จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของสมาร์ตโฟนในซีรีส์ Galaxy Note ของ Samsung นับตั้งแต่รุ่นแรกมาเลยก็คือปากกาสไตลัส พร้อมช่องเก็บที่อยู่ในตัวเครื่อง ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับการใช้งานได้ดีมาก ๆ แต่คงปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่า โดยปกติแล้วซีรีส์ Note จะถูกวางไว้เป็นกลุ่มพรีเมียมสุดมาตลอด เลยอาจทำให้หลาย ๆ คนที่งบจำกัดต้องถอดใจ เปลี่ยนมาซื้อรุ่นอื่นที่ราคาย่อมเยากว่า บวกด้วยปากกาสไตลัสอื่นทดแทน แต่ล่าสุด Samsung เองก็เลือกที่จะเปิดตลาดตรงนี้เพิ่ม ด้วยการเปิดตัว Samsung Galaxy Note 10 Lite ที่เป็นการนำปากกา S Pen ของตนเองมาอยู่ในเครื่องราคาไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งตัวเครื่องจะน่าสนใจขนาดไหน มาติดตามชมกันได้ในรีวิวนี้เลยครับ
สเปค Samsung Galaxy Note 10 Lite
- ชิปประมวลผล Exynos 9810 2.7 GHz
- แรม 8 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง 128 GB รองรับ MicroSD สูงสุด 1 TB
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.7″ ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080)
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลัก 12MP f/1.7
- เลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP f/2.2
- เลนส์เทเล 12MP f/2.4 รองรับการซูมแบบออปติคอลได้ 2x และซูมดิจิตอลรวมได้ 10x
- กล้องหน้าแบบเจาะช่องบนหน้าจอ 32MP f/2.2
- มีช่องเก็บปากกา S Pen ในตัว
- ถาดซิมแบบไฮบริด
- Bluetooth 5.0
- แบตเตอรี่ 4500 mAh รองรับการชาร์จเร็ว Super Fast Charging
- ราคา 17,990 บาท
Samsung Galaxy Note 10 Lite จัดว่าเป็นมือถือที่ยกเอาดีไซน์ในแบบของ Note 10 มาผสมกับสเปคในระดับ Note 9 ได้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว ซึ่งถึงแม้ว่าชิปประมวลผลจะเป็นรุ่นเดียวกับใน Note 9 ก็ตาม แต่สำหรับการใช้งานทั่วไป การเล่นเกมในยุคนี้ก็ยังจัดว่าทำได้ดีอยู่ แต่จุดที่ได้เพิ่มมาจาก Note 9 ก็คือแรมที่มากขึ้น กล้องหลังที่ให้มาครบช่วงกว่าเดิม และแบตเตอรี่ที่ความจุสูงกว่าอยู่ 500 mAh จึงทำให้ Note 10 Lite ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ สำหรับคนที่กำลังมองหามือถือที่ใช้ปากกาสไตลัสได้ในราคาไม่สูงนัก
ดีไซน์ของ Samsung Galaxy Note 10 Lite
หน้าตาของ Samsung Galaxy Note 10 Lite นั้นถอดแบบมาจาก Note 10 ในแทบจะทุกจุดเลยทีเดียวครับ เริ่มจากส่วนหน้าจอที่เป็นกระจกยาวลงมาทั้งแผ่น โดยมีกล้องหน้า 1 ตัวซ่อนอยู่ใต้กระจกที่มีการเจาะช่องเอาไว้แบบ Infinity-O ขนาดของช่องก็ไม่ใหญ่มากนัก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 มิลลิเมตร จัดว่าไม่ค่อยรบกวนสายตาเท่าไหร่ การสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกจอก็จะใช้กล้องหน้านี่แหละ ในสภาพแสงกลางวันปกติก็ใช้งานได้ดี แต่ถ้าเป็นในที่มืดสนิท อันนี้อาจจะพบปัญหาสแกนใบหน้าไม่เจอบ้างเหมือนกัน แนะนำว่าให้เปิดฟังก์ชัน Brighten screen ที่ช่วยเร่งความสว่างจอตอนระหว่างสแกนใบหน้า เพื่อให้กล้องสามารถจับภาพใบหน้าได้ดีขึ้นด้วย
จุดที่ส่วนตัวผมชอบก็คือ ขอบจอไม่ได้เป็นแบบโค้ง ทำให้การจับถือใช้งานเป็นไปได้สะดวก ส่วนขนาดของตัวเครื่องก็ไม่ได้เทอะทะจนเกินไปครับ พอจะสามารถใช้งานมือเดียวได้อยู่ ซึ่งเมื่อผมลองเทียบขนาดกับ Samsung Galaxy A71 ที่ได้รับมารีวิวพร้อม ๆ กัน ก็บอกได้เลยว่าขนาดเท่ากันเป๊ะ จนแทบจะใช้เคสแทนกันได้เลย
จอของ Samsung Galaxy Note 10 Lite ยังคงเป็น Super AMOLED ตามสไตล์ Samsung ซึ่งก็ยังทำได้ดีเช่นเดิม สีดำคือดำสนิทจริง สีสันอื่น ๆ ก็อยู่ในระดับที่สบายตา ไม่ฉูดฉาดเกิน ความสว่างก็รองรับการใช้งานได้ทั้งในที่มืดและสว่างแบบไม่ต้องกังวล ส่วนเรื่องรีเฟรชเรตก็ยังคงอยู่ที่ 60 Hz ตามมาตรฐานสมาร์ตโฟนส่วนใหญ่ในปัจจุบันอยู่
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะเป็นแบบฝังใต้จอ ความรวดเร็วจัดว่าอยู่ในระดับที่ดี ส่วนความแม่นยำ อันนี้อาจจะพบข้อผิดพลาดอยู่บ้างถ้าหน้าจอเปื้อนคราบรอยนิ้วมือหนา ๆ หรือปลายนิ้วเปียกน้ำครับ
ด้านหลังของตัวเครื่องก็จะใช้เป็นกระจกทั้งแผ่นอีกเช่นกัน โดยเป็นผิวราบแบบมีส่วนโค้งเข้าหาขอบเครื่อง ส่วนโมดูลกล้องหลังก็จะอยู่ในกรอบกระจกสีดำอีกที ซึ่งมีขอบโลหะล้อมรอบ พื้นผิวยกสูงจากฝาหลังขึ้นมานิดเดียวเท่านั้นเอง
สัมผัสโดยรวมของ Samsung Galaxy Note 10 Lite จัดว่าให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างพรีเมียมในระดับที่สมราคา ทั้งความแน่นหนา วัสดุที่ใช้ ในขณะที่น้ำหนักเครื่องก็ไม่จัดว่าหนักเกินไปด้วย
กล้องหลังทั้ง 3 ตัวจะมีการจัดเรียงตามภาพด้านบนครับ คือซ้ายบนเป็นเลนส์อัลตร้าไวด์ ถัดลงมาเป็นเลนส์กล้องหลัก แล้วขวาล่างสุดเป็นเลนส์เทเล โดยมีแฟลช LED ติดตั้งอยู่ตรงมุมขวาบนของกล่องสี่เหลี่ยมมุมมน
ด้านบนของ Samsung Galaxy Note 10 Lite มีเพียงช่องรับเสียงของไมค์ด้านบนเท่านั้น ส่วนด้านล่างจะมีทั้งช่อง 3.5 มม. ช่อง USB-C ช่องรับเสียงของไมค์สนทนา ช่องลำโพง รวมถึงช่องเก็บปากกา S Pen ด้วย ซึ่งจุดที่ดีคือ ผู้ใช้สามารถเก็บปากกา S Pen ด้านใดก็ได้ ขอแค่เสียบปลายปากกาเข้าไปด้านใน ให้ตรงร่องเท่านั้นเอง ส่วนถ้าจะดึงปากกาออกมาก็แค่กดหัวปากกาเข้าไป ตัวปากกาก็จะเด้งขึ้นมาให้ดึงได้แล้ว
ส่วนฝั่งซ้ายจะมีถาดใส่ซิมแบบไฮบริดอยู่ ด้านขวามีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่ม Power ซึ่งค่าเริ่มต้นจะถูกตั้งไว้ว่า ถ้าเปิดใช้งานเครื่องอยู่ แล้วกดปุ่ม Power ค้างไว้ จะเป็นการเรียก Bixby ขึ้นมาสั่งงาน
การใช้งานของ Samsung Galaxy Note 10 Lite ก็จัดว่าทำได้ครบเครื่องครับ ใช้พูดคุย เล่นโซเชียล เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ถ่ายรูป เล่นเน็ต การทำงานทุกอย่างจัดว่าราบรื่นดีมาก ที่สำคัญคือยังมีช่อง 3.5 มม. มาให้ ต่างจากใน Note 10 ที่ตัดออกไปแล้ว ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกในการเลือกหูฟัง และการใช้งานด้านเสียงที่มากขึ้น หรือถ้าใครติดการใช้งานหูฟังไร้สายไปแล้ว ก็สามารถหาหูฟัง Bluetooth มาใช้ได้ตามสะดวกเลย เพราะตัวเครื่องรองรับถึงระดับ Bluetooth 5.0
ฟีเจอร์เด่นของ Samsung Galaxy Note 10 Lite
ด้วยความที่เป็นมือถือในซีรีส์ Galaxy Note ทำให้ Note 10 Lite เองก็สืบทอดฟังก์ชันการใช้งานร่วมกับปากกา S Pen มาได้ครบถ้วน เพียงแค่ดึงปากกาออกมาจากเครื่อง ก็จะมีช็อตคัตสำหรับการใช้งานแอปต่าง ๆ ร่วมกับปากกาขึ้นมาให้ทันที จะจดบันทึก วาดรูป แคปหน้าจอเพื่อนำภาพมาเขียนต่อ วาด AR Doodle หรือถ้าเป็นระหว่างที่ล็อกหน้าจออยู่ ก็สามารถนำปากกามาเขียนหน้าจอเพื่อจดบันทึกได้ทันที เพียงแค่กดปุ่มบนตัวปากกา แล้วจิ้มหน้าจอลงไป 1 ทีเท่านั้น
ขนาดของปากกา S Pen ก็กำลังถนัดมือเลยครับ ใช้งานง่าย สามารถใช้สั่งกดถ่ายรูปได้ด้วย
ด้านของซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับปากกา S Pen เองก็ไม่แตกต่างจากในรุ่นใหญ่เลย เมื่อดึงปากกาออกมา ก็จะมีไอคอนด้านข้างเพื่อเข้าถึงเมนูลัดในการเรียกแอปต่าง ๆ มาให้ เช่น แอปจดบันทึก วาดรูป ตัวเลือสำหรับการแคปหน้าจอ ตัวเลือกสำหรับการวาดเส้นเพื่อแคปภาพบางส่วนบนหน้าจอ เป็นต้น
การตั้งค่าก็ทำได้หลากหลาย เช่น รูปแบบของ Air gesture การปลดล็อกหน้าจอ การกดปุ่มเพื่อสั่งงาน เรียกว่าใครที่ใช้ Note รุ่นหลัง ๆ มา ก็น่าจะสามารถใช้งานต่อบน Note 10 Lite ในแบบเดียวกันได้ทันทีเลย
ซอฟต์แวร์ของ Samsung Galaxy Note 10 Lite
Samsung Galaxy Note 10 Lite มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 One UI 2.0 ในระหว่างช่วงทดสอบ (ปลายเดือนกุมภาพันธ์) ก็มีแพทช์ความปลอดภัยประจำเดือนกุมภาพันธ์มาให้อัพเดต ส่วนแอปติดเครื่องนอกเหนือจากกลุ่มแอปสามัญของ Google แล้ว ก็จะมีแอปเครื่องมือต่าง ๆ จาก Samsung มาให้ เช่น Samsung Notes, Galaxy Store และก็ Game Launcher ทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลจากที่ให้มาตามสเปค 128 GB จะเหลือให้ใช้งานจริงราว 100 GB นิด ๆ ส่วนแรมก็เหลือเฟือครับ ตอนเปิดเครื่องมา ระบบจะกินไปประมาณ 3 GB จากทั้งหมด 8 GB
กล้องของ Samsung Galaxy Note 10 Lite
Samsung Galaxy Note 10 Lite ให้กล้องหลังมาครบทั้ง 3 ระยะหลัก ๆ คือ อัลตร้าไวด์ ไวด์ปกติ และเทเลสำหรับการซูม ซึ่งการสลับกล้อง การใช้งานต่าง ๆ ในแอปกล้องก็จะคล้ายคลึงกันกับมือ Samsung หลาย ๆ รุ่นในช่วงหลังครับ ปรับโหมด เปลี่ยนเลนส์ได้ง่าย มีระบบ Scene optimizer มาช่วยปรับภาพให้สวยโดยอัตโนมัติ
ส่วนโหมดต่าง ๆ ที่มีมาให้ใช้มากมาย ทั้งโหมด Live focus สำหรับถ่ายฉากหลังเบลอแบบง่าย ๆ โหมด Super slow-mo โหมดกลางคืน โหมดถ่ายอาหาร เป็นต้น ส่วนโหมด Pro ก็รองรับการปรับแต่งได้หลากหลาย เช่น ISO ได้ 50-3200 ความเร็วชัตเตอร์ 1/24000 – 10 วินาที ส่วนรูรับแสงจะอยู่ที่ f/1.5
กลับมาที่ฮาร์ดแวร์กล้องครับ ด้านล่างนี้จะเป็นภาพตัวอย่างจากทั้ง 3 เลนส์ของกล้องหลัง Samsung Galaxy Note 10 Lite
เลนส์ไวด์ปกติ
เลนส์อัลตร้าไวด์
เลนส์เทเล ซูม 2 เท่า
เลนส์ไวด์ปกติ
เลนส์อัลตร้าไวด์
เลนส์เทเล ซูม 2 เท่า
ส่วนด้านบนก็เป็นภาพตัวอย่างจากกล้องหลังของ Samsung Galaxy Note 10 Lite ครับ ซึ่งจากที่ผมลองมา พบว่าเรื่องโทนสี จัดว่าอยู่ในระดับที่ดีเลย สามารถใช้งานทั่วไปได้สบาย จะกลางวันหรือกลางคืนก็ไม่ค่อยพบปัญหา แต่ในเรื่องความสว่าง พบว่าในบางครั้งเมื่อถ่ายในที่มีแสงน้อย เช่นเวลากลางคืน ตัวกล้องจะเพิ่มแสงให้ภาพจนบางครั้งดูสว่างเกินไปนิดนึง โดยเฉพาะเมื่อถ่ายย้อนแสงไฟที่ค่อนข้างจ้า
ประสิทธิภาพ ความแรงของ Samsung Galaxy Note 10 Lite
สเปคของ Samsung Galaxy Note 10 Lite แม้ว่าจะไม่ได้ถึงกับใหม่ล่าสุดนัก แต่ก็ต้องบอกว่ายังอยู่ในกลุ่มที่แรงพอตัวครับ ด้วยสเปคในระดับ Note 9 แรม 8 GB หน้าจอระดับ FHD+ ตามมาตรฐาน ทำให้การเล่นเกมต่าง ๆ ยังเป็นไปได้อย่างไหลลื่น และน่าจะเล่นแบบปรับระดับภาพค่อนข้างสูงไปได้อย่างน้อย 1-2 ปีได้แบบสบาย ๆ
อย่างในเกม PUBG Mobile ก็สามารถปรับระดับ HDR เฟรมเรตระดับ Ultra ได้ เกมลื่นระดับเดียวกับรุ่นท็อปเลย
ส่วนเกม Call of Duty Mobile ก็ลื่นครับ เล่นได้แบบไม่เจออาการแล็คเลย เกม RoV ก็ปรับกราฟิกสุด ภาพวิ่งที่ระดับ 58-60 FPS ตลอดเกมนะ
อีกหนึ่งฟังก์ชันที่จะช่วยให้การเล่นเกมบน Samsung Galaxy Note 10 Lite เป็นไปได้อย่างราบรื่นก็คือ Game Launcher ที่หากเปิดใช้งาน ระบบจะทำการปรับการใช้ทรัพยากรให้เหมาะกับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น เช่น ช่วยเคลียร์แรม ช่วยลดการประมวลผลของแอปอื่นลง นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยอำนวยความสะดวกระหว่างเล่นเกมได้ เช่น สามารถกดรับสายโทรศัพท์ได้โดยไม่รบกวนการเล่นเกม หรือจะปิดการแจ้งเตือนต่าง ๆ ไปเลยก็ได้เช่นกัน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพจากแอปต่าง ๆ ที่น่าสนใจก็ตามด้านบนครับ เก็บคะแนน AnTuTu ไปได้ 300,000 กว่าคะแนน จัดอยู่ในกลุ่มระดับกลางของมือถือ Android ในยุคปัจจุบัน
ส่วนด้านท้ายนี้มีแถมเปรียบเทียบตัวเครื่อง Samsung Galaxy Note 10 Lite กับ Galaxy A71 ครับ
เทียบหน้าตาด้านบน บอกเลยว่าเหมือนกันแบบ 95% เลยก็ว่าได้ จะต่างกันก็ตรงที่ขนาดของกรอบกล้องหน้าที่ Note 10 Lite มีขนาดเล็กกว่ากันนิดหน่อย ส่วนถ้าเป็นกล้องหลังก็จะต่างกันค่อนข้างชัดเจนครับ ฝั่งของ Note 10 Lite จะใกล้เคียง Note 10 มากกว่า ส่วนฝั่งของ A71 จะค่อนข้างคล้าย Galaxy S20+
Samsung Galaxy Note 10 Lite นับเป็นมือถือที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการมือถือแบบใช้ปากกาสไตลัสได้ดี ไม่ต้องมาคอยลุ้นว่าปากกาอื่นที่ซื้อมาเสริมจะทำงานได้เต็ม 100% หรือไม่ ทั้งยังสะดวกต่อการพกพามากกว่า ด้วยช่องเก็บปากกา S Pen ในตัวเครื่องเช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ ในซีรีส์ Note แม้ว่าสเปคในหลายจุดจะเป็นการยกจาก Note 9 ที่ออกมาตั้งแต่ปีที่แล้วมาใช้งาน แต่ประสิทธิภาพของระบบเองก็ยังสูงพอที่จะรองรับการใช้งานไปได้อีกอย่างต่ำ 2-3 ปีได้อย่างสบาย
ส่วนอื่นที่มีการเสริมมาแล้วทำได้ดีก็เช่น กล้องหลังที่ให้มาครบ 3 ระยะ พอจะใช้ถ่ายรูปทั่วไป ถ่ายวิว ถ่าย portrait ในระดับพื้นฐานได้เป็นอย่างดี อาจจะขาดพลังในการซูมไกล ๆ ไปซักหน่อย แต่ก็จัดว่าเป็นจุดที่ต้องแลกกันกับช่องใส่ปากกา S Pen ในตัวเครื่อง ที่อาจทำให้ไม่สามารถวางโมดูลกล้องแบบ periscope เพื่อการซูมระยะไกลได้ ซึ่งคงต้องรอดูกันใน Samsung Galaxy Note 11 (หรือ Note 20) ที่จะได้รับการเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ครับ ว่าทาง Samsung จะปรับดีไซน์อย่างไรให้ Note รุ่นใหม่ มีความสามารถทั้งในการซูมระยะไกลในระดับเทียบเท่าหรือมากกว่า S20 Ultra และยังมีช่องใส่ปากกาอยู่
ในแง่ของความคุ้มค่า กับราคาที่เปิดมา 17,990 บาท ถ้าเทียบจริง ๆ ก็ต้องบอกว่าคู่แข่งโดยตรงที่น่าสนใจก็คือ Samsung Galaxy Note 9 เองนี่แหละครับ เนื่องจากในบางช่วงก็มีการจัดโปรโมชันลดราคาจนลงมาเหลือสองหมื่นนิด ๆ ใส่โค้ด จัดส่วนลดต่าง ๆ จนเหลือแค่เกือบสองหมื่นก็มี เลยทำให้ค่อนข้างน่าคิดเหมือนกันว่าถ้ายอมเพิ่มเงินจาก Note 10 Lite มาสอย Note 9 แทน จะคุ้มกว่าหรือเปล่า
ในประเด็นนี้ก็คงต้องแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลเลยครับ อย่าง Note 9 ก็จะมีจุดเด่นกว่าในบางเรื่อง เช่น ระยะเวลาการสนับสนุนการอัพเดตอาจจะยาวนานกว่าตามคอนเซ็ปท์เครื่องเรือธง แต่ Note 10 Lite ก็จะมีข้อได้เปรียบตรงเรื่องตัวเครื่องที่ดูกะทัดรัดกว่า กล้องหลังที่ให้เลนส์มา 3 ระยะ แรมในตัวที่มากกว่า เป็นต้น ซึ่งถ้ามองในแง่ของการใช้งานระยะยาว ส่วนตัวผมมองว่า Note 10 Lite ดูจะมีความยืดหยุ่นกว่า Note 9 อยู่เล็กน้อยตามสเปคครับ