หูฟังไร้สายแบบ True Wireless (TWS) กลายเป็นแก็ดเจ็ตคู่ใจหลาย ๆ คนไปแล้ว ด้วยจุดเด่นทั้งในด้านความสะดวกในการใช้ การพกพา ฟังก์ชันเสริมที่ให้มาในแต่ละรุ่น คุณภาพเสียงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก รวมถึงช่วงราคาที่มีให้เลือกหลากหลาย ในบทความนี้ก็จะเป็นการรีวิวหูฟัง TWS อีกรุ่นที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะเรื่องของรูปร่างหน้าตาที่แปลกไปจากรุ่นอื่นพอสมควร นั่นคือตัวของ Samsung Galaxy Buds Live ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อราวสองเดือนที่ผ่านมานี้เอง และวางขายในไทยแล้วด้วยราคา 6,990 บาท
จุดเด่นแรกที่ทำให้ Samsung Galaxy Buds Live ดูสะดุดตาก็คือตัวหูฟังแต่ละข้างที่คล้ายเม็ดถั่ว หรือบางท่านอาจจะว่าคล้ายไตก็ได้ ทำให้น่าสนใจว่าจะทำให้สะดวกกับการใช้งานกว่าหูฟัง TWS แบบที่คุ้นเคยกันหรือเปล่า และอีกสิ่งที่น่าดึงดูดไม่แพ้กันก็คือมันมีระบบช่วยตัดเสียงรบกวนแบบ Active (ANC) มาให้ด้วย เรียกว่าเป็นหูฟังที่จิ๋วแต่แจ๋วก็คงจะไม่ผิดนัก โดยทาง Samsung เองก็วางตัว Buds Live ไว้เป็นอีกซีรีส์แยกออกมาจาก Buds+ เลย ไม่ได้ออกมาเป็นรุ่นต่อยอดแต่อย่างใดครับ
สเปคและข้อมูลที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy Buds Live
- รองรับ Bluetooth 5.0 – A2DP / AVRCP / HFP
- ใช้งานได้กับมือถือ Android 5.0 ขึ้นไป ที่มีแรม 1.5 GB ขึ้นไป และ iPhone 7 ขึ้นไป ที่ใช้งาน iOS 10 ขึ้นไป รวมถึงใช้งานร่วมกับ PC Windows 10 ได้ด้วย
- รองรับการสั่งงานผ่านการแตะและด้วยเสียง
- น้ำหนักหูฟังแต่ละข้าง 5.6 กรัม
- น้ำหนักเคส 42.2 กรัม
- แบตเตอรี่ตัวหูฟัง 60 mAh ใช้งานได้ราว 6 ชั่วโมง คุยโทรศัพท์ได้ 4.5 ชั่วโมง
- แบตเตอรี่ตัวเคส 472 mAh รวมแล้วสามารถใช้งานได้นานสุด 29 ชั่วโมง
- เคสชาร์จ รองรับการชาร์จทั้งผ่านช่อง USB-C และไร้สายแบบ Qi
- มีไมค์ในตัวข้างละ 3 จุด
- รองรับระบบตัดเสียงแบบ Active (ANC)
- ใช้งานร่วมกับ Bixby ได้
- สามารถเปลี่ยนยางช่วยยึดใบหูได้
- มีให้เลือก 3 สีคือ สีขาว สีบรอนซ์ทองแดง และสีดำ
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องก็แน่นอนว่าจะมีตัวหูฟังที่อยู่ในเคสชาร์จพร้อมกับ
- สายชาร์จแบบ USB-C to USB-A
- ยางสำหรับช่วยยึดหูฟังเข้ากับใบหู โดยมีให้มาแค่ 2 ขนาด
- เอกสารการรับประกันและคู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ส่วนการชาร์จ ก็สามารถใช้สายชาร์จกับอะแดปเตอร์มือถือได้ครับ
ยางช่วยยึด Samsung Galaxy Buds Live กับใบหูนี้จะใช้ชื่อเรียกว่า Wingtips ซึ่งมีให้มาสองขนาดได้แก่ S กับ L อันนี้ก็ต้องลองกับหูของแต่ละท่านกันเองนะครับ
ดีไซน์และการใช้งาน
เคสชาร์จของ Samsung Galaxy Buds Live จะมีขนาดที่พอ ๆ กับตลับใส่แหวนเลย วัสดุโดยรวมเป็นพลาสติกที่มีความมันวาว ด้านบนมีสกรีนระบุไว้เลยว่าหูฟังรุ่นนี้ได้รับการปรับจูนเสียงจากทาง AKG ดังนั้นจึงค่อนข้างมั่นใจได้ว่าสามารถใช้ฟังเพลงได้ดีในระดับหนึ่งเลย
ด้านล่างของตลับก็จะเป็นข้อมูลต่าง ๆ เช่น รหัสรุ่น รหัส serial number รวมถึงข้อมูลสำหรับการชาร์จไฟด้วย อย่างตัวหูฟังจะรองรับการชาร์จเข้าได้ที่ 5V 0.12A ส่วนตัวเคสจะรองรับสูงสุดเพียงแค่ 5V 0.5A ครับ ดังนั้นก็สามารถใช้อะแดปเตอร์มือถือตัวเล็ก ๆ อย่างพวก 5V 1A ก็ยังชาร์จได้สบายเลย
บริเวณด้านหน้าจะมีไฟ LED สำหรับบ่งบอกสถานะปริมาณแบตเตอรี่ของเคสอยู่ ถ้าเป็นสีเขียวคือแบตเต็ม แต่ถ้าไม่เต็มก็จะเป็นไฟสีส้มแทน
ซึ่งเมื่อมองจากด้านนี้ก็จะเห็นชัดว่าตัวเคสมีการแบ่งซีกบนล่างคล้ายกับเปลือกหอยครับ โดยมีร่องตรงกลางใช้ช่วยในการเปิดฝาขึ้น แต่จากที่ผมรีวิว Samsung Galaxy Buds Live ตัวนี้มา พบว่าถ้าเปิดฝาด้วยมือเดียวจะแอบเปิดยากนิดนึง แต่ถ้าใช้สองมือเปิดก็จะง่ายกว่ามาก
การชาร์จก็ตามที่ระบุไปข้างต้นครับ คือจะใช้การชาร์จผ่านช่อง USB-C หรือจะใช้การชาร์จไร้สายร่วมกับแท่นชาร์จมาตรฐาน Qi ก็ได้ครับ ถือว่าสะดวกดีเหมือนกัน
เปิดฝามาดูข้างในกันบ้าง ก็จะพบกับหูฟัง Samsung Galaxy Buds Live ทั้งสองข้างวางอยู่ตรงกลาง โดยมีตัวอักษรกำกับข้างไว้ให้ ใกล้ ๆ กันนั้นก็จะเป็นไฟ LED สำหรับระบุสถานะแบตเตอรี่ของตัวหูฟังเอง ซึ่งก็คล้ายกับที่ด้านหน้าเคสครับ สีเขียวคือแบตเต็ม สีส้มคือไม่เต็ม/กำลังชาร์จอยู่
วัสดุด้านในของเคสจะเป็นพลาสติกสีเทาที่มีผิวคนละแบบกับด้านนอกเคสนะครับ ส่วนด้านบนจะมีแถบยางช่วยกันกระแทกตอนปิดฝาเคสลงมาด้วย
ภายในช่องเก็บหูฟังจะมีขั้วโลหะสีทองที่จะแตะกับขั้วของหูฟังเพื่อไว้สำหรับชาร์จไฟ นอกจากนี้ยังมีแรงแม่เหล็กอ่อน ๆ ไว้ดูดหูฟังทั้งสองข้างให้ติดกับเคสด้วย แต่ตรงนี้ผมรู้สึกว่าแรงดูดแม่เหล็กมันจะน้อยไปหน่อย ถ้าเขย่าแรง ๆ หรือถ้าทำเคสตกจากที่สูงหน่อย หูฟังอาจจะกระเด็นออกมาได้ แต่ในทางกลับกันมันก็มีข้อดีอยู่ครับ คือทำให้สามารถหยิบหูฟัง Samsung Galaxy Buds Live ออกมาจากเคสได้ค่อนข้างง่าย
มาดูที่ตัวหูฟังกันบ้าง ถ้าส่วนนอกก็จะมีช่องไมค์ที่เป็นจุดอยู่ 2 จุด ส่วนช่องที่ยาวกว่าแบบเป็นแผงตะแกรงจะเป็นช่องที่ช่วยเพิ่มพลังให้กับเสียงเบส
พลิกมาด้านในก็จะแบ่งเป็นสองส่วน ถ้าตามในภาพ ด้านบนจะเป็นส่วนที่ติดตั้งยาง Wingtips ขนาด L เอาไว้ ส่วนด้านล่างจะมีทั้งส่วนที่เป็นช่องไมค์ตัวที่ 3 ช่องลม และก็เซ็นเซอร์ proximity ที่ตรวจจับระยะห่างเพื่อดูว่ากำลังใส่หูฟังอยู่หรือเปล่า
การถอดและใส่ยาง Wingtips นั้นทำได้ง่ายมากครับ แค่ดึงแถบยางออกมาตรง ๆ ก็เสร็จแล้ว ส่วนการใส่ก็ใช้การดันกลับเข้าไป แต่ต้องใส่ให้ถูกทิศนะครับ จุดสังเกตง่าย ๆ คือให้ตัวอักษร L หรือ R ที่ระบุข้างนั้นหันหัวถูกต้อง ไม่กลับหัว
การใส่หูฟัง Samsung Galaxy Buds Live ก็ต้องกดเข้าไปให้เข้าไปในช่องหูส่วนนอกนะครับ ซึ่งปกติแล้วมันจะเป็นการล็อกตำแหน่งได้พอดี
แต่ในการใส่หูฟัง ทางที่ดีคือควรจะใส่ให้ฟิตแน่นพอดีตั้งแต่จังหวะแรกของการใส่เลยนะครับ หมุน ๆ ขยับ ๆ ให้เข้าที่ซะตั้งแต่แรกเลย เพราะถ้ามาขยับทีหลัง อาจจะเป็นการสั่งการหูฟังโดยไม่ตั้งใจได้ เนื่องจากส่วนที่รับคำสั่งด้วยการแตะนั้นมันอยู่ที่ส่วนนอกของหูฟังแทบทั้งหมดเลย ซึ่งนับเป็นหนึ่งในข้อจำกัดอันเนื่องมาจากดีไซน์ของตัวหูฟังเอง
สำหรับความรู้สึกขณะใช้งาน เท่าที่ลองใส่ทั้งระหว่างนั่งทำงานปกติ ใส่ระหว่างเดิน รวมไปถึงใส่ตอนออกกำลังด้วย ส่วนตัวผมคิดว่ามันฟิตติดกับหูได้ดีประมาณหนึ่งเลย แต่ถ้าเริ่มมีเหงื่อออก จะพบว่าตัวหูฟังมีการลื่นและขยับออกจากตำแหน่งเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงกับหลุดออกมา สามารถใส่ขณะ sit-up ได้โดยไม่หลุด อันนี้ถือว่าเกินคาดอยู่เหมือนกัน ด้วยรูปทรงของหูฟังที่ไม่ได้เป็นแบบ in-ear ที่มีท่อใส่เข้าไปในช่องหู
ทีนี้มาว่ากันด้วยเรื่องของการใช้แอปพลิเคชันร่วมกับหูฟัง Samsung Galaxy Buds Live บ้างครับ โดยสามารถใช้ได้ทั้งบน iPhone และมือถือ Android เลย หน้าที่หลักของแอปก็คือใช้จัดการเรื่องการเชื่อมต่อ และก็ปรับแต่งการทำงาน อัพเดตเฟิร์มแวร์
แอปที่ต้องโหลดก็คือ Galaxy Wearable ครับ ซึ่งสามารถค้นหาด้วยชื่อนี้ทั้งจากใน iOS App Store และ Google Play Store ได้ทันที แต่ชื่อของแอปที่ให้โหลดบน iOS จะเป็นชื่อว่า Samsung Galaxy Buds นะครับ ส่วนในภาพด้านบนนั้นมาจากฝั่ง Android
เมื่อเปิดแอปขึ้นมาครั้งแรก ก็จะมีตัวเลือกของอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อและตั้งค่า ก็กดเลือก Galaxy Buds Live ได้เลย จากนั้นก็นำหูฟังขึ้นมาใส่ แล้วปล่อยให้ระบบทำการค้นหา ถ้าหากหาไม่เจอ แนะนำว่าให้ใช้นิ้วแตะที่หูฟังทั้งสองค้างพร้อมกันค้างไว้ จนได้ยินเสียงบี๊บเป็นจังหวะ ๆ แล้วค่อยกดค้นหาใหม่อีกครั้ง
ส่วนการเชื่อมต่อ เท่าที่เช็คจากเมนูของ Android เอง พบว่ารองรับเสียงระดับ HD ด้วย codec แบบ AAC
หน้าหลักของแอปจะมีการแสดงปริมาณแบตเตอรี่ โดยถ้าหูฟังยังเก็บอยู่ในเคส ก็จะแสดงปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ของเคสมาให้ด้วย ทีนี้ถ้าไล่เมนูจากบนลงล่างก็จะเจอกับตัวเปิด/ปิดระบบตัดเสียงรบกวนแบบ ANC ก่อนเลยครับ ซึ่งจะเปิด/ปิดจากตรงนี้ หรือใช้การแตะที่หูฟังก็ได้เหมือนกัน โดยจะไปพูดถึงกันอีกทีในส่วนการรีวิวการสั่งงานหูฟัง
ถัดลงมาเป็นตัวเลือกรูปแบบ equalizer เสียง ซึ่งจะมีให้เลือก 6 ระดับ ได้แก่
- Normal – เสียงเดิม ไม่มีปรุงแต่ง
- Bass boost – เพิ่มเบสให้หนักขึ้น
- Soft – ให้เสียงที่นุ่มขึ้น ฟังสบายขึ้น เหมาะกับเพลงแนว easy listening
- Dynamic – ให้เสียงที่ฟังแล้วดูสนุก มีสีสันขึ้น น่าจะเป็น eq ที่โชว์ศักยภาพของหูฟังได้ดีที่สุด
- Clear – ให้เสียงที่ใส เคลียร์ เหมาะกับการเน้นเสียงร้อง หรือเสียงบทสนทนา
- Treble boost – เร่งเสียงโทนสูงขึ้น
Read notifications aloud เป็นเมนูสำหรับเปิด/ปิดฟังก์ชันการให้หูฟังช่วยอ่านการแจ้งเตือนที่มีเข้ามาได้ ซึ่งสามารถเลือกแอปที่จะให้ระบบช่วยอ่านให้ได้เลย
เมนู Advanced เมื่อเข้ามาแล้วจะมีตัวเลือกในการเปิด/ปิดฟังก์ชัน Seamless earbud connection ซึ่งถ้าจะให้อธิบายแล้วเห็นภาพชัดที่สุด มันก็จะคล้ายกับฟังก์ชันการสลับอุปกรณ์เชื่อมต่อของฝั่ง AirPods เลยครับ โดยมันสามารถสลับการเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์อื่นที่ล็อกอินบัญชี Samsung เดียวกันได้อย่างง่ายดาย แม้จะไม่เคย pair เครื่องนั้นกับตัวหูฟังมาก่อน และยังรวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องอื่นที่อาจจะไม่ได้ล็อกอินบัญชี Samsung เดียวกัน แต่เคย pair เข้ากับหูฟังนี้ด้วย
อันนี้ ถ้าหากมั่นใจว่ามีอุปกรณ์ที่ใช้คู่กับหูฟัง Samsung Galaxy Buds Live แค่เครื่องเดียว จะปิดไว้ก็ได้ครับ
ต่อมาเป็นหัวข้อ Labs ที่ภายในจะมีฟังก์ชันให้ทดลองใช้งานได้ โดยถ้าหากใช้งานร่วมกับมือถือ Android รุ่นอื่น รวมถึง iPhone จะมีมาให้เลือกใช้เพียงฟังก์ชันเดียวตามภาพด้านซ้ายบน คือฟังก์ชันที่ช่วยในการปรับแรงดันภายในช่องหูด้วยการปล่อยเสียงภายนอกเข้ามา ตอนที่ไม่ได้เปิดใช้งานระบบตัดเสียง ANC แต่ถ้าใช้งานร่วมกับมือถือ Samsung รุ่นใหม่ ๆ หน่อย จะมีฟังก์ชัน Gaming mode ที่ช่วยลดดีเลย์ของเสียงในขณะเล่นเกมมาให้ด้วย
หัวข้อ Find My Earbuds จะใช้ในการช่วยตามหาหูฟังครับ โดยใช้การส่งคำสั่งให้หูฟังส่งเสียงดังออกมา เพื่อให้สามารถเดินหาตามตำแหน่งเสียงได้
ส่วนหัวข้อ About earbuds ก็จะมีข้อมูลปริมาณแบตเตอรี่มาให้ด้วย
ย้อนกลับมาที่หัวข้อ Touch controls ที่ใช้ตั้งค่าการสั่งงานด้วยการสัมผัสตัวหูฟัง เมื่อเปิดเข้ามา ส่วนบนจะเป็นการสาธิตรูปแบบการแตะที่ใช้สั่งงานแต่ละแบบ ได้แก่
- แตะครั้งเดียว (ข้างไหนก็ได้) เพื่อเล่นหรือหยุดเพลง
- แตะสองครั้ง (ข้างไหนก็ได้) เพื่อข้ามไปเพลงถัดไป ใช้รับสายหรือวางสาย
- แตะสามครั้ง (ข้างไหนก็ได้) ใช้ย้อนกลับไปเล่นเพลงก่อนหน้า
- แตะแล้วจิ้มค้างไว้ สำหรับเรียกใช้ฟังก์ชันที่ตั้งค่าไว้
ถัดลงมาเป็นตัวเลือกในการเปิด/ปิดการรับคำสั่งด้วยการแตะหูฟังครับ โดยค่าเริ่มต้นคือจะเป็นการปิดการบล็อก (เท่ากับว่าใช้นิ้วแตะสั่งงานได้)
หัวข้อต่อมาเป็นการปรับแต่งว่าเมื่อแตะและจิ้มหูฟังค้างไว้ จะให้เป็นการสั่งงานแบบใด โดยมีตัวเลือกด้วยกัน 4 แบบ ดังนี้
- เปิด/ปิดระบบตัดเสียง ANC
- เปิด/ปิดระบบรับคำสั่งด้วยเสียง
- ลดระดับเสียง (ข้างซ้าย) เพิ่มระดับเสียง (ข้างขวา) ซึ่งถ้าเลือกข้างใดข้างหนึ่งแล้ว อีกข้างจะเปลี่ยนเป็นการปรับระดับเสียงด้วยทันที ไม่สามารถใช้ร่วมกับฟังก์ชันอื่นได้
- ใช้เปิดแอป Spotify
แง่ของการใช้งานแบตเตอรี่ ถ้าเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน ANC ไว้ตลอด ก็จะใช้ฟังเพลงได้ราว 5-6 ชั่วโมงตามสเปค และถ้ามีการเก็บเข้าในเคสเป็นระยะ ๆ อันนี้สามารถใช้งานทั้งวันได้เลย
คุณภาพเสียงจาก Samsung Galaxy Buds Live
ทีนี้มาเรื่องรีวิวคุณภาพเสียงที่ได้จาก Samsung Galaxy Buds Live กันบ้างครับ ต้องบอกว่าตอนที่ผมฟังครั้งแรกก็รู้สึกอึ้งอยู่เหมือนกัน เพราะเสียงที่ได้นั้นเกินคาดไปพอสมควร ทั้งย่านเสียงสูง เสียงกลางที่ทำออกมาได้ดี เบสนั้นเหลือกินเหลือใช้ แต่ไม่บวมจนเกินไป แถมได้สเตจเสียงที่ค่อนข้างกว้าง โดยรูปแบบ eq ที่ผมใช้คือแบบ Dynamic ที่ให้พลังเสียงออกมาค่อนข้างดี จัดว่าเป็นหูฟังที่ฟังเพลงได้สนุกจริง ๆ ครับ เสียงอาจจะไม่ได้จัดจ้านเท่า Sony WF-1000XM3 แต่ก็ถือว่ามี dynamic ที่สูงกว่ากลุ่มของ AirPods อยู่นิดนึง ใครที่ชอบฟังเพลง น่าจะชอบเสียงจาก Buds Live อยู่ไม่น้อยทีเดียว
ส่วนการคุยโทรศัพท์ ด้วยไมโครโฟนที่มีถึงข้างละ 3 ตัว ทำให้สามารถรับเสียงจากปากได้ดี ให้เสียงคุยที่ชัดเจน เสียงรบกวนที่ส่งไปหาปลายสายก็มีอยู่นิดหน่อย แต่สามารถคุยได้แบบไม่มีปัญหาครับ
ด้านการดีเลย์ของเสียง ถ้าเป็นการดูหนัง ฟังเพลง อันนี้จะสังเกตได้ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ครับ แต่ถ้าเป็นการเล่นเกม อันนี้ผมสัมผัสได้ค่อนข้างชัดเลยว่ามีการดีเลย์อยู่ เช่นในเกม PUBG Mobile อันนี้คือเสียงปืนตามหลังภาพเลย สำหรับวิธีแก้ เบื้องต้นคือต้องไปเปิด Gaming mode ในหัวข้อ Labs ของแอป Galaxy Wearable ก่อน แต่…ฟังก์ชันนี้จะมีให้ใช้งานได้บนมือถือ Samsung รุ่นใหม่ ๆ เท่านั้น เพราะเท่าที่ผมลองทั้งจากใน Google Pixel 4 / iPhone 11 / Samsung Galaxy J7+ ทั้งสามเครื่องนี้ไม่มีให้ใช้งานเลย ดังนั้นถ้าจะเอาหูฟังคู่นี้มาใช้เล่นเกมที่ต้องอาศัยการฟังเสียง พูดตรง ๆ ว่าอาจจะไม่ค่อยเหมาะซักเท่าไหร่
ปิดท้ายด้วยเรื่องของระบบตัดเสียงแบบ ANC อันนี้ต้องบอกว่าอาจจะยังทำได้ไม่เท่ากับพวกหูฟังที่เป็นแบบ in-ear เนื่องจากดีไซน์ของ Samsung Galaxy Buds Live ที่เป็นเชิง earbud แปะเข้าไปในช่องหูส่วนนอก ไม่ได้มีท่อยื่นเข้าไปในช่องหู จึงทำให้ไม่สามารถปิดกั้นเสียงได้ทั้งหมด ส่วนระบบที่ช่วยในการตัดเสียง อันนี้ทาง Samsung ระบุว่าเป็นระบบที่จะตัดเสียงในบางความถี่ออกไป โดยยังเก็บเสียงภายนอกบางส่วนเข้ามาอยู่ เพื่อทำให้ผู้ใช้สามารถได้ยินเสียงรอบข้างที่สำคัญ ๆ ได้
โดยช่วงคลื่นความถี่หลักที่มีการตัดเสียงออกคือช่วงความถี่ต่ำครับ มีการรับรองจากทาง UL ว่าสามารถตัดเสียงรบกวนในย่านนี้ได้ถึงกว่า 97% ซึ่งเท่าที่ผมลอง ผลออกมาเป็นดังนี้
- ใส่ในบ้าน ใส่ขณะนั่งทำงาน – ยังได้ยินเสียงทีวี เสียงคนพูดอยู่ แต่เบาลงกว่าเดิม
- ใส่ขณะฝนตก – ยังได้ยินเสียงฝน แต่เบาลง
- ใส่ขณะเดินตลาด – เสียงประกาศ เสียงแม่ค้า เสียงคนคุยกัน เบาลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
- ใส่ขณะเดินริมถนน – เสียงรถเบาลง แต่ยังพอได้ยินอยู่
ซึ่งถ้าเปิดเพลง เสียงรบกวนจากภายนอกนั้นก็จะเบาลงไปอีกเยอะครับ แต่ถ้าเทียบกับ AirPods Pro ซึ่งเป็นหูฟังที่มี ANC ที่ผมมีอยู่ ต้องบอกว่า AirPods Pro เงียบกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด หลัก ๆ ก็คงเนื่องด้วยปัจจัยที่กล่าวในข้างต้นคือรูปร่างของหูฟัง และก็การออกแบบระบบ ANC
ข้อมูลเรื่องระบบตัดเสียงจากหน้าเว็บ Samsung
สรุปรีวิว Samsung Galaxy Buds Live
Samsung Galaxy Buds Live เป็นหูฟังไร้สายแบบ TWS ที่ถือว่า Samsung กล้าพอสมควรเลยที่ออกแบบมาในลักษณะที่แหวกแนวไปจากหูฟังรุ่นอื่น ๆ ซึ่งน่าจะตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการหูฟังไร้สายซักคู่ ที่ดีไซน์ไม่เหมือนใคร โดยที่ยังได้คุณภาพเสียงที่ดี และมีระบบช่วยตัดเสียงรบกวนแบบ ANC ในตัว ซึ่งตัวระบบช่วยตัดเสียงนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่ามันอาจจะไม่ได้ทำงานเหมือนกับในหูฟังรุ่นอื่น ๆ ที่ตัดเสียงรอบข้างจนแทบจะเงียบสนิท แต่โดยรวมแล้วมันก็ช่วยตัดเสียงรบกวนในย่านที่สร้างความรำคาญได้จริง โดยที่ยังคงเหลือย่านเสียงที่ค่อนข้างสำคัญเอาไว้อยู่ครับ ถ้าโอเคกับตรงนี้ ก็ต้องบอกว่ามันทำได้ตามหน้าที่ที่ได้รับการออกแบบมาแล้วแหละ
อีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องพูดถึงคือการออกแบบให้ตัวหูฟังมีขนาดเล็ก แล้วยังมีส่วนที่ใช้แตะเพื่อสั่งงานได้อีก แน่นอนว่ามันเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน แต่ในขณะเดียวกันมันก็อาจทำให้การใส่หูฟัง การปรับตำแหน่งนั้นทำได้ไม่ค่อยสะดวกนัก เพราะแค่แตะหูฟังเพื่อจะปรับตำแหน่ง ก็เป็นเหมือนการแตะเพื่อสั่งงานแล้ว จะคอยเปิด/ปิดฟังก์ชันการรับสัมผัสไปมา มันก็เสียความสะดวกที่ควรจะเป็นไปอยู่เหมือนกัน ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจซื้อ แนะนำว่าควรไปลองสินค้าตัวโชว์จากหน้าร้านก่อนครับ จะได้ทราบว่ามันเหมาะกับรูปทรงหูหรือเปล่า เพราะอย่างของผมเองมันก็มีส่วนที่กดทับใบหูอยู่เหมือนกัน
โดยรวมแล้ว Samsung Galaxy Buds Live เป็นหูฟังไร้สายแบบ TWS ที่ดีอีกรุ่นหนึ่งในตอนนี้เลยครับกับราคาค่าตัวไม่ถึง 7,000 บาท แต่ก็จะมีข้อจำกัดและข้อที่ควรนำมาพิจารณาอยู่พอสมควรเหมือนกัน ซึ่งถ้าชั่งน้ำหนักแล้ว ลองแล้วโอเค ผมว่ามันเป็นหูฟังที่น่าสนใจเลยทีเดียว