจอของ NotePRO 12.2 เป็นเรื่องลำบากมากๆ จะถือพิมพ์ในแนวตั้งก็มีปัญหาเรื่องน้ำหนักอีก
การแสดงผลของหน้าจอ Super Clear LCD ของ Samsung Galaxy NotePRO 12.2 ให้สีสันที่สวยงาม สดใสดีมาก โทนสีไม่สดหรือจ้าเกินไป เหมาะกับการใช้งานติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ เหมือนทำงานจริง ลบภาพมือถือรุ่นเก่าๆ ของ Samsung ที่มักใช้จอ AMOLED สีสันเกินจริงไปได้เลย การตอบสนองต่อการสั่งงานก็ทำได้ดี ไหลลื่น ไม่มีดีเลย์ให้เห็น
ปุ่มสั่งงานหลักๆ ก็จะมีด้วยกัน 3 ปุ่มคือปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม ถ้าหากกดค้างจะเป็นการเรียกใช้งาน Google Now แต่ถ้ากดติดกันสองครั้ง จะเป็นการเรียกใช้งานผู้ช่วยส่วนตัวอย่าง S Voice ที่ผู้ใช้ Samsung หลายท่านคุ้นเคย (แต่ไม่ได้ใช้จริง) ปุ่มริมขวาสุดคือปุ่ม back ซึ่งในการใช้งานจริงส่วนตัวผมไม่ค่อยถนัดซักเท่าไร เนื่องจากจอที่มีขนาดใหญ่มากๆ แล้วปุ่มมาอยู่ด้านล่างสุด ทำให้ต้องขยับมือเข้ามาเพื่อกดปุ่มค่อนข้างไกล อีกทั้งตอนจะใช้นิ้วกดปุ่ม ก็เป็นไฟต์บังคับว่าต้องถือเครื่องด้วยมือเดียว ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ คาดว่าน่าจะมีหลายเสียงบ่นเรื่องน้ำหนักตัวเครื่องแน่นอน ส่วนใครที่ใช้งาน NotePRO 12.2 และเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ด Bluetooth อยู่คงไม่มีปัญหานัก เพราะที่คีย์บอร์ดมักจะมีปุ่มที่ใช้แทนปุ่มสั่งงานดังกล่าวอยู่แล้ว
ฝาหลังของ Samsung Galaxy NotePRO 12.2 ใช้วัสดุเป็น PVC ที่ทำผิว เนื้อสัมผัสแบบเดียวกับหนัง ซึ่งก็ให้สัมผัสที่ดี ดูพรีเมียมขึ้นเหมือนกับในตัวของ Galaxy Note 3 รอยตะเข็บเย็บรอบด้านก็มีเนื้องานที่ดีใช้ได้เลย ไม่ลื่นมือมากนักทำให้สามารถจับประคองเครื่องในมือได้ค่อนข้างสะดวก
บรรดาของพอร์ตเชื่อมต่อจะอยู่ตรงขอบตัวเครื่องทั้งหมด รวมถึงช่องใส่ซิมและ MicroSD ด้วย เนื่องจากฝาหลังไม่สามารถแกะออกได้ โดยด้านบนจะมีช่องรับส่งสัญญาณอินฟราเรดสำหรับใช้งานแอพรีโมท ด้านขวาจะมีช่องใส่ซิมการ์ด, MicroSD, ช่อง USB 3.0 สำหรับชาร์จไฟและเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ ปิดท้ายด้วยช่องลำโพง สำหรับสายเชื่อมต่อที่ให้มาก็เป็นสาย USB 3.0 มาเลย ไม่เหมือนกับใน Samsung Galaxy S5 ที่แถมมาเพียงสาย Micro USB 2.0 เท่านั้นเอง
ขอบข้างของ NotePRO 12.2 อันที่จริงเป็นพลาสติกแล้วเคลือบผิวให้ดูเป็นโครเมียมเท่านั้นเอง คาดว่าถ้าใช้งานไปเป็นระยะเวลานานๆ ก็น่าจะมีการลอกของผิวโครเมียมที่เคลือบอยู่แน่นอน
Software
Samsung Galaxy NotePRO 12.2 มาพร้อมกับ Android 4.4.2 Kit Kat พร้อมหน้าตาแบบ Magazine UI ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับการใช้งานบนแท็บเล็ตจอใหญ่ได้ดีขึ้นกว่า TouchWiz ปกติในมือถือพอสมควร มีการเพิ่มส่วนของการแสดงข้อมูล ข่าวสารในรูปแบบเหมือนนิตยสารเข้ามาสมกับชื่อ Magazine UI ทำให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามข่าวแยกตามหมวดหมู่ได้อย่างสะดวกทันใจ ยิ่งใช้งานบนจอใหญ่ๆ อย่างของ Galaxy NotePRO 12.2 ก็ยิ่งเต็มตา ถ้าในข่าวมีภาพสวยๆ ก็ยิ่งเหมือนกำลังอ่านนิตยสารอยู่เลยทีเดียว
สำหรับการใช้งานร่วมกับปากกา S-Pen นั้น จะมีเมนูให้ใช้งานร่วมกันอยู่ 5 เมนูหลักๆ ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ด้วยการกดปุ่มบนปากกา S-Pen เมื่อนำปากกาไปจ่อไว้เหนือจอเล็กน้อย โดยทั้ง 5 เมนูหลักก็มีดังนี้
- Action Memo: ใช้สำหรับจดบันทึก โดยจะมีแผ่นกระดาษขึ้นมาให้เราสามารถจด วาดได้อิสระ ลักษณะคล้ายๆ กับกระดาษ post-it เลย
- Scrap Booker: ใช้สำหรับลากเลือกส่วนที่ต้องการ capture บนหน้าจอไปเก็บไว้ในสมุดตัดแปะ (scrapbook) เพื่อช่วยในการจดบันทึก
- Screen write: เป็นการ capture หน้าจอทั้งหมด จากนั้นผู้ใช้จะสามารถวาดเขียนลงไปบนภาพหน้าจอที่ capture มาได้
- S Finder: ใช้ค้นหาข้อมูล ได้ทั้งในเครื่องและบนอินเตอร์เน็ต
- Pen Window: เป็นการลากพื้นที่บนจอ เพื่อเปิดใช้งานแอพเป็นหน้าต่างเล็กๆ บนหน้าจอนั้น เช่นลากพื้นที่เพื่อเปิดแอพ Fcebook ขึ้นมา ในขณะที่กำลังเปิดแอพ Gmail เป็นหลักอยู่ เป็นต้น
จากกลุ่มแอพดังกล่าวข้างต้น จะเห็นว่า Samsung Galaxy NotePRO 12.2 ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้จดบันทึกได้หลากหลายรูปแบบมากๆ สมกับเป็นแท็บเล็ตเพื่อการทำงานจริงๆ
Camera
สำหรับกล้องของ Samsung Galaxy NotePRO 12.2 ก็มีความละเอียดในการถ่ายภาพสูงสุดที่ 8 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ Full HD 1080p มีโหมดให้ปรับการใช้งานได้ตามต้องการ เช่นโหมดถ่ายหน้าสวย, โหมดพาโนรามา โหมดลบรูปสิ่งของที่ไม่ต้องการจากภาพถ่าย โหมดถ่ายรัวเพื่อเลือกช็อตที่ดีที่สุด รวมถึงโหมด HDR ตามมาตรฐานของกล้องสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน การถ่ายภาพด้วย NotePRO 12.2 ในแนวนอนนั้น ไม่ลำบากเท่าไหร่ เนื่องจากตำแหน่งของปุ่มกดถ่ายรูปจะอยู่บริเวณที่พอดีๆ กับนิ้วหัวแม่มือ ทำให้สามารถกดถ่ายได้ง่าย จะลำบากนิดหน่อยก็ตอนเลือกจุดโฟกัส เพราะต้องถือทั้งเครื่องด้วยมือข้างเดียว ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังกันซักหน่อย ส่วนถ้าถ่ายในแนวตั้ง อันนี้มีลำบากกันบ้างแน่นอน เพราะ UI ปุ่มกล้องไม่ได้ย้ายมาอยู่ชิดมือขวาเหมือนในแนวนอนด้วย
ตัวอย่างภาพถ่าย ก็ตามด้านล่างนี้เลย
Performance
ประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy NotePRO 12.2 ก็จัดว่าในระดับที่ดีเลยทีเดียวเมื่อดูจากผลเทส ส่วนการใช้งานจริง ส่วนตัวผมรู้สึกว่าการเรียกใช้งานแอพ การเปิดแต่ละแอพขึ้นมาใช้งานครั้งแรกจะค่อนข้างตอบสนองได้ไม่ทันใจซักเท่าไหร่ เผลอๆ Nexus 5 ย้งจะเปิดแอพได้เร็วกว่าด้วยซ้ำไป การโหลดหน้ารวมแอพ บางทีก็มีหน่วงๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดนัก อยู่ในระดับยอมรับได้ ส่วนการใช้งานแบตเตอรี่ อันนี้ยอมรับเลยว่ายาวนานมาก ใช้งานทั่วๆ ไปแบบต่อ 3G เกินวันได้สบายๆ บางคืนผมใช้งานเป็น WiFi Hotspot แชร์ให้มือถือก็สามารถใช้งานได้ทั้งคืนเลยด้วย ก็สมกับแบตเตอรี่ 9500 mAh ซึ่งมากกว่าโน้ตบุ๊กซะด้วยซ้ำไป (แต่ก็แลกมาด้วยน้ำหนักเครื่องที่เอาเรื่องอยู่)
Overall
Samsung Galaxy NotePRO 12.2 ถ้าจะให้เทียบกับแท็บเล็ตทั่วไปในตลาด อาจจะเทียบได้ไม่ได้ตรงๆ นัก เนื่องด้วยคอนเซ็ปท์การออกแบบที่ทำมาให้สำหรับใช้ทำงานในระดับเกือบจริงจังใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊ก จึงน่าจะทำให้เราสามารถจัดมันอยู่ในระดับกึ่งกลางของแท็บเล็ตทั่วไปกับโน้ตบุ๊ก ด้วยตัวเครื่องที่สามารถพกพาไปใช้งานได้ง่าย จะใช้จริงจังก็หยิบคีย์บอร์ด Bluetooth มาต่อใช้งานได้เลย จะใช้งานในโหมดแท็บเล็ตก็ใช้นิ้วหรือปากกา S Pen มาจิ้มใช้งานได้ทันที ซึ่งถ้ามองว่าเป็นแท็บเล็ต Android รวมๆ มันก็สามารถตอบสนองการใช้งานได้ดีทีเดียวครับ
แต่เมื่อมองในแง่ของการทำงาน อันนี้คงต้องยอมรับกันจริงๆ ว่าแอพ Android นั้นยังไม่สามารถนำมาใช้แทนโปรแกรมในคอมพิวเตอร์พีซีหลายๆ ตัวได้ ที่เห็นได้ชัดที่สุดเลยก็คือแอพสำหรับพิมพ์งาน Office ที่ยังมีปัญหาทั้งเรื่องการจัดเอกสาร และความเร็วในการทำงาน เพราะบางครั้งยังเกิดอาการหน่วงๆ อยู่บ้างเลย ถ้าจำเป็นต้องพิมพ์งานจริงจัง ต้องทำงานไฟล์ตารางสเปรดชีทที่มีการคำนวณ การใส่ข้อมูลเยอะๆ อันนี้รับรองว่าทำไม่ไหว (เผลอๆ แอพจะทำไม่ได้ด้วยซ้ำไป) และถ้าเทียบราคาของ Samsung Galaxy NotePRO 12.2 กับโน้ตบุ๊กด้วยแล้ว ในราคาเฉียด 25,000 บาทนี้ สามารถซื้อโน้ตบุ๊กที่ทำงานได้ดีกว่า NotePRO มากๆ เรียกว่าได้เครื่องแรงพอตัวเลยอีกต่างหาก ซึ่งถ้าให้แนะนำจริงๆ สำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องใช้ทำงานแบบพกพาสะดวก น่าจะไปเลือกซื้อ Ultrabook หรือโน้ตบุ๊กกลุ่มไฮบริดที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างให้พกพาสะดวกได้จะเหมาะกับการทำงานมากกว่า แต่ถ้าอยากได้แท็บเล็ต การซื้อแท็บเล็ตแยกคนละเครื่องกับคอมที่ใช้ทำงาน ก็ยังนับว่าเป็นทางเลือกที่ยังโอเคอยู่ในปัจจุบัน ก็หวังว่าเราจะได้เห็นแท็บเล็ตที่สามารถทำงานแทนโน้ตบุ๊กได้อย่างไหลลื่น ในราคาไม่สูงมากเร็วๆ นี้เสียที